The Princess Of Darkness
แก้วแห่งความรู้แจ้ง -by The Ink

บทที่ 51 ทูตมรณะ
ท้องฟ้ายามนี้พระอาทิตย์ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว อาการเริ่มเย็นลงมากเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวยามราตรีจึงมาเยือนอย่างรวจเร็ว คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดทองฟ้าปล่อดโปร่ง แต่บรรยากาศในห้องๆหนึ่งกลับไม่มีใคสนใจบรรยากาศงดงามนอกห้องเลยแม้แต่น้อย
"แกมีอะไรคายออกมาให้หมดเลยนะเฟ้ย เครอน"

น้ำเสียงขอแกมบังคับนิดๆของโซรามอสที่กำลังตาขวางใส่เพื่อนตัวดีผู้กำลังนั่งกินข้าวโพดฝักอย่างเมามันไม่สนใจเรื่องโลกภายนอก ก็งี้อะนะมีของกินอุดปากที่ไรปากที่ชอบพูดนักก็ปิดสนิท ในห้องสอบสวนชั่วคราวนั้นมีจำเลยสามคนคือ เครอน เจอลาวัตที่ตอนนี้ตากลับมาเป็นเหมือนเดิมเว้นแต่ผมที่เริ่มกายมาเป็นดำกำลังอ่านหนังสือ และเวลล์จิบชาอยู่ใกล้ๆ กับสี่ผู้ใต่สวนว่าด้วย โซรามอส เวล์เซน คารอส และครอสล์มาร่วมวงแจม ห้องนอนของสองจอมเวทย์แฝดคนละฝาเลยดูแคบลงไปทันตา

ส่วนผลการแข่งขันทาร์เร่นปีนี้ผู้ชนะคือนักเรียนปีห้าด้วยจำนวนของวิเศษที่มากกว่าและตรงเวลากว่าเพราะปีหนึ่งเสียเวลากับไอ้เรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นไปมาก ทั้งๆที่มีการถ่ายทอดสดทุกเหตุการณ์ออกจอคนดู แถมยังมีกระดานเกมส์ของอาจารย์บอกทุกเรื่องทุกตำแหน่ง แต่กลับไม่มีใครเห็นหรือรู้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเลยสักคน มันน่าแปลก

"เรื่องนี้ไม่ต้องเล่าก็ได้ มันยาว" เครอนว่าขึ้น "ฉันกลัวเมื่อยปาก"
"พูดมาเลย ฉันงงไปหมดแล้ว" โซรามอสโวยวายขึ้นด้วยหน้าไม่เข้าใจสุดขีด
ตัวแสบถอนหายใจก่อนจะเล่า
"คือตอนแรกฉันเห็นว่าเจมส์มันอาการไม่ดีเลยปลอมตัวคิดจะไปแข่งแทนมันตลอดการแข่งขันโดยการร่วมแผนกับเวลล์แต่บังเอิญฉันกับคารอสไปเจอ

หมาป่าเงินวึ่งก็คือเจอลวัตในห้องมืดนั้นฉันเลยอาสาพาออกไป พอออกมาฉันกับพี่เค้าก็คุยถึงเรื่องการตายปริศนาในริสมาฟอรัสที่เกิดขึ้น พวกมนุษย์หมาป่าจะมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่ามนุษย์ธรรมดาเขาเลยบอกว่ารู้สึกถึงลางไม่ดีในการแข่งครั้งนี้และเขากำลังตามรอยสืบอยู่ พอถึงตอนพักฉันกลับไปดูเจมส์ตัวจริงที่ซ่อนไว้ในตู้ปรากฏว่ามันหายไปแล้วฉันก็พยามหาอยู่ตั้งนานจนไปเจอมันในกลุ่มการแข่งเสียแล้ว ฉันเลยถอดใจกลับไปนอนอยู่ในห้องจนเวลล์มันมาตามไปช่วยพวกนายเนี่ยแหละ เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่แค่นี้"

หลังจากเล่าจบคนเล่าก็ล้มตัวลงนอนถอนหายใจราวกับการเล่านั้นช่างเป็นงานที่ยากรำบากเสียเหลือเกิน
"ฉันตามรอยเรื่องการตายนั้นอยู่นานแล้ว จนเริ่มปะติปะต่อได้ว่าอะไรที่เป็นคนที่ฆ่ามนุษย์พวกนั้น" เจอลาวัตเริ่มอธิบายต่อ "ข้อสังเกตอย่างแรกคือเจ้าพวกนั้นเลือกฆ่าฉะเพราะมนุษย์เท่านั้น ศพทุกๆศพจึงเป็นมนุษย์แท้ๆ"
"มิน่ามันถึงเลือกฉันกับฟราน" โซรามอสพูดขึ้นพลางมองสองเพื่อนที่อยู่ข้างๆพร้อมสายตายิงคำถาม
"ฉันเป็นลูกครึ่งภูติ" เวล์เซนตอบพร้อมยักไหล่
"ฉันเองก็ลูกครึ่งปีศาจ" ครอสล์ว่าบ้าง ส่วนคารอสไม่มีท่าทางจะตอบ
"ข้อสังเกตอย่างที่สอง วิธีการฆ่าโดยการขวักหัวใจสดๆออกมาเพื่อปริชีพในครั้งเดียวจากนั้นจึงสูบเลือดและดวงตาไปเป็นวิธีการฆ่าแบบฉบับเดียว และข้อสุดท้าย ระยะการฆ่าที่สองศพแรกห่างกันสามเดือนที่ส่วนศพสุดท้ายก็ห้าเดือนเพราะฉะนั้นฉันถึงมั่นใจว่าสิ่งที่เราและโรงเรียนกำลังเผชิญอยู่คือ ทูตมรณะ"
"แล้วมันเกี่ยวยังไง" โซรามอสเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ
"พวกทูตมรณะคือครึ่งผีครึ่งคนที่อาศัยอยู่ในป่าบริเวณรอยต่อระหว่างเกรย์ดอฟเหนือและใต้ พวกนี้ไม่มีร่างเป็นของตัวเองต้องคอยกินเลือดของมนุษย์เพื่อใช่เพิ่มพลังและไม่ให้ตาย ถ้าทูตไม่ได้กินเลือดเกินเวลา5เดือนก็จะต้องสลายไปตามกฎของกรรม" เวลล์ตอบแล้วจิบชาอีกครั้ง "แต่พวกนี้ยังต้องการม่านตาคนเพื่อใช้ในการมองเห็นเพราะมันไม่มีตาเองเวลาฆ่าจึงจะเอาดวงตาไปด้วย ยิ่งดื่มเลือดมากเท่าไหร่พลังก็จะสูงขึ้นอย่างเช่นตอนกินเลือดใหม่ๆก็จะมีร่างเป็นของตัวเองได้แต่นานๆไปก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆจนตอนหาเหยื่อรายใหม่ แต่พวกนี้ฆ่ายังไงก็ไม่ตายเนื่องจากมันไม่ใช่คน" อาจารย์หันมามองหน้าของบรรดานักเรียนร่วมห้อง "ฉันลองนับวันแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายจะครบกำหนด5เดือนแล้ว พวกมันต้องเคลื่อนไหวภายในวันนี้แน่"
"ทูตมรณะจะอยุ่กันเป็นฝูง ฝูงหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตนแถมยังฆ่าไม่ได้อีก ยากจะรับมือ"
"ห้าร้อย" โซรามอสอุทานลั่น
กองทัพทูตมรณะห้าร้อยตนแถมยังฆ่าไม่ตายแล้วใครจะรับมือได้
"แล้วก็มีอีกเรื่องที่ฉันสงสัย" คำถามจากครอสล์ว่าขึ้น "เจอลาวัต นายเป็นเจ้าชายของเกรย์ดอฟ์ได้ยังไงในเมื่อเกรย์ดอฟมีทายาทเพียงคนเดียวคือไอ้เคริเอน่า แล้วนายด้วยเวลล์ นายมันใครกันแน่"
เสียงหัวเราะดังสนั่นออกจากปากของเครอนที่ถึงจะอยู่ในร่างผู้ชายแล้วก็เถอะ กับรอบยิ้มของสองเจ้าชายข้างๆ
"รัชทายาทของเกรย์ดอฟไม่ได้หมายถึงผู้ที่มีเชื่อสายผูกกับจักรพรรดิ ยศฉันเต็มๆคือ เจ้าชายหมาป่า เจอลาวัต ไนล์ แห่ง เกรย์ดอฟ หมายความว่า เจ้าชายของเมืองหมาป่าแห่งเกรย์ดอฟ ฉันเป็นแค่นั้น จริงไหม องค์หญิงใหญ่" รอยยิ้มแหย่รุ่นน้องข้างๆ
"โว้ย อย่าเรียกยศนี้ได้ไหม ขนลุก" เครอนโวยวาย
"องค์หญิงใหญ่ๆ ฮะๆๆๆๆๆๆๆ" ครอสล์หัวเราะน้องตวเองท้องแข็ง
"ตายซะเถอะ พี่บ้า"
น้องชายลุกขึ้นกระโดดเตะก้านคอพี่ชายก่อนที่เวทีมวยจะบังเกิดขึ้นทันที่ที่หลังห้องเล่นเอาห้องทั้งห้องโครมครามสนั่น
"เกรย์ดอฟใต้หรือในชื่อนครนรก ที่เป็นที่อยู่ของเฮนเทียลเป็นเมื่อที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดในมหาราชอาณาเดท แบ่งเมื่อเป็น21เมืองไม่นับเมืองหลวง แต่ละเมืองก็มีเจ้าเมืองแต่ละคนฉันเป็นลูกชายของเจ้าหมาป่าหนึ่งใน21เมือง ส่วนเวลล์เป็นเจ้าชายรัชทายาทของไซร์รัสไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกรย์ดอฟ"
"อืมใช่" อาจารย์พยักหน้า
"โว้ย.... น้องข้างบนเบาๆหน่อย" เสียงตวัดลั่นจากด้านลงหยุดเวทีมวยด้านบน
ความจริงจะนับเป็นมวยก็ไม่ถูกเพราะคนหนึ่งทั้งเตะต่อยเขาศอกส่วนอีกฝ่ายเอาแต่เป็นนวมถึงยังไม่เลิกหัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง

"คารอสๆๆๆ" เสียงทุบรัวประตูดังขึ้นสนั่นบ่งบอกว่าคนนั้นกับรีบร้อยแค่ไหน
เจ้าของชื่อเดินออกไปเปิดประตู บุรุษในชุดนักเรียนปีห้าเนื้อตัวชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อและมือที่มีคราบเลือดสดๆไหลนองมาถึงเสื้อ

