The Princess Of Darkness
แก้วแห่งความรู้แจ้ง -by The Ink

ตอนที่ 11 ใบคำขอลาเรียน
"ท่านเครอน มีจดหมายมา"
เสียงเล็กๆดังขึ้นก่อนการมาปรากฎตัวกลางวงกินข้าวเช้าเล่นเอาเล่นเอาคนรอบโต๊ะสำลักอาหารที่พึ่งกินเข้าไปอย่างถ้วนหน้าก่อนจะส่งสายตาตำหนิ

ไปยังคนเป็นนายที่ไม่ยอมสั่งสอนบ่าว
ซองจดหมายที่ใหญ่กว่าตัวคนถือถูกยื่นมาตรงหน้า นัยน์ตาสีเขียวมองพลางถอนหายใจกับลายมือแสนจะไก่เขี้ยบวกโสโครกของคนที่คุ้นเคยก่อนจะรับซองจากทูตของตน
"ขอบใจนะรอน อยู่กินด้วยกันไหม"
รอนนั่งร่วมวงสนทนากับบรรดาเพื่อนๆของเครอน ร่างเล็กๆยกช้อนที่ใหญ่แทบจะเท่ากับชามขึ้นซดอย่างสบายใจจากถ้วยซุปของเขา แต่คนเป็นนายตอนนี้กำลังเปิดจดหมายจากพี่ชายตัวเองพลางอ่านลายมืออันเน่าที่สุดนั้น คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อต้องพยายามอย่างหนักที่จะอ่านให้มันเป็น
ภาษา….มนุษย์

"เรื่องเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ" เวล์เซนกล่าวถามเมื่อเครอนวางจดหมายลงพร้อมกับถอนหายใจดังลั่น "มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า เครอน"
เงียบ….ไม่มีเสียงตอบจากเพื่อนคนที่หน้าเครียดจัดตรงหน้าทำเอาคนรอบรู้ถึงกับหน้าซีดพลางคิดไปเองว่า เครอนมันต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆไม่งั้นคนอย่างมันไม่มีทางทำหน้าแบบนี้และแถมยังไม่ตอบคำถามอีก โดยไม่รู้เลยว่าความจริงที่เจ้าตัวแสบไม่ตอบก็เพราะว่ามัน…
กำลังกลั่นหัวเราะด้วยความมานะอดทนอย่างหนักกับคำถามอันแสนจะเป็นห่วงของเพื่อนรักมันดันจี้เส้นเขาซะอย่างนั้น มันช่างเป็นคนดีแต่เขาก็อดขำไม่ได้วะ
"แกมีอะไรก็รีบๆตอบมาสิ" โซรามอสว่าบ้างน้ำเสียงก็แฝงความเป็นห่วง เว้นแต่ไอ้คนตายด้านประจำกลุ่มที่กำลังนั่งจิบกาแฟไม่แสดงสีหน้าอะไรที่บ่งบอกความเป็นห่วงเพื่อนบ้างเลย เชอะ…ขอให้สำลักกาแฟตายไปเลยไอ้หมอนี่
……พรวด……
ไม่ทันขาดคำเจ้าคนที่กำลังถูกนินทามันปากก็สำลักกาแฟเข้าเต็มประดาส่วนเจ้าคนนินทาถึงกับตกใจขึ้นมาซะอย่างนั้นรีบถอนคำพูดอย่างรวดเร็ว
พูดเล่นโว้ยพูดเล่น เกิดมันสำลักกาแฟตายไปจริงๆใครมันจะทำต้นฉบับให้ฉันไปแอบย่องลอกการบ้านตอนกลางคืนวะ เสียผลประโยนช์ตายเลย
"กรี๊ด……… คารอสเป็นอะไรไปค้า" เสียงร้อนลั่นจากเจ้าหญิงริสโซเรียจอมเอาแต่ใจที่วันๆเอาแต่ตามเกาะไอ้เจ้าแฝดผู้พี่เป็นปลิงเหนียวแน่นมานานเกือบสัปดาห์หนึ่งได้แล้ว
เจ้าหล่อนก็สวยดีหรอกนะทั้งผิวใสแบบคุณหนูที่ไม่เคยลำบาก ดวงตาฟ้าใสๆบ่งบอกความเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต อย่างที่เครอนเรียกว่า โตแต่ตัว กับเรือนผมม่วงยาวถึงเอวถูกหวีอย่างเป็นระเบียบทุกปลายเส้น แต่อย่างว่า นิสัยแบบนี้ใครเข้าก็อยากออกห่างกันทั้งนั้น แต่เจ้าตัวดูจะไม่รู้จักตัวเองเอาเสียเลย