"เกิดเรื่องแล้ว มีคนถูกฆ่าตายตรงระเบียงทางเดินปีกตะวันตก"
คำพูดที่เล่นออกทุกคนในห้องเครียดขึ้นมาทันที คำพุดของเวลล์ดังแว่วขึ้นมาในหัวใจ
ฉันลองนับวันแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายจะครบกำหนด5เดือนแล้ว พวกมันต้องเคลื่อนไหวภายในวันนี้แน่……

"สาเหตการตายเหมือนสามครั้งก่อนแต่เรื่องแรงจูงใจนั้นพวกเราไม่ทราบ ดูจากสภาพศพส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รู้ทางเข้าออกของโรงเรียนดีน่าจะฆ่าเพื่อเอาข้อมูลมากกว่านะครับ" เสียงสรุปจากรุ่นพี่รองคณะการตรวจตรา

ตอนนี้ข่าวเรื่องการตายในโรงเรียนกำลังแผ่สพัด บรรดานักเรียนต่างหวาดกลัวบางสิ่งที่เป็นผู้ฆ่าจนส่งผลต่อแบบแผนและชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นอย่างมากจนในที่สุดคณะกรรมการจึงตัดสินออกประกาศ

เข้มปิดตายเพื่อป้องกันสูงสุดโดยหวังจะดูแลความปลอดภัยได้อย่างรัดกุมที่สุด

สภาพศพซึ่งไม่มีใครคิดได้ว่าจะเป็นอาจารย์แม่มดผู้เป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนริสมาฟอรัสถูกฆ่าที่ระเบียงทางเดินปีกวันตก ศพถูกนำเข้ามาตั้วอยู่ในหอประชุมใหญ่ขณะนี้เพื่อกันนักเรียนที่พยายามแห่กันเข้ามาดู

"เราจะทำยังไงกันดี" เสียงเครียดจากคณะกรรมการสายดาบ
"คารอส นายเป็นคนดูแลเรื่องนี้ปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้ยังไง" อาจารย์ชารอน หนึ่งในคณะที่ปรึกษาตวาดขึ้นใส่บุรุษผู้มีภาระหนักเต็มที่
"แต่เรื่องนี้เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกนะ"
"สายเวทย์ก็ชอบแก้ตัวแบบนี้"
"ว่าไงนะ ไอ้พวกสายดาบปากเสีย"
"พอเถอะ" น้ำเสียงที่ยังคงความเรียบเย็นได้เหมือนเดิมกล่าวปราม "เรื่องนี้เพราะผมเองที่ผิด ไม่ได้ดูแลให้ดีถ้เทางคณะที่ปรึกษาจะกล่าวว่าอย่างไรผมก็ไม่คิดจะเถียง"
คารอสมองไปทางศพของจารย์ที่ยังคงอยู่กลางห้อง สภาพศพเหมือนรายอื่นๆยกเว้นที่แขนมีลายสลักจากเลือดเขียนเป็นภาษาแปลกๆที่แม้แต่คณะอาจารย์ยังอ่านไม่ออกไว้เป็นสิ่งเดียวที่เหลือเป็นหลักฐาน ซึ่งบางที่อาจเป็นชิ้นสำคัญแต่พวกเขาไม่มีปัญญาอ่านเองก็ได้
"แล้วจะเอาอย่างไงเรื่องข่าว" คำถามจากทางคณะกรรมการนักบวช
"ยังไงก็ต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาก่อนเป็นดี" สายดาบสวนขึ้น "ฉันได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้วเรื่องพวกยามให้เพิ่มกำลังเข้าไปอีกและเดินตรวจทุกสถานที่ ทุกเวลาทั้งกลาววันและกลางคืน ต่อให้มันเก่งสักแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้ามาได้หรอก"

"นายกล้าสั่งการโดยพลการได้ยังไง" เสียงจากสายเวทย์เข้าเถียง
"ก็หัวหน้างานไม่มีประสิทธิภาพฉันมีคุณสมบัติมากกว่าย่อมทำได้" รอยยิ้มแสยะจากกรรมการนักเรียนสายดาบปีห้า เป็นนักรบที่มีชื่อของทาร์รอสฉายาหนึ่งในสามมังกรแห่งริสมาฟอรัส
"แต่งานครั้งนี้ถ้านายเป็นแทนแน่ใจหรือว่าจะทำได้ดีกว่าคารอส"
"ก็ฉันมันแน่กว่าอยู่แล้ว ไอ้เด็กปีหนึ่งประสบการณ์ก็ออกจะน้อยนิดพลังเวทย์จะแค่ไหนกันเชียว" คำท้าทายของรุ่นพี่สายดาบก็ไม่อาจแม่แต่จะสั่นบัลลันก์ความนิ่งของชายตรงหน้าได้แม้แต่น้อย
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นกลับเป็นของอาจารย์ใหญ่ที่เป็นประธานคณะที่ปรึกษา รอยยิ้มใจดีอยู่เสมอยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าชวนให้นึกอุ่นใจ
"ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็อย่างมองข้าม ความจริงแล้วปีห้ากับปีหนึ่งก็ห่างกันแค่ไม่กี่ปีเองไม่ใช่เหรอ ครูว่าเรามาเข้าหัวข้อประชุมต่อดีกว่า"
"เพราะแกแหละนอกเรื่อง"
"ใครกันแน่"

เสียงกระซิบเถียงกันเป็นอันต้องจบเมื่อเสียงกระแอมดังขึ้น บรรยากาศของที่ประชุมจึงดำเนินต่อไปอย่างเงียบเฉียบ
ทลามการเสียงโวยวายดังมาด้านนอก อาจารย์ใหญ่จึงบอกให้นักเรียนคนหนึ่งที่อยู่อยู่ใกล้ประตูที่สุดออกไปดูทันเวลากับที่ประตูบานใหญ่กระชากเปิดออกจนนักเรียนผู้เคราะห์ร้ายเกือบถึงฆาตโดน

ประตูทับตาย
ครอสล์ แกรนต์คิล คือคนแรกที่ก้าวเข้ามาในห้องประชุมซึ่งต้องจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์เพราะประธานสายดาบผู้นี้ไม่เคยสักครั้งที่จะมาเข้าประชุม ไม่ปวดหัวก็ปวดท้องทุกทีที่มีคนไปตามแต่นั้นก็ไม่แปลกเท่าคนที่เดินตามเข้ามา
เครอน ทันเรอเรน
ตามกฎการประชุมห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา ถึงไอ้ครอสล์มันจะไม่เคยอ่านกฎกับเค้าเลยก็เถอะนะ
"เครอน นายเข้ามาทำอะไรไม่รู้กฎที่ประชุมหรือไง หัดรู้มารยาทเสียหน่อย" เสียงด่าลั่นของอาจารย์คู่แค้น ชารอนตวาดขึ้นทันที แต่ตัวแสบใช้วิชาหูทวนลมเดินหน้าตาเฉยเข้ามายังกลางห้องก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าศพอาจารย์
คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันก่อนจะจับแขนข้างที่มีรอยจาลึกขึ้นมาอ่านอย่างสงสัย
เท่านั้นเองนัยน์ตามรกตก็เบิกกว้างกับคจารึกที่เขียนทิ้งไว้ พร้อมๆกับหันมาแผดเสียงก้อง
"ถอนกำลังยามออกให้หมด"
"ว่าไงนะ" เสียงจากรุ่นพี่สายดาบตวาดอย่างไม่พอใจ "นายมีสิทธิอะไรมาสั่....."

สายตาคู่เขียวมรกตเปลี่ยนกลายเป็นแดงเลือดฉับพลัน พลังไอความตามมหาศาลเข้าแผ่ออกคลุมพื้นที่หอประชุมพร้อมๆกับความหวาดกลัวจับจิตที่ทุกคนสัมผัสได้แม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองแน่ยังตัวสั่น ไม่มีใครกล้าแม้จะสบนัยน์ตาหรือท้าทายอำนาจของบุรุษที่ใครๆก็คิดว่าไม่มีน้ำยาคนนั้นแม้แต่น้อย
"ถอนทุกกำลังซะ นี่เป็นคำสั่งฉัน" สุรเสียงดังจนกำแพงหินอ่อนแถบปริร้าว
คณะกรรมการแทบจะทุกคนหรือแม้แต่คัวคณะที่ปรึกษาบางคนรีบลุกหือขึ้นกระวีกระวาดทำตามคำสั่งนั้นอย่างรวจเร็วแม้แต่เด็กสายดาบที่ไม่เคยยอม

คำตามคำสั่งของใคร แต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าครั้งอื่นๆ ที่ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้าขึ้นจับจิต เสียงสั่งการดังขึ้นทั่วหอประชุม พวกสั่งก็สั่งพวกทำก็รีบเร่งออกไปทำก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงด้วยการรีบเร่งจากไปทำงานของคนแต่ละคน

หอประชุมที่เคยจะวุ่นวายเงียบสงบเหลือเพียงคนอยู่เพียงไม่กี่คน
เสียงปรบมือดังขึ้นเป็นเสียงแรกที่ทำลายความเงียบ
"สมเป็นคนแห่งโลกความมืด ความเป็นผู้นำเด็ดขาดจริงๆ" เจอลาวัตที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกล่าว ผมสีดำตอนนี้คืนกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์เหมือนเดิมแล้ว
"นั้นสิ เป็นลูกศิษย์นักปกครองไซร์รัสก็ต้องเก่งอยู่แล้ว" เวลล์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ปรึกษาที่ตอนนี้มีแค่เขากับอาจารย์ใหญ่เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในหอประชุม
"เครอน ฉันเคยได้ยินชื่อเธออยู่บ่อยๆเหมือนกันเรื่องความจริงใจ รักเพื่อน แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนที่เด็ดขาดเหมือนกัน แสดงว่าคิดไม่ผิดที่เลือกเอมาเรียนที่นี่" อาจารย์ใหญ่กล่าวพร้อมกับยิ้มให้ก่อนที่จะลุกขึ้นจากที่นั่ง "ยังไงเรื่องนี้ก็ปรึกษาพวกเพื่อนเธอก็แล้วกัน ครูฝากด้วย"
ว่าแล้วอาจารย์ใหญ่ก็เดินจากไปทิ้งพวกนักเรียนจัดการ

บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบตามเดิม แต่หัวใจของเครอนกำลังลุ้นระทึกอยู่เมื่อตัวเองลืมตัวไปสั่งการรุ่นพี่กลับเรื่องความลับที่จะแตก อาจารย์ใหญ่ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรก็จริงแต่ถ้าเขารู้ขึ้นมาเขาคงต้องระเห็จออกจากโรงเรียนนี้แน่ๆเรา โอ้พระเจ้าจอร์ดมันแย่มาก ออกไปก็ต้องไปเดินทางต่ออยู่นี้กินฟรีอยู่ฟรีไม่เสียตัง ไม่อยากออกโว้ย.....
"ทำไมนายสั่งถอนกำลังด่วนแหละ" โซรามอสถามพร้อมกับเดินเข้ามาในที่ประชุมเล่นเองเพื่อนๆสะดุ้งตกใจ
"น่าจะรู้ว่าเด็กที่นี่ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ ออกไปเดินก็เหมือนเหยื่อล่อยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งน่ากินมากเท่านั้น" เครอนว่าพร้อมกับยักไหล่ "ไอ้สามจิ้งเหลนนั้นโง่หรือบ้ากันแน่ที่ส่งคนออกไป ไม่งั้นรับรองเช้าพรุ่งนี้เราจะได้ศพเพิ่มมาอีกเป็นโหลๆแน่"
"สามจิ้งเหลน" โซรามอสทวนอย่างไม่เข้าใจในขณะที่บรรดาเพื่อนคนอื่นๆหัวเราะลั่นเว้นเจ้าตายด้านไว้คนหนึ่งนะ
"สามจิ้งเหลนก็เท่ากับสามมังกรไง" ครอสล์เฉลย
เมื่อได้ยินดังนั้นโซรามอสก็ร่มวงหัวเราะไปกับคนอื่นๆด้วยจนในที่สุดเสียงกระแอมขัดจังแหวะก็ดังขึ้น
"ศพคนที่ตายครั้งนี้เป็นอาจารย์ พวกนายคิดว่าเพื่อประโยชน์อะไร" คารอสกล่าวขึ้น
"ฉันลืมบอกไปอย่าง ว่าพวกทูตมรณะที่ความสามารถอีกอย่างคือดูดความทรงจำ พอมันฆ่าใครนอกจากกินแล้วยังดูดความทรงจำได้อีกด้วย ศพสองคนแรกเป็นอดีตยามของโรงเรียนมันฆ่าเพื่อเอาความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่ในโรงเรียน ส่วนคนที่สามกินเพื่อความอยู่รอดประทังท้อง และคนสุดท้ายนี้" เวลล์หันไปทางร่างไร้วิณณาญของรองอาจารย์ใหญ่ "เพื่ออะไรสักอย่าง"
"เพื่อที่อยู่ของของที่มันต้องการ" เครอนพูดขึ้น
"ของ?" เวล์เซนส่งสายตาถาม "อะไร"
"คำจารึกที่เขียนไว้เป็นภาษาทูตมรณะ ถ้าจะแปลก็จะแปลออกมาได้ว่า"
เสียงหยุดพักถอนหายใจก่อนจะหลับตาลง น้ำเสียงเรียบๆที่ไม่ได้ดังอะไรมากแต่กลับดังฟังชัดทุกๆคำพูดแปล่งออกมา
"หนึ่งในสามแก้วบรูพา....แก้วแห่งความรู้แจ้ง"


ตอนที่ 52 สมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนบรูพา
"พวกลีฟทั้งหลายปกครองตนเองมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะมีสิ่งที่คอยค้ำจุนดูแลอยู่ สิ่งเหล่านั้นคือพลังพิเศษที่พระเจ้าประทานให้ บรรจุและหลอมรวมกันอยู่ในลูกแก้วหรืออีกชื่อสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนบรูพา เมื่อหลายปีก่อนเทรนต์นอสกษัตริย์สูงสุดแห่งความสว่างได้แยกลูกแก้วสามลูกออกจากกัน ลูกหนึ่งในไปอยู่ในริสมาฟอรัสภายใต้การดูแลของเอ็นโทราส กราส และบรรดาคณาจารณ์ของโรงเรียนแห่งนั้น ลูกแก้วนั้นคือแก้วแห่งความรู้แจ้ง รู้เห็นในทุกเรื่องราว ทุกเบื้องหลัง ทุกการกระทำ และทุกความจริง"

น้ำเสียงเย็นจนจับเยือกแข็งแปล่งขึ้นทามกลางความเหงาวังเวงยามรัตติกาล ตรงหน้าของเจ้าของเสียงคือตู้กระจกใสที่มีเสาทองคำสี่ด้านแกะสลักเป็นลวดลายงามวิจิตรคลายเทพที่คอยปกปักรักษาส่องประกายจับเรือง

รองในความมืดมน ด้านบนเสาทั้งสี่โค้งตัวมีรวมกันเป็นโดมทองประดับเพรชพลอยที่มีนกฟินิกซ์ไฟตัวใหญ่เกาะอยู่ในท่ากางปีกกว้างโอบลอมไว้ ดวงตาที่ทำจากทับทิมเม็ดโตจ้องเขม็งมายังเบื้องหน้าดูราวกับข่มขวัญ ช่างเป็นความงดงามวิจิตรศิลป์ที่ยากจะหาอะไรมาเปรียบเทียบ เว้นแต่ผู้บุกรุกนั้นไม่ได้สนใจแต่อย่างได้เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้น

แก้วแห่งความรู้แจ้งลูกงามลอยโด่นอยู่กลางอากาศภายในตู้ ซึ่งแม่จะไร้แสงสว่างจากดวงเดือนหรือดวงดาวก็ยังคงส่องแสงสว่างออกมาปานจะประกาศความศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ลูกแก้วลูกขนาดพอดีมือที่นักเรียนแห่งริสมาฟอรัสทุกคนต้องเคยสัมผัสยามเมื่อสอบเข้าเรียนปีแรก ลูกแก้วที่ดูไม่ได้มีความสำคัญนอกเหนือจากนั้นตอนนี้กำลังจะรู้ถึงพลังอำนาจแห่งความสว่างที่แฝงอยู่ภายใน

"แก้วแห่งความรู้แจ้ง ถ้าไม่มีมันพวกความสว่างก็เหมือนตามืดบอด" มือสีขาวซีดอมม่วงน่าข่นลุกไม่ต่างจากมือของศพยื่นออกมาจากใต้ผ้าคลุมดำเก่า ขาดรุ่งริ่งช้าๆ "อยากรู้นักว่าพวกนั้นจะทำยังไงถ้าดวงตามืดบอด ขาดสิ่งชี้นำ มันคงสนุกน่าดู"

มือยาวของหัวหน้าทูตมรณะยื่นไปสัมผัสตู้กระจก ทันใดนั้นตู้กระจกที่ควรจะหนาแข็งแกร่งก็ละลายออกราวกับน้ำที่ถูกมือทะลุผ่านไป ลายของกระจกกระเพื่อมออก มือแห่งความหายนะก็เข้าไปคว้าลูกแก้วอย่างรวจเร็วพร้อมด้วยกรงเล็กยาวแยกออกเพื่อทำลาย
แต่แล้วสิ่งที่สัมผัสได้คือความว่างเปล่า

กรงเล็บนั้นทะลุผ่านแก้วแห่งความรู้แจ้งไปราวกับภาพลวงตา แต่ไม่ใช่ ไม่ว่าจะพยายามจับลูกแก้วสักกี่ครั้งความพยายามนั้นก็ไร้ผลเมื่อสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า ในที่สุดทูตมรณะก็ถอนมือออกจากกระจก ลายกระจกกระเพื่อมก่อนจะค่อยๆหายกลายสภาพมาดูเหมือนกระจกแข็งตามเดิม

"มันเป็นไปได้ยังไง"
"หยุดนะ แกใคร" เสียงทักว่าขึ้นในความเงียบแม้เจ้าตัวยังลังเลใจ

ดวงตาที่มีเพียงส่วนของตาขาวหันมามองด้านหลังของตัวเอง เสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งกับร่างจริงๆของทูตแห่งเกรย์ดอฟมิงได้ไม่ค่อยชัดนักในความมืดแต่ก็ไม่เกินกำลังของพวกที่อยู่ในห้อง ร่างผอมเห็นกระดูกผิวเหมือนศพคนที่ตายไปแล้วใส่ชุดคลุมดำมืดยาวขาดซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ใต้หมวกคลุมเห็นเพียงริมผีปากสีม่วงหยาบๆ

เล่นเอาพวกเขาแทบช็อก
"มนุษย์สองคน ข้ากำลังหิวอยุ่พอดีเลย"
นักเรียนปีสามผู้เคราะห์ร้ายสองคนบังเอิญผ่านมาแล้วสงสัยก็กลายมาเป็นอาหารให้กับฝูงทูตมรณะเพิ่มอีก ทั้งสองพยายามวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทันเนื่องจากแค่วิ่งยังไม่ทันพ้นบานประตูลับก็โดนมือในความมืดชากกระชากหัวใจออกจากร่างไป ฝูงทูตมรณะกว่าห้าร้อยตัวโผล่ออกมาจากมุมมืดภายในห้องพร้อมๆกับร่วมกันรุมฉีกกินอาหารชิ้นใหม่อย่างหิวโหย เหยื่อที่ยังไม่ตายแม้หัวใจจะออกมาจากร่างแล้วร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดทิ้งให้เพื่อนอีกคนตกใจแทบบ้ากับภาพเบื้องหน้า และนั้นเองที่พวกทูตที่เหลือให้มากินเหยื่อที่ยังอยู่อีกรายที่ยังพยายามดิ้นรนเอาชีวิจรอด แต่ก็ไร้ผลเมื่อกรงเล็บยาวแทงเข้าที่หัวใจจนทะลุไปถึงด้านหลังก่อนจะดึงกระชากออก
"อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!"
เลือดสดๆไหลนองทั้งที่พื้นและที่ปากของพวกที่กำลังสูบเลือดส่งกลิ่นเหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียนคลุมคลั่งห้อง
ห้องลับบนยอดหอคอยกลางของมหาปราสาทแห่งริสมาฟอรัส
"เครอน นายเป็นอะไรไป" เวล์เซนหันมาถามเพื่อนซี้ที่อยู่ๆก็หน้าซีด
ทั้งคณะออกตะบึงวิ่งระยะไกลจากหอประชุมใหญ่มาตามทางเดินเข้ามหาประสาทจนตอนนี้กำลังแข่งกันวิ่งขึ้นบันไดสูงลิ่วของหอคอยกลาง

ไปยังยอดโดยการนำของเจอลาวัตที่ใช้สัมผัสตามกลิ่นของพวกมนุษย์หมาป่า
"มันได้พลังเพิ่ม" เจอลาวัตหยุดวิ่งนำพร้อมกับกล่าว "รีบไป"
ทั้งกลุ่มวิ่งนำขึ้นไปแต่เครอนกลับไม่มีแรงพอจะไล่ตามอีกต่อไป เท้าที่วิ่งเริ่มช้าลงๆจนใครบางคนสังเกตได้ มือใหญ่ขว้าข้อมือของตัวแสบจอมอู้ให้วิ่งตามขึ้นมา คนถูกจับมืออ้าปากจะด่าแต่เมื่อโดนแววตาดุปนขู่ในนัยน์ตาม่วงคู่นั้นจึงเป็นอันปิดปาก