"ว่าไงเครอนมีอะไร" เวล์ถามขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เครอนถึงกับหัวเราะเป็นลำโพงบวกโฮมเทียร์เตอร์ส่งจดหมายจากพี่ชายงี่เง่าให้เพื่อนทั้งสองดูกัน ใบหน้าสงสัยหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าใจก่อนจะหัวเราะแตกไปด้วย
"นี่พวกเธอไม่ใช่เวลาจะมาหัวเราะนะ คารอสกำลังเดือดร้อนไม่เห็นหรอกหรือไง" เจ้าหญิงตังยุ่งต่อว่าเข้าให้ทำเอาพ้องเพื่อนมองหล่อนกันเป็นตาเดียว
ริสโซเรียตอนนี้เข้าควงแขนจอมเวทย์หนุ่มหล่อแห่งโครนอสอย่างถือสิทธิ แต่เจ้าคนถูกควงกับเมินใบหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจตามนิสัย แต่เจ้าหญิงยังกระโดดไปหอมแก้มมันเข้าซะดื้อๆ

เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องอาหารพร้อมกับเสียงผิวปากล้อเล่นจากเพื่อนๆและรุ่นพี่แต่เจ้าหญิงกลับยิ้มให้พลางโบกมือให้ราวกับเป็นเรื่องน่ายินดี ส่วนเจ้าคนหน้าตายด้านตอนนี้ยังคงสีหน้าสงบได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจนน่าตกใจ แต่คงไม่มีใครทันสังเกตุเห็นหมัดที่กำแน่นอย่างตกใจแกมโมโหด้านหลังยกเว้นแต่แฝดผู้น้องคนเดียวที่มองพลางนึกสงสารอยู่ในใจ

"ริสโซเรีย เธอนี้เลือกของดีจังเลยนะ" เสียงจากเจ้าหญิงอลิสซ่าดังขึ้นแต่จะเดินไปข้างๆเวล์เซน "แต่ตัวจริงของฉันอยู่ที่นี่" ว่าแล้วเจ้าตัวก็เอามือลูบไลใบหน้าคมคายเป็นผู้ใหญ่ของชายหนุ่ม แต่เขากลับปัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดีเสียนี่
เจ้าหญิงอลิสซ่าคู่ขาคนสำคัญริสโซเรียที่ได้รับความยกย่องว่าบ้าอำนาจที่สุดในโครนอส ผิวสองสีเรียบเนียนงามแต่ดวงตาสีน้ำตาลกลับเต็มไปด้วยความบ้าอำนาจอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่าบ้าอย่างมากขอย้ำ ถึงเธอจะสูงน้อยกว่าเพื่อนหญิงตัวยุ่งนั้นหน่อยแต่โดยรวมก็เรียกว่าหน้าตาดีทีเดียว

"ไอ้เวล์เซน ฉันว่าอิจฉาไอ้คารอสมันไปคน นายก็น่าอิจฉาพอกันเลยนะ" เครอนกล่าวพรางหัวเราะกลบเกลื้อนทั้งที่แฝงคำประชดไว้ในคำพูดเต็มประดาแต่ดูเหมือนแม่พวกผู้หญิงสองคนนั้นจะไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลย
"นี่นายพูดอะไร" ริสโซเรียโวยใส่เมื่อเครอนหยุดหัวเราะ
"ไม่ดีนะๆ เป็นถึงผู้ดีไม่ควรกล่าวแบบนี้ ไม่งั้นคารอสมันไม่สนเธอฉันไม่รู้ด้วยนะ" เจ้าคนตัวแสบยังคงแสบอย่างเคยเล่นเอาเจ้าหญิงทั้งสองสะอึก
สายตาดูแคลนจากเจ้าหญิงแห่งนอร์เบอรินมองชายผู้ที่มีใบหน้าคล้ายกับคารอสมากเสียจนดูราวกับฝาแฝด แต่นิสัยทำไมมันต่างกันสุดขั้วอย่างนี้ คนหนึ่งเงียบขรึม เย็นชาแต่อีกคนกลับเฮฮา ร่าเริง แต่คนเท่กว่าย่อมเท่กว่าอยู่ดีคารอสเท่านั้นที่ควรคู่กับสาวงามอย่างนาง
"เชอะ….พวกไม่รู้จักเจียมตัว เป็นแค่นักเดินทางกระจอกๆคิดอย่างมาทำตัวตีเสมอพวกฉัน" อลิสซ่าพูดรับหน้าแทนเพื่อนสาว