เพราะขี้เกียจด่า
ประตูห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่แห่งริสมาฟอรัสที่ตอนนี้เจ้าของห้องไม่อยู่ถูกทำให้เปิดออกโดยแรงประสานของพระบาทยี่ห้อบาทาของ

สามเจ้าชายและรองทีนยี่ย้อป็อบตี นของสี่สามัญชนที่ไม่แน่ว่าอาจะไม่สามัญจริงๆก็ได้ร่วมด้วยช่วยกันพังประตูจจจนบานประตูที่แสนจะสวยงามหลุดกระเด็นโครมลอยลิ่ว

ตามแรงลมไปตกอยู่อีกฝากของห้องดังโครม
"แกจ่าย" ครอสล์พุดขึ้นคนแรกพร้อมกับชี้ไปที่น้องตัวเอง
"โนเว พี่จ่ายสิฟะถีบแรงกว่าเพื่อน" ตัวแสบเถียง
"แก"เสียงเถียงมา
"แก" เสียงเถียงกลับ
ส่วนอื่นๆไม่มีเวลาที่จะมาเถียงเรื่องไร้สาระของหัวข้อใครจ่าย คารอสตรงสู่ประตูห้องลับที่อยู่หลังชั้นหนังสือทันทีโดยมีเพื่อนคนอื่นๆตามเข้าไป

กะจิตกะใจตระพี่น้องตัวดีนั้นมันมีแต่เรื่องเงินอยู่เต็มสมองเลยหรือนี่ เถียงไม่รู้จักดูสถานการณ์
"โว้ย ไอ้คู่นั้นอะจะเถียงกันอีกนานไหม ฉันไม่รอแล้วนะเฟ้ย" โซราอมสตะโกนก่อนที่เดินหายเข้าไปในระเบียงทางเดินมืดๆหลังชั้นหนึ่งสือ
"เฮ้ย รอด้วยสิวะ" เครอนรีบวิ่งตามหันเพื่อนผู้แสนดีเข้าไปพร้อมๆกับครอสล์
ระเบียงทางเดินลับของหอคอยกลางมีสภาพไม่ต่างอะไรกับคุกใต้ดินร้างเลยแม้แต่น้อย ทางเดินแคบๆที่พื้นและกำแพงเป็นหินเก่าๆขึ้นรา กลิ่นเหม็นอับกลิ่นสาบรอยฟุ้งไปหมดจนแม้แต่นักรบยังทำหน้าเบ้แถมยังไม่มีไฟส่องนำทางอีกตั้งหาก การเดินทางในความมืดครั้งนี้จึงเป็นเหตุให้เกิดการชนกันเองอยู่หลายๆครั้งบางครั้งเล่นเอาหัวทิ่มไปตามๆกัน
แต่ที่ดูจะเดินได้อย่างไม่มีปัญหาคงหนีไม่พ้นสองคนนำ เจอลาวัตเป็นหมาป่า อันนี้ก็พอเข้าใจว่าดวงตาของมหาป่าจะมองเห็นได้ในความมืดแต่ไอ้อีกคนนี่สิที่น่าสงสัย คารอสดูยังไงๆก็เป็นคนธรรมดาแต่ทำไมมันเดินเหมือนเห็นทางได้นะ
"โว้ย รำคาญโว้ย"
ในที่สุดคนขี้รำคาญแต่ไม่ขี้โมโหอย่างเครอนโวยขึ้นหลังจากชนเข้ากับครอสล์เป็นรอบที่แปด ดวงไฟสีส้มถูกเสกขึ้นให้แสงสว่างจ้าไปทุกๆแห่ง ภาพของบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ปรากฏให้ทุกคนเห็น

ศพนักเรียนชายในเครื่องแบบสายพ่อค้าสองคน เลือดแดงอาบทั่วร่างเป็นที่มาของกลิ่นสาบคาว หัวใจของศพทั้งสองหยุดเต้นแล้วตกอยู่ไม่ไกลจากร่างนักมีเพียงม่านตาเท่านั้นที่หายออกจากกระบอกตาไป เลือดไหลนองออกจากความกลวง

ในนัยน์ตาคู่นั้น นอกจากนี้แล้วดูจากสภาพน่าจะถูกลากออกจากประตูมาโยนทิ้งไว้ซึ่งประตูที่ว่านี้ก็หลังตะหง่านอยู่หลังศพไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ประตูไม้ขนาดธรรมดาเก่าๆที่ผุจวนจะพังเต็มทีจนไอแห่งความตายพุ่งออกมาตามรูและซอกประตู

เสียงสัญญาณของการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังประตูบานนี้ และวินาทีต่อจากนี้
ตูม...

เวทย์ยุทธอันแรกของการเปิดฉากพุ่งเข้าปะทะประตูไม้เก่าๆแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เศษไม้ปลิวว้อนไปตามแรงปะทะ คารอสเรียกลูกไฟแรกพุ่งเข้าโจมตีฝูงทูตมรณะที่อยู่ใกล้บานประตูมากมากที่สุดกลุ่มแรกพร้อมๆกับเจอลาวัตที่เปลี่ยนร่างกลายเป็นหมาป่าเงิน

ตัวใหญ่เข้าขย้ำคอฝูงทูตอีกกลุ่มหนึ่ง

ท้องฟ้าคือเดือนมืดที่แสนจะสงบกลัยปั่นปวนกระทันหัน สายฝนแทกระหนั่มอย่างไม่ลืมหูลืมตาพร้อมๆกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังลั่นจนบางที่แผ่นหินใต้เท้าของทั้งกลุ่มเกิดสั่นสะเทือน

โซรามอส เวล์เซน และครอสล์เรียกดาบคู่ใจพุ่งเข้าปะทะกับฝูงที่เหลืออยู่อย่างบ้าคลั่งตามสายเลือด หนทางที่ตรงสู่ลูกแก้วถูกเปิดกว้างอย่างไม่ได้ตั้งใจเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เวลล์และเครอนฉวยเอาไว้อย่างไม่ต้องคิด เครอนวิ่งนำหยุดตรงหน้าตู้กระจกพร้อมๆกับใช้มือผ่านกระจกใสเข้าไปคว้าแก้ว

เป็นเช่นเดียวกับครั้งก่อน กระจกใสเป็นลายให้มือผ่านเข้าไปได้แต่กลับไม่สามารถสัมผัสลูกแก้วแห่งความรู้แจ้งได้แม้แต่น้อย
"เอาไง" เครอนถามอย่างรีบเร่งทันทีที่ชักมือกลับ
เวลล์คิ้วขมวดพร้อมกับเงียบใช้ความคิด ทันทีฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมายังจุดยอดหอคอยจนเครอนศูนย์เสียการทรงตัวเซไปปะทะขอบทองของตู้ เสียงกึกดังขึ้นทันเวลาที่ชั่วแวบที่ลูกแก้วสั่นไหวโดยที่ไม่มีใครสังเกต
เครอนตะเกียดตะกายทรงตัวขึ้นมาใหม่แต่คราวนี้มีเสียงบางอย่างแหวกอากาศตรงมียังจุดของหัวใจด้วยความรวดเร็ว
"วายุรัตติกาล"
เสียงประกาศเรียกดาบรูปร่างเพรียวที่สุดในบรรดาดาบทั้งหมด อาจเรียกได้ว่าความกว้างดาบเล็กกว่าธรรมดา3เท่าเว้นแต่ความยาวที่ยาวกว่าจนน่าตกใจ ดาบที่เจ้าของเรียกออกมาทันเวลากั้นหัวใจตัวเองก่อนจะถูกกรงเล็บยาวฉีกออกจากร่าง
ดาบในมือที่ถึงจะบางจนไม่น่าจะต้านทานพลังของทูรตมรณะได้นิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ตรงหน้าโดยมีกรงเล็บเกี่ยวขว้างอยู่ หัวหน้าทูตมรณะแสยะยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความเวทนาแกมสนใจซึ่งเครอนก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนักหนา
"แกไปใครกัน เจ้าเด็ก" เสียงถามดังขึ้นเมื่อสองคู่สู้แผละออกจากกันไปตั้งหลัก "ถึงมีดาบนั้น"
ทูตตัวที่สองปรากฏตัวเข้าโจมตีเครอนทางด้านหลังแต่ก็ไม่เร็วพอที่จะหลอกเหยื่อให้หลงกล เพราะทันทีที่กรงเล็บยาวนั้นพุ่งเข้ามาปลายดาบที่ไม่รู้มาจากไหนตวัดเข้าตัดร่างออกเป็นสองท่อนโดยมีเจ้าของร่างยื่นนิ่งอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าเฉยชา

ความเร็วนรกของคนถือที่ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีอ้อมไปด้านหลังพร้อมกับตวัดดาบสังหาร วายุแห่งรัตติกาล ดาบแห่งความเร็วที่เร็วจนน่ากลัว สายลมแห่งความมืดคือความหมายของดาบ เด็ดเดียว เยือกเย็น รวจเร็ว และรุนแรงในคราวเดียวกันคุณสมบัติของผู้ถือดาบ
เครอนไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมัวยืนดูผลงานเพราะเจ้าตัวรีบพุ่งไปช่วยเหลือเวลล์รับมือฝูงทูตที่เข้ามารุมรอม อาจารย์หนุ่มร่ายเวทย์เข้าโจมตีวงกว้างพร้อมๆกับร่างเพื่อนแกมลูกศิษย์เข้าช่วยกันด้านหลังไว้ไห้

"ใช้เวทย์เป็นทำไมไม่ใช่" เวลลฺกระซิบถาม
รอยยิ้มของตัวแสบปรากฏขึ้นก่อนจะพูดตอบกลับ
"มันไม่มันอะดิ"

เป็นคำตอบที่น่าถีบนักโดยเฉพาะกับจอมเวทย์บางคนที่อาจจะหักคอจิ้มน้ำพริกคนเล่นไม่รู้จักเวลาแต่สำหรับอาจารย์หนุ่มที่แสนจะใจด

ีอย่างเวลล์แล้วนั้นเสียงหัวเราะนำมาก่อนอื่นใดตามนิสัยคนอารมณ์ดี

โซรามอสกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยรอยยิ้มที่แสดงความมันสุดๆทั้งๆที่เนื้อตัวมีบาดแผลจากกรงเล็บปีศาจมากมาย ดาบกวัดแกว่งไปมาพร้อมๆกับเสียงฝ่าอากาศดังวืดๆ ทูตมรณะที่โดนดาบพุ่งแทงจะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนก่อนจะสลายหายไปเป็นไอดำๆแต่ไม่นานก็จะกลับมารวมร่างกันไหมอีกครั้ง

ความเหนื่อยอ้อนเริ่มมาเยือนร่างกายของคนบุกหนักโดนไม่คำนึงถึงกำลังของโซรามอส เมื่อศัตรูที่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตายมาเข้าโจมตีอย่างไม่ขาดสาย ในที่สุดความเหนื่อยนั้นก็ทำให้เขาพลาด กรงเล็บยาวพุ่งเข้าโดนที่บริเวณแขนขวาเต็มแรง เลือดไหลอาบพื้นจนน่าตกใจจากบาดแผลกว้างและลึกนั้นคงจะกินเข้าไปถึงเนื้อใน และเมื่อได้โอกาสทูตตนนั้นก็พุ่งเข้าจัดการขั้นเด็ดขากทันที เครอนที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าดาบรับแทนไว้พร้อมกับปาดคอทูตอย่างรวจเร็ว

"ไหวไหม" ตัวแสบถามเพื่อนด้านหลังที่พยายามยันตัวขึ้นมา
"ไหว"
"นายอย่าลืมว่านายมันเลือดมนุษย์ ถ้านายตายหรือไม่ได้เลือดนายเราก็ยิ่งรำบากเพราะฉะนั้นห้ามนะเฟ้ย"
"รู้แล้วหน่า" โซรามอสตอบปัดๆอย่างรำคาญใจ
เวล์เซนกำลังถือดาบอยู่ข้างๆครอสล์ สองคนนี้ดูเหมือนจะรับศึกหนักไม่แพ้ทางฝั่งนี้ เจอลาวัตเองก็กำลังพยายามฝ่าเข้าไปช่วยเหลือสองคนนั้น เหลือเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนอยู่ในขั้นได้เปรียบกว่าเราคนอื่นๆ

คารอสรับมือฝูงทูตมรณะได้มากกว่าครึ่งโดยไม่ต้องมีคนช่วยเหลือ พลังเวทย์ส่องออกจากร่างพร้อมๆกับทำลายทูตมรณะทุกตัวในรัศมี3เมตรหรืออาจะมากกว่านั้น และรู้สึกว่าฝูงทูตแถวนั้นจะระวังตัวมากเป็นพิเศษ

"เวลล์ นายรู้วิธีเอาแก้วออกมาได้ไหม" เครอนถามอาจารย์ใกล้ๆที่กำลังหาทางร่างเวทย์

"ลูกแก้วถูกส่งไปต่างมิติ ถ้าจะเอาออกมาต้องทำยังไงฉันไม่รู้ แต่รู้เพียงอย่างเดียวคือเราไม่สามารถที่จะสัมผัสลูกแก้วได้จากมิตินี้"
"แสดงว่าถ้าเราอยู่อีกมิติหนึ่งก็สามารถจะเอาแก้วมาได้สิ ใช่ไหม"
"น่าจะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามั..."
"คารอส หัวหน้าทูต"
เครอนรีบตะโกนออกไปทันทีที่หัวหน้าของทูตมรณะเดินมาใกล้ตู้กระจก ราวกับรู้ว่าพวกเราคุยอะไรกันมันเดินตรงเข้าไปทางตู้กระจกทันที จอมเวทย์หนุ่มส่งเวทย์สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงตรงหังของมันทันที แต่สายไปเสียแล้ว

ร่างของหัวหน้าทูตหายไปในตู้ก่อนจะโดนสายฟ้าเพียงนิดเดียวเท่านั้น พลังสายฟ้ายังสะท้านหอคอยจนน่ากลัว แต่คนทำอะไรไม่รู้จักคิดรีบวิ่งตรงไปยังตู้อย่างรวจเร็วจนไม่มีใครห้ามทันหรือแม้แต่กรงเล็บแห่งพวกทูตจะสัมผัสร่างเรียกเลือดไปมากแค่

ไหนตอนนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่แล้ว

"เครอน อย่า...."
ร่างของตัวแสบพุ่งเข้าปะทะกระจกแล้วหายเข้าไปทันที ประสาทที่เคยรับรู้หายไปหมด ทุกอย่างมืดมิดมากจนมองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือของตนเอง ความรู้สึกว่างเปล่าประหลาดเหมือนตัวเองกำลังลอยอยุ่ในอากาศก่อนที่จะรู้สึกว่าตกสู่เหวลึกมืดมิด เสียงลมเย็นๆอื้อตีหูจนชาแทบไม่รู้สึก ความรู้ในใจของเครอนกลัลคิดขึ้นมาเอง

ในที่สุดเขาก็มาได้แค่นี้เองหรือ เขาคิดในใจ มันน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับที่เขาตั้งใจไว้ แล้วศพเขาก็คงต้องมาอยู่ในมิติที่ไหนก็ไม่รู้คงไม่มีใครมาช่วยทำศพสินะ

ถ้าด้านล่างเป็นพื้นหินรับอยู่เขาคงเชื่อว่าตัวเองต้องตกลงไปคอหักตายแน่ๆ แต่ถ้าถึงจะเป็นของที่นิ่มกว่านั้นก็ไม่แน่ว่าเขาจะรอดและกลับไปได้

แต่แล้วทุกอย่างกลับหยุดนิ่งๆ ดวงตาที่มั่วเริ่มปรับให้เข้าที่ ภาพของห้องเดิมที่เข้าจากมา เขากำลังยืนอยู่ข้างหน้าตู้เก็บแก้วที่ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม กำแพงเก่าๆเหมือนเดิม เพียงแความแตกต่างมีมากอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะมีของอะไรที่ผิดจากที่หรือเปลี่ยนไป แต่ทุกคนหายไปไหนหมดทั้งฝูงทูตและเจ้าเพื่อนๆบ้า ทุกคนหายไปหมด ไม่มีแม้แต่รอยของการต่อสู้ในห้องเลยแม้แต่น้อย
"ไง เจ้าเด็ก เล่นซนมาอยู่ถึงนี้เลยเหรอ" เสียงทักดังขึ้นจากด้านข้างของตัวเองพร้อมๆกับกระโดดหลบกรงเล็บได้อย่างหวุดหวิด
"วายุรัตติ"
เสียงประกาศเรียกดาบดังออกจากปากของเครอนไปอย่างเคยชิน แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มือยังคงว่างเปล่าไม่ได้มีดาบปรากฏ

เหมือนอย่างเคย
"เปล่าประโยชน์ ไม่มีทางหรอก" หัวหกน้าทูตมรณพแสยะยิ้ม "อยู่ที่นี่ไม่มีทางหรอก"
"ที่นี่ที่ไหน" เครอนถามพร้อมๆกับออกห่างอย่างระวังตัว
เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะปรากฏ
เงาของมิติที่เขาจากมาค่อยๆเผยให้เห็นเป็นเหมือนภาพเงาลางๆ เขาเห็นครอสล์ และเจอลาวัต กำลังสู้กับฝูงทูตมรณะอยู่ทางด้านหนึ่งของห้อง โซรามอสกับเวล์เซนเองก็อยู่อีกฝากหนึ่ง กลางห้องคารอสกำลังพยายามเต็มที่ๆจะหาทางเข้าทางตู้กระจกอย่างตื่นตะหนกโดยมีเวลล์คอยดู

หลังให้อยู่ข้างๆ เป็นครั้งแรกที่เครอนเห็นใบหน้าที่เฉยชาอยู่เสมอแตกตื้น เลือดและเหงื่อไหลอาบร่างแต่เจ้าตัวกลบไม่สนใจแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เขาอยู่ห่างจากหมอนั้นไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นแต่กลับไม่เห็น เครอนเอามือไปสะกิดตัวเพื่อนร่วมห้องแต่มันกลับผ่านทุละตัวเขาออกมาเหมือนครั้งที่พยายามสัมผัสแก้วแห่งความรู้แจ้ง
ภาพนั้นปรากฏเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะค่อยๆจางหายไป
"นี้คือ มิติแห่งความเท็จ" เสียงบอกจากหัวหน้าฝูงทูตที่กำลังเดินวนไปมารอบๆตัวเครอน "มิติที่ไม่มีความจริง มิติที่ตรงข้าม และไร้ขอบเขต" มันหยุกพูดพร้อมกับแสยะยิ้มสะใจ "แกไม่มีวันกลับไปได้อีก ต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล"
"งั้นเหรอ" คนฟังผู้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอามือไปเค๊ากระจกตู้เล่น
กระจกที่สมควรที่จะละลายให้มือผ่านได้เหมือนครั้งก่อนตอนนี้ทั้งหนาทั้งแข็ง นาฟิกาเรือนเก่าๆด้านหนึ่งของห้องเองก็กำลังเดินกลับทิศกลับทางกับความเป็นจริง งั้นลูกแก้วที่เคยสัมผัสไม่ได้ก็ต้องจับได้สินะ
"ยังมีน่ามาทำใจเย็น ฉันมันทูตมรณะถ้าพวกฉันฆ่าเพื่อนแกแล้วได้เลือดอีกสักคนฉันจะมีพลังพอจะอกจากที่นี่แล้ว เชิญแกตายอยู่ที่นี่คนเดียวไปก็แล้วกันหรือดีไม่ดีฉันอาจจะช่วยกินศพให้ก็ได้ ถ้าแกต้องการ" มันแสยะยิ้ม
"อืม ก็นั้นสินะ มันควรจะเป็นแบบนั้น" เครอนกล่าวพร้อมกับเดินห่างจากตู้ใกล้เข้ามา ก่อนน้ำเสียงที่เริ่มเยือกเย็นลงจะกล่าวต่อ "เพียงแต่ว่า...."
เปรี้ย.......
เสียงตู้กระจกเริ่มปริร้าวตามแรงพลังที่มองไม่เห็น
"พวกแกมันไม่มีปัญญาหรอก"
หัวหน้าทูตชะงักถอยหลังนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัวก่อนจะตัดสินใจกำจัดเหยื่อตัวจ๋อยที่ไร้อาวุทไร้เวทย์
กรงเล็บยาวยื่นออกมาตรงไปยังขั้วหัวใจอย่างรวจเร็ว เพียงนิดเดียวงานก็จะสำเร็จลุล่วง เด็กก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำไม่มีทางชนะทูตแห่ง

ความตายได้หรอก แต่แล้วมือจากไหนไม่รู้จากข้อมือขวานั้นไว้ก่อนจะสวนหมัดซ้ายหนักๆเข้าให้กลางอกทันทีจนกระอักเลือดทรุดลง
เครอนถอนหายใจก่อนจะพิจารณาหมัดซ้ายที่แดงเล็กน้อย
"ยังไงก็คงต้องขอบคุณพี่บ้าที่มันเคยสอนวิชาเตะต่อยให้ ถึงจะยังไม่สำเร็จก็เถอะนะแต่ก็พอไปวัดไปวาได้"
"แก... แกเป็น...ใคร"
เครอนไม่สนใจจะตอบคำถามเพียงแต่มองจากทางหางตาให้เท่านั้น ก่อนฝ่าเท้างามๆจะสวนซ้ำเข้าให้อีกครั้งอย่างไม่คิดจะปราณี
"อย่าหาว่าฉันเห็นคนล้มแล้วซ้ำเลยนะ แต่อยากเตือนไว้หน่อย ถ้านี้เป็นโลกของความเท็จ โลกแห่งความตรงข้ามงั้นฉันก็จะกลายเป็นไม่มีวันตาย ส่วนพวกแกนั้นจะกลายเป็นอะไรนอกจากกลายจากความเป็นอมตะเป็นชีวิตสามัญ"
ดวงตามรกตยังคงเป็นสีเดิมเพียงแต่เพิ่มความสงบจนน่ากลัว
"พวกแกมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่" คำถามเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมเดินเข้ามาชิด "อ้างว่าเป็นงานของเฮนเทียล จะเอาชื่อมาอ้างเพื่ออะไรกันแน่"
"ฉันไม่ได้อ้าง เป็นงานของท่านจักรพรรดิ" ทูตพยายามยันตัวยืนขึ้นก่อนจะค่อยๆถอยลนไปเรื่อยๆ จะติดกำแพงด้วยความรู้สึกกลัวเข้าจับใจ
แววตานั้น เขาเคยเห็นแม้จะเพียงไม่กี่ครั้ง แววตาของผู้สูงศักดิ์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้ยืนอยู่ข้างๆองค์จักรพรรดิสูงสุด
"นิสัยเฮนเทียลทำไมฉันจะไม่รู้" เครอนก้มหน้าลงมาประชิดมือซ้ายคว้าคอเสื้อคลุมเก่าและกรงเล็บแบบเดียวกันยื่นออกมาแทงเข้าตรงหัวใจ
ทุกครั้งที่โดนฟันโดนเวทย์ก็ไม่สามารถทำให้ทูตมรณะเจ็บปวดได้เท่านั้นมาก่อน หัวใจไม่มี ลมหายใจไม่มี ม่านตาไม่มี แต่ตอนนี้เลือดสดที่ไหลรินเป็นทางรู้สึกอุ่น เสียงหัวใจที่ตอนนี้อยู่ในกรงเล็บปีศาจที่เตรียมพร้อมจะกระชากมันออกมาจากร่างทุกเมื่อกำลังเต้นแรงอย่างหวาดกลัวชัดเจนเป็นครั้งแรก

"รู้สึกแล้วสินะ เห็นมันใกล้เข้ามาใช่ไหมล่ะ คำว่า ความตาย" น้ำเสียงเย็นจนแทบจะทำเห็นเลือดแข็งตัว "ตกลงจะบอกได้หรือยังว่าต้องการอะไร"

"องค์หญิง" น้ำเสียงสั่นอย่างหวาดกลัวแต่ความแน่ใจในคำพูดยังคงเต็มเปี่ยม "กระหม่อมต้องการอำนาจ พระองค์น่าจะรู้ว่าโลกแห่ง

ความมืดเป็นเช่นไร ถ้าพวกกระหม่อมไม่มีอำนาจก็ต้องตาย พวกกระหม่อมเริ่มอ่อนแอ หากเราอ่อนแอก็จะไม่สามารถอยุ่ได้ เข้มแข็งอยู่อ่อนแอตาย เป็นสัจจะธรรมของความมืดมิใช่หรือเพราะองค์"

"ใช่ ฉันรู้ พวกแกเลยจะมาเอาแก้วแห่งความรู้แจ้งไปเสริมอำนาจงั้นหรือ น่าขำ"
"แล้วพระองค์จะทำยังไง"
"ช่วยไม่ได้...."
ก่อนจะได้พูดจบประโยคหัวใจก็ถูกกรงเล็บนั้นกระชากออกจากร่างพร้อมด้วยแรงเหวี้ยงที่ดังร่างออกไปชกกับตู้กระจกเต็มแรงจนแตก เลือดสดสาดไปทั่วทิศและกระจกที่แตกก่อนที่หัวหน้าแห่งทูตจะลงไปดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งกับความเจ็บปวด ร่างนองเลือดค่อยๆมาจับขาผู้เป็นนายอย่างใคร่ขอความปราณีแบบไร้ศักดิ์ศรี
"ทำไม...พระองค์ต้...องค์ทำแบบ...นี้"
"ช่วยไม่ได้ ความมืดไม่มีที่สำหรับพวกอ่อนแอ ช่วยไม่ได้ที่อ่อนแอเอง และช่วยไม่ได้ที่ความมืดไม่เคยให้โอกาสใครแก้ตัวเป็นครั้งที่สอง" เครอนยิ้มให้พร้อมกับโยนหัวใจออกไปอีกฟากหนึ่งของห้อง "และคิดในทางที่ดี ไม่มีใครทำอะไรแล้วรอดหูรอดตาเฮนเทียลได้ กลับไปก็ต้องตายอยุ่ดี เพราะฉะนั้นตายด้วยมือฉันมันทรมานกว่าเฮนเทียลแค่ไหน พวกแกน่าจะขอบคุณฉันมากกว่ามันถึงจะถูก"

กล่าวเสร็จเจ้าตัวก็ถอนหายใจ ร่างของทูตเองก็หมดแรงแน่นิ่งคาเท้าอยู่เบื้องล่าง
"บางที่ความตายมันก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก อยู่ในโลกแห่งความมืดมันทรมานยิ่งกว่าตายซะอีก"
ร่างของคนที่ฆ่ากล่าวก่อนจะปิดตารับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น คงจะมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่เข้าใจ

ทันใดนั้นแผ่นดินที่ใต้เท้าเริ่มสั่นสะท้อนอย่างรุงแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัวราวกับประกาศความวิโรธในดินแดนที่มีผู้รุกรำ เครอนเซล้มลง ดวงตามรกตเหลือบไปเห็นลูกแก้วแห่งความรู้แจ้งที่ลอยอยู่ทั้งๆที่กระจกแตกกระแจกเกลื้อนพื้นห้องจากแรงกระทบเริ่มสั่นอย่างน่ากลัว

ตามแรงของแผ่นดินไหว

แท่งธาตุอากาศที่ประคองแก้วไม่สามารถทานรับได้อีกต่อไป ลูกแก้วล้ำค่าร่วงลงสู่พื้นดิตามแรงโน้มถ้วง
ก่อนที่สมองจะทันคิดร่างของผู้เห็นเหตุการณ์เพียงคนเดียววิ่งถาไปรับลูกแก้วด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง ถ้าลูกแก้วจะแตกแล้วมันเกี่ยว

อะไรกับเขาแหละ ในเมื่อมันไม่ใช่งานของเขาด้วยซ้ำแต่จิตสำนักของนักเรียนมันมีมากกว่าความแบ่งแยกความมืดความสว่าง
มือที่ยื่นออกไปคว้าลูกแก้วเข้ามาแนบอก ก่อนที่หัวจะปะทะกับอะไรบ้างอย่าง แล้วสติทั้งหมดก็ดับวูบลง


บทที่ 53 จุดเริ่มต้นครั้งใหม่
เจ็บ.....
ความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาครงบริเวณศีรษะรุงแรงจนแทบจะระเบิด เปลือกตายังคงไม่มีแรงขยับขึ้นดูได้ง่ายดายเหมือนแต่ก่อน

แต่เจ้าตัวก็พยายาม หลังจากรอปรับภาพไม่นานภาพต่างๆก็ค่อยๆปรากฏขึ้น

ห้องพยาบาลห้องเดิมที่เธอชอบเข้าๆออกๆบ่อยครั้ง ท้องฟ้ายังคงมืดเหมือนเหตุการณ์เลวร้ายครั้งก่อนแต่ดวงตาที่ชินกับความมืดตั้งแต่เด็กทำให้เห็นว่ามีเพียงตัวเธอคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้ กระจกบานเล็กที่โต๊ะส่องให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวงดงามที่ซีดเซียว
นี่ยังอยู่ในโลกแห่งความเท็จอยู่หรือ ความคิดแรกที่แวบขึ้นมาก่อนจะแทนที่ด้วยความเจ็บแปร๊บเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

"เจ็บชะมัด"
มือสองข้างรีบยกไปกุมหัวตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่มือทั้งสองสัมผัสผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบหัว
ใครกันที่มารักษา
"ตอนนี้อาการยังไม่หายดี อย่าใช้ความคิดให้มากมันจะอาการทรุดลง" เสียงพูดที่แทบจะกระซิบดังขึ้นใกล้ๆ
บุรุษร่างสูงสวมเสื้อและกางเกงดำล้วนทั้งชุด ผมสีดำสนิทสีเดียวกับนัยน์ตา ใบหน้าที่คมคายตรงไปตรงมาเป็นนิสัยที่คุ้นเคยกำลังยื่นอยู่ข้างๆไม่ห่างเตียงโดยการใช้เวทมนต์ปรากฏตัวในความเงียบ
"นายเองเหรอ เอราตั่น" เคริเอน่าถอนหายใจ "งั้นแสดงว่าฉันออกจากโลกแห่งความเท็จแล้วสินะ"
"อืมใช่ ไม่เชื่อก็เครื่องยืนยันอยู่ในไง" เอราตั่นผงกหัวไปยังเตียงอีกฟาก
ภาพของบรรดาเพื่อนฝูงนอนกันเกลื้อนกลาดบนพื้นห้องข้างเตียงกรงดังเป็นระยะที่เธอไม่ได้สังเกต บางก็นอนเอาเท้าไปเสียบจมุกคนข้างๆ บางก็เอาหัวไปนอนหนุนเท้าคนอื่นอย่างเมามัน จนคนมองแอบอมยิ้มน้อยๆ
เงาของเพื่อนจากเกรย์ดอฟหายไปแล้ว
"พี่ๆ" คนเป็นน้องพยายามสะกิดพี่ชายที่นอนอยู่ใกล้ที่สุด
"อืม" คนถูกกระสิดทำเสียงรำคาญใจเล็กน้อยก่อนจะละเมอต่อ "น้องเมย์จ๋า พี่ขอพักเก็บแรงก่อนเดี๋ยวยกสามเรามาต่อกัน"
เท่านั้นเองคนฟังคนละเมอเกิดหมั่นไส้กระทันหัน น้องป่วยไม่ห่วงยังมีหน้าไปฝันถึงน้องๆ ฝ่ามือพิฆาตที่ฝึกมาจากว่าที่พี่สะใภ้จึงลงมือทำงานเป็นตัวแทนเจ้าของให้ด้วยการลงฝ่ามือปาบเต็มหลังยังไม่ปราณีปราศัย
คนกำลังฝันดีเป็นอันร้องจ๊ากลั่นห้อง ลุกพรวดขึ้นมานั่งกุมหลังทันที
"เล่นบ้าอะไร เครอน" เจ้าตัวถามทันทีที่สังเกตเห็นผู้ลงมือ
"ก็เห็นพี่กำลังฝันดี มันหมั่นไส้" เคริเอน่ายิ้ม "อะไรมียกสองยกสามด้วย"
"ยุ่งหน่า" ครอสล์แยกเขี้ยว
"เอาไปบอกไดอาน่าดีกว่า" ตัวแสบที่ถึงจะอยู่ในร่างผู้หญิงก็ยังไม่เปลี่ยนพูดลอยๆแต่ได้ผลชะงัก
"เครอนน้องรัก พี่รักเธอที่สู้ดเลย....น้องจ๋า" ไม่ว่ายังโอบน้องเข้าให้
"พอเลยพอ แค่ฟังก็หยองแล้ว" น้องสาวรีบดันตัวควายๆของพี่ชายตัวเองออกไปห่างๆ
แต่เสียงร้องจ๊ากนั้นดังลั่นค่อยๆปลุกคนอื่นตื่นตามมาด้วย
เวล์เซนที่เป็นคนตื่นง่ายที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดลุกขึ้นมาขยี้ตาและเสยผมยุ่งเล็กน้อยเพราะตอนนอนให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะหันมาทางครอสล์
"มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ครอสล์" น้ำเสียงของเจ้าชายเซนเทอรัสกล่าวก่อนจะสังเกตเห็น "เครอนฟื้นแล้วเหรอ"
เท่านั้นเองพวกที่กำลังงัวเงียทำทางจะหลับต่อก็เป็นอันเบิกตาโพลง ลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งซึ่งเป็นเรื่องที่คิดผิดที่สุดในชีวิตเมื่อ..
โป๊ก.....
โซรามอสที่ช่างไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังนอนอยู่ใต้คานของอีกเตียงข้างๆ เอาหัวตวเองโหม่งเข้าเต็มๆราวกับทดสองว่าหัวคนกับเหล็กอันไหนหนากว่ากัน ลงไปนอนกลิ้งร้องโอดครวนกับพื้นห้อง
"ระวังหน่อยสิ" เจอลาวัตว่าคนไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ
"นายหลับไปตั้งวันหนึ่งเต็มๆเชียวนะ รู้เปล่า" เวล์เซนหันมากล่าวหลังจากดูอาการเพื่อน
"ว่าแต่ว่า..." เคริเอน่าหันไปสำรวจเพื่อนในห้องอย่างสงสัย "เวลล์กับคารอสหายไปไหนเหรอ"
เท่านั้นเองเสียงหัวเราะก๊ากลงไปกุมท้องก็ดังลั่นห้องขนาดที่โซรามอสยังน้ำตาไหลวึ่งไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บหรืออะไรกันแน่
เคริเอน่าเลิกคิ้ว
"แกไม่ได้ดูตอนเด็ด" ครอสล์พูดก่อนจะหัวเราะต่อ "รู้เปล่า ฮาแค่ไหน"
เวล์เซนหัวเราะหึๆเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย
"ตอนที่นายหายไปในตู้ลูกแก้ว คารอสกับเวลล์พยายามใช้เวทย์ช่วยเปิดมิติแต่ก็ไร้ผล ในที่สุดเราก็จนหนทางต้องยอมทิ้งแล้วกลับมาสู้กับฝูงทูตที่เหลือต่อหลังจากนั้นสักพักอยู่ๆตู้กระจกก็สงเสียงแปลกๆก่อนจะแตกสลายไป พวกทูตที่เหลือพากันล้มตายกันหมด แต่แรงอำนาจของกระจกเป็นประตูมิติได้รับการกระทบกระเทือนรุงแรงจึงส่งพลังที่มองไม่เห็นไปทำให้เกิดแผ่นดินไหว เมื่อไหร่ที่มันหยุดประตูก็จะปิดมิติตลอดกาลแล้วนายก็จะออกมาไม่ได้อีก แล้วอยู่ดีๆแกก็พุ่งออกมาทันเวลาพอดี" เวล์เซนหยุดถอนหายใจ "แต่โชคไม่ดีที่พวกเรายังไม่ทันตั้งตัว เวลล์ที่เกิดไปยืนตรงจุดที่ไม่ควรจะยืนโดยแกเอาหัวโหม่งเขาเข้าเต็มรักจนหมอนั้นสลบตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ความจริงจะโทษนายอย่างเดียวก็ไม่ถูกหรอกอาจจะเพราะอาจารย์เขาลงผิดท่าด้วยอะนะ ส่วนนายโชคดีเจอลาวัตรับไว้ทันเลยเป็นแค่อาการสลบจากการเอาหัวตัวเองไปโหม่งหัวคนอื่นอะดิ"
"จากที่ฉันเดามา เธอคงจัดการฆ่าหัวหน้าฝูงทูตในมิติอื่นแล้วสินะ"
"หมายควาทมว่าไง เจอลาวัต" โซรามอสถาม
"ก็ทูตจะอยู่ได้โดยมีหัวหน้า ถ้าฆ่าหัวหน้าได้ตัวอื่นก็จะตายหมด" เวล์เซนหันไปกล่าวกับเพื่อนผู้ไม่เคยรู้อะไรเลย

เสียงประตูหยุดบทสนทนาของคนในห้องชะงัก คารอสเดินเข้ามาเดินพร้อมแฟ้มเอกสารจำนวนหนึ่ง ปากยังคงไม่ได้พูดอะไรเช่นเคยแต่นัยน์ตาสีม่วงมองผ่านกรอบแว่นออกมามองเพื่อนฝูงก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะมุมห้องก่อนจะตรวจเอกสารต่อไป
แต่ถึงจะไม่พูดก็ไม่อาจตบตาเพื่อนที่อยู่ร่วมห้องมาเกือบจะเป็นปีได้ เพราะถ้าไม่ห่วงคงไม่หอบเอกสารมานั่งทำในที่วุ่นวายแบบนี้หรอกทั้งๆที่นายมันชอบความสงบอย่างห้องสมุดหรือไม่ก็ในห้องคนเดียวแท้ๆ
"ประชุมมาเป็นไงบ้าง" เวล์เซนหันไปทัก
"อืม แก้วแห่งความรู้แจ้งตอนนี้ถูกส่งไปอยู่ในที่ใหม่แล้ว คาดว่าจะปลอดภัยกว่าเดิมและจะมีเพียงอาจารย์ใหญ่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ที่อยู่" คารอสกล่าวโดยที่มือเซ็นเอกสารสายตาก็ยังไม่ละจากหน้ากระดาษ "ส่วนเรื่องความผิดฐานะทำลายสมบัติโรงเรียนตอนนี้เค้าลงความเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและทำเพื่อปกป้องรักษาแก้วจึงไม่เอาผิดในเรื่องนี้"

บรรดาเพื่อนฝองฟากันถอนหายใจโลงอกพร้อมกัน
"แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยังต้องชดใช้" คารอสกล่าวขึ้นใหม่อีกครั้ง "เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กำหนดการทำพิธีใบประกาศช้ากว่ากำหนดพวกนายจึงต้องรับผิดชอบ"
"ใบประกาศ?" เคริเอน่าทวนอย่างไม่เข้าใจ
"ใบประกาศสายดีเด่น ทุกปีจะทีการทำวิจัยและตัดสิน อย่างตอนทาร์เร่นเขาจะดูว่าแต่ละสายทำอะไรในทีมบ้างแล้วให้คะแนน หรือไม่ก็ตอนเรียน ทำกิจกรรม สายไหนได้คะแนนมากที่สุดก็จะได้ใบประกาศไปประดับสาย เค้าถึงบอกว่าสายเวทย์และสายดาบเป็นสายที่ไม่ถูกกันเพราะสองสายนี้มักได้คะแนนหรือใบประกาศเฉือนกันตลอด" คนรุ่นพี่อธิบายก่อน

จะหันไปถาม "แล้วต้องทำอะไรเป็นการไถ่โทษล่ะ"
"อาจารยืใหญ่ไม่ได้บอกไว้ เพียงแต่บอกว่าให้เครอนไปพบที่หอคอยกลางเท่านั้น"
คนถูกเรียกพบถึงกับกลืนน้ำลายเฮือก ถึงจะรู้ว่าอาจารย์ใหญ่ใจดีแต่ก็อดหวั่นไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ
"ฉันคนเดียวเหรอ คนอื่นไม่ได้หรือไง"
"เธอต้องรีบไปพบให้เร็วที่สุด" คารอสยื่นคำขาดก่อนจะผละออกจากเอกสารมายื่นข้างเตียง มือใหญ่สัมผัสที่หัวของคนป่วยก่อนจะพึมพำแล้วอาการปวดหัวก็หายไปอย่างรวจเร็ว
"ขอบใจ"
"รีบไปพบซะ"
อ้าว...มันรักษาเพื่อนให้เราไปรับเคราะห์หรือนี่ เพื่อนหนอเพื่อน ทำกันได้
"คารอส นั้นเอกสาร…" เวล์เซนผู้รอบรู้หันมาสะกิดเพื่อนก่อนจะชี้ที่เอกสารอย่างไม่เข้าใจ
"ใบขอลาออกจากโรงเรียน ทำไมเหรอ"
"หา....." บรรดาเพื่อนผู้ต่างร้องดังลั่น
"ทำไมอะ" เครอนกระชากคอเสื้อคนคิดสั้นมาตะโกนถาม
"ก็ฉันสอบเทียบจบระดับปีห้าแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียนต่อ"
"ไม่ได้ๆๆๆๆๆ" ตัวแสบยื่นคำค้านเต็มที่ก่อนจะหาแรงสนับสนุน "จริงไหม โซรามอส เวล์เซน"
เจ้าของชื่อทั้งสองถึงกับกุมขมับที่อยู่ดีๆก็โดยโยนเข้าไปเอี่ยวด้วยซะงั้น
"ฉันเห็นด้วยกับเครอนมัน แกจะรีบออกไปไหน อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้หรือไง" ในที่สุดโซรามอสก็ตัดสินใจพูดขึ้น
"ฉันว่านายอยู่ก่อนก็ได้นะ" เวล์เซนสนับสนุนทับ
"เห็นไหมๆๆๆๆ" ตัวแสบรีบพูดเต็มที่ "นายอยู่เหอะ"
"นายมีเหตุผลอะไรกันแน่"
เคริเอน่าเจอคำถามย้อยถึงกลับสำลึก จะบอกดีไหมหว่าว่าถ้าไม่มีมัน.....
"ก็ถ้าไม่มีนายฉันก็อยู่ไม่ได้ ฉันขาดนายไม่ได้หรอก"

ในที่สุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจกล่าวแบบตรงๆเล่นเอาคนในห้องผิวปากล้อเลียนดังลั่น ส่วนคนพูดยังคงหน้าตาเฉยแบบไม่มายางสักนิดที่จะอายกับคำสารภาพเช่นเดียวกันคนถูกสารภาพที่ยังคงหน้าเฉยมีเพียงคิ้วที่กระตุกเล็กน้อย
"ไม่มีนายแล้วฉันจะย่องไปลอกการบ้านใครตอนกลางคืนล่ะหว่า แกอยุ่เป็นต้นฉบับฉันก่อน ไม่มีฉันตายแน่ๆเลยอะ" ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็กอดชายที่เธอขาดไม่ได้ตรงหน้า
คนถูกกอดและคนดูต่างพากันอึ้ง ไม่ใช่เพราะบทสวีทแต่เพราะเจ้าหล่อนอะไรจะชั่วได้ขนาดนี้แถมคำสารภาพไม่อายปากว่า
อยากให้อยุ่เพราะการบ้าน
โอ้จอร์ด.........
"อีกอย่าง ที่นีกินก็ฟรี อยู่ก็ฟรี นายจะรีบออกไปหาพ่อแกเหรอ ของดีแบบนี้มันต้องช่วยกันใช้โว้ยไหนๆก็เขามาแล้วก็ให้คุ้มสิวะ" คนยังไม่เข็ดยังไม่ต่อด้วยคำพุดที่ผู้หญิงบ้านไหนเขาก็ไม่เคยใช้กัน
"เอาเถอะ" คารอสถอนหายใจอย่างกลุ้มใจ "อยู่ก็ได้"
เคริเอน่ายอมคลายอ้อมกอด
"แต่จะอยู่เพื่อคุ้มความประพฤติงี่เง่าของนาย และฉันจะร่างเวทย์ใส่การบ้านฉันทุกวัน" คารอสยื่นคำขาดทิ้งให้หญิงสาวพุดไม่ออก "แล้วตอนนี้ผลการสอบติดอยุ่บอร์ดที่ห้องโถงกลางแล้ว พวกนายก็ไปดูได้"
เชอะ...อย่าคิดเลยว่าจะคุ้มความประพฤติคนอย่างอาจารย์ เครอนได้

โรงเรียนแห่งลีฟจะไม่มีการสอบภาคเรียนที่สองเพราะจะตักสินให้คะแนนจากการทำงานกิจกรรมแทนการสอบ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่แตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆเพราะโรงเรียนริสมาฟอรัสเป็นโรงเรียนที่เข้มงวดกว่า นักเรียนต้องฝึกทั้งความรู้และชีวิตจริง ถ้าสอบตกก็ต้องถูกไล่ออกเลยเพราะตำแหน่งนักเรียนโรงเรียนนี้มีเด็กอีกเป็นแสนที่พร้อมจะเสียบเข้าแทนที่อยู่เสมอ
"ส่วนนาย เครอน ไปพบอาจารย์"
"โอ้ย ปวดหัวๆ" เคริเอน่ารีบใส่หน้ากากเล่นละครเอามือไปกุมแล้วดิ้นพราก
"เออ....แกปวดหัวแต่แกไปกุมท้องเนี่ยนะ" โซรามอสแยกเขี้ยวพร้อมกับเดินออกไป
"เดี๋ยวฉันไปด้วย" เคริเอน่ารีบร่างเวทย์แปลงร่างก่อนจะกระโดดตามเพื่อนที่กำลังทิ้งเพื่อนตัวแสบออกไปดูผลสอบ
มือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือทันที
"นายต้องไปพบอาจารย์ เครอน ผลสอบฉันจะไปดูให้เอง" เสียงกล่าวเรียบๆที่ไม่อฟังคำเถียงเป็นชุด
คารอสเดินออกจากห้องไปทิ้งให้เครอนนั่งทำใจรับชะตากรรมสักพักก่อนที่เท้าของตัวแสบจะก้าวลงจากเตียงมุ่งตรงไปยังหอคอยกลาง
ทำไมต้องเป็นเราวะ โว้ยๆๆๆๆๆ
"มาแล้วหรือเครอน ทันเรอเรน ไม่สิ เจ้าหญิงเคริเอน่า ไอเซอรินเดท" เอ็นโทราสกล่าวพร้อมกับเงิยหน้าขึ้นมาจากหนังสือยิ้มเป็นมิตรราว

กับไม่ได้ใส่ใจคำพุด

ห้องทำงานบนหอคอยกลางยังคงสภาพปกติทุกประการถ้าไม่นับประตูที่ไม่รู้หลุดหายไปไหนก็ไม่รุ้นั้น เพราะถึงจะนำมาใช้ก็คงไม่ได้เนื่องจากที่บานมีรอยฝ่าเท้าอยู่ 7 ฝ่าเท้าตราไว้เป็นที่ระลึกอยู่
"อาจารย์รู้" เครอนทำหน้างง
"รู้สิ นักเรียนคนไหนบ้างที่ตบตาแก้วได้" เอ็นโทราสหัวเราะนิดๆ "แต่ต้องยอมรับว่าเธอเก่งจริงๆขนาดที่แก้วยังไม่อาจมองทะลุจิตใจของเธอได้ นี่เป็นครั้งแรกนะ"
"อาจารย์เรียกผมมาทำไมหรือครับ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเรื่องเงินอะผมมันจนนะจารย์ ไม่มีหรอก"
เอ็นโทราสหัวเราะก่อนจะหันมากล่าวด้วยแววตาอ่อนโยน
"เธอคิดหรือว่าโรงเรียนแห่งริสมาฟอรัสไม่มีตังค์จ่ายค่าเสียหายแค่เนี่ย" อาจารยืใหญ่ว่า "ยังไงครูก็ต้องขอบใจอย่างมากที่ช่วยปกป้อง

แก้วแห่งความรู้แจ้ง ตอนแรกครูก็ไม่ค่อยไว้ใจเธอแต่พอเห็นครูก็รู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนามาร้าย ยังไงความสว่างคงต้องคิดหนี้บุญคุณความมืดซะแล้วมั้ง"
"หนี้บุญคุณอะไร" เครอนพูดลอยๆอย่างไม่ใส่ใจ "นักเดินทางอย่างผมเนี่ยนะ อาจารย์ผมมันแค่คนพเนจร ความมืดความสว่างอะไร ผมไม่รู้จัก"
"งั้นเอจะบอกว่านักเดินทางกับอาจารย์คงไม่มีหนี้ติดกันใช่ไหม" พอกล่าวเสร็จอาจารย์ก็เอนลงไปนั่งถอนหายใจ "ต้องแรกครูเองก็ระแวงเธอแต่ต้องขอโทษที่เข้าใจผิด"
"พูดไรอย่างนั้นจารย์ ผมมันออกจะน่ารักและ.."
"และน่าถีบ" เอ็นโทราสต่อคำให้ เครอนยิ้มรับ
ทันใดนั้นร่างของกษัตริย์อานอสก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ร่างเวทย์ใส่ร่างของนักเดินทางที่รู้ตัวตั้งรับแล้ว แต่อานอสทำหน้าเหมือนโดยหยามอย่างยิ่ง ความโกรธยิ่งพุ่งขึ้นมาพระบาทของกษัตริย์แห่งโครนอสก้าวมากระชากคอเสื้อนักเดินทางรุ่นเยาว์
"เคริเอน่า ในที่สุดก็หาตัวเธอเจอ" สุรเสียงแหกปากก้องก่อนจะหันไปตวาดเอ็นโทราส "ท่านกล้าดียังไงมาปกปิดความลับนี่กับฉัน"
"ไหนล่ะท่าน องค์หญิงที่ท่านว่า ที่นี่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นแล้วท่านเอาอะไรมาว่าๆมีผู้หญิงอยุ่ที่นี่" เอ็นโทราวโต้กลับอย่างเรียบเฉยก่อนจะหัวเราะ
"แต่ฉันได้ยิน...."
"ท่านได้ยินว่าอะไรหรือท่าน หรือถ้าจะกล่าวพาดพิงถึงเจ้าหญิงแห่งความมืดไม่ได้หรือท่าน"
อานอสหน้าเสียยอมซึ่งเครอนเริ่มรู้แล้วว่าองค์กษัตริย์แห่งโครนอสไม่ได้ฟังตั้งแต่ต้น ในที่สุดก็ต้องยอมปล่อยเครอนออกก่อนจะขู่ไว้ก่อนจะจากไป

"แน่มากจารย์" เครอนยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม
"อะไร แน่อะไรครูไม่ยักจะเห็นผู้หญิงสักคน หรือเธอเห็นเครอน"
"ใช่ครับๆ ผมไม่ยักจะเห็นผู้หญิงอยู่สักคน"
เท่านั้นเองเสียงหัวเราะก็ดังลั่นด้วยเสียงของนักเรียนกับอาจารย์ผสมปนกันไป
"เรื่องที่เธอต้องชดใช้ก็มีเครอน" อาจารย์ใหญ่ลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะตรงไปตบบ่า
เท่านั้นเองเครอนก็เป็นอันต้องหุปยิ้มทันทีที่ได้ฟังขอเงื่อนไขการไถ่โทษ
"ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการความมั่นคงแห่งริสมาฟอรัสหรือที่เรียกว่าหัวหน้าคณะการปกครองฝ่ายซ้ายว่างพอดี ครูรู้ไม่ต้องขอบคุณหรอก ชื่อเธอครูเต็มใจใส่ให้นะ" ว่าแล้วตัวอาจารยืมใหญ่ก็รีบเดินลงจากหอคอยกลางไปทิ้งให้ใครบ้างคนยื่นอึ้ง
สมองค่อยๆประมวลผล
หัวหน้าคณะการปกครองฝ่ายซ้าย
เท่ากับ
งาน หนัก มาก มาก มาก และมากที่สุด
"อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ผมไม่เอา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"


เท่านั้นเองเป็นวันประกาศผลสอบแรกที่นักเรียนทั้งโรงเรียนต้องจำจนวันตาย เพราะเสียงดังลั่นจากที่ไหนไม่รู้ร้องดังสนั่นหวั่นไหว ปลุกบรรดาคนที่กำลังนอนทั้งหมดตื่นขึ้นพร้อมกันทั้งทีไม่เว้นหมู่บ้านใกล้ๆ พร้อมใจตื่นตั้งแต่ตีสี่

ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ยังหาตัวคนกระทำไม่ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หน้า 1-2-3-4-5-6

The Princess Of Darkness
Free Web Hosting