"นั้นสินะ ฉันมันแค่นักเดินทางมีชีวิตอิสระอยากไปไหนก็ไป คงไม่เข้าใจบรรดาพวกเจ้าหญิงที่อยู่แต่บนหอคอยงาช้างหรอกมั้งนะ" เครอนกล่าวพลางยิ้มกวนๆเล่นเอาคนถูกกล่าวพาดพิงหน้าขึ้นสีอย่างโกรธจัด "ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปหาเจ้าครอสล์มันก่อน"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันหลังเดินผ่านเจ้าหญิงขี้โวยวายทั้งสองออหจากห้องอาหารไปแล้วทิ้งท้ายไว้ก่อนจะปิดประตูว่า
"คารอสขอให้โชคดีต่อไปนะเฟ้ยแต่ไม่ต้องโยนโชคมาให้ฉันนะ ชาติหน้าฉันก็ไม่เอาแต่เมื่อไหร่ฉันจะสวดแผ่เมตตาให้นายเองก็แล้วกัน นายก็ด้วยเวล์เซน บาย"
สิ้นเสียงปิดประตูโกยแน็บเสียงกรี๊ดลั่นก็ตามมาติดๆ ทำเอาเจ้าตัวก่อเรื่องนึกสงสารบรรดาคนในห้องอาหารนั้นเป็นอย่างมากเพราะถ้ามันไม่หูแตกก็คงหูหนวก ยิ่งสงสารหนักกับไอ้เพื่อนทั้งสองที่เจ้าหล่อนยืนเกาะแขนกรี๊ดของข้างๆ ซวยของแท้เลย
เครอนได้รับจดหมายแสนจะอ่านลำบากจากพี่ชายตัวแสบที่ไม่ได้เจอกันนานให้มาเจอที่ห้องโถงกลางของปราสาทริสมาฟอรัส การเดินกึ่งวิ่งมาพลางเสียวสั่นหลังว่าเจ้าหล่อนทั้งสองจะตามมาจัดการเขาเข้าให้ทำให้ทางเดินยาวไกลข้ามช่วงตึกเขามาถึงอย่างรวดเร็วเกินคาด
"หนีใครมาเหรอฟะ" เสียงจากเจ้าคนที่มารออยู่ทักเมื่อเห็นน้องชายยืนพิงเสาหอบแรงๆอยู่นานสองนานก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับสงผ้าเช็ดหน้าให้
"โอ้ย…ก็เจ้าแม่สองสาวนั้นนะสิ"
คำตอบที่ได้ทำเอาครอสล์เลิกคิ้วสูงขั้นเป็นเชิงถามต่อแต่เจ้าเครอนมันก็ได้แต่หอบยังไม่ยอมตอบอะไรจนมันเริ่มหายเขาจึงถามขึ้นอีกที
"ยัยอลิสซ่าจอมบ้าอำนาจ กับริสโซเรียคุณหนูเอาแต่ใจประจำสายเวทย์ไง"
"นายไปยุ่งอะไรกับยัยพวกนั้น"
"เปล่าซะหน่อย ก็แค่พูดเฉยๆเท่านั้นเอง" เครอนตอบแล้วสงผ้าคืนให้พี่ชายแต่เจ้าของกับยกมือปฏิเสธ "พี่นัดมามีเรื่องอะไรหรือเปล่า"
"มีสิ" ครอสล์ตอบพลางโบกมือ "ผ้านี่เอาไปซักให้เรียบร้อยด้วย"
เวร…….ไม่น่าหลวมตัวไปใช้ของๆมันเลยให้ตาย กะอีกแค่ผ้าผืนหนึ่งซักเองก็ไม่ได้ต้องใช้ให้น้องซักแทน พี่หนอพี่เล่นมัดมือชกกันแบบนี้อีกแล้ว
"แล้วเรื่องที่ว่ามันเรื่องไรหรอ"
"ก็พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นทางคิลเลียสเลยส่งข่าวมาเรียกตัวพี่ไป พี่ไปของทางโรงเรียนแล้วเขาให้หนังสือเซ็นรับรองการขอหยุดเรียนมา นายช่วยเซ็นให้หน่อยสิ"
"ฉันเนี่ยนะ"
"ใช่สิ ก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างฉันมันไม่มีผู้ปกครองอย่างน้อยนายก็เป็นน้องนับว่าเป็นคนในครอบครัว ช่วยๆกันหน่อยสิวะ"

เขาได้แต่ถอนหายใจกับไอ้นิสัยของพี่ชายแต่ก็ต้องยอมเซ็นให้มันแต่โดยดี ใครจะไปคิดว่านักฆ่าอันดับหนึ่งของคิลเลียสที่อยู่โดยการปกครองตนเองมาตลอดใยต้องมาขอร้องให้น้องชายเซ็นหนังสือของหยุดเรียนแทนให้แบบนี้ นึกแล้วอดก็หัวเราะไม่ได้แต่อย่างว่าพี่งี่เง่าก็คือพี่

"ขอบใจหลาย"
"แล้วกะจะไปกี่วัน"
"ประมาณ2สัปดาห์มั้งนะ ฝากไอ้ฮิวเกอรี่ด้วยก็แล้วกัน"
ตอนนี้มาทำพูดดี เจ้าฮิวเกอรี่มันดูแลตัวมันเองได้อยู่แล้วฉันว่าพี่นั้นแหละที่ต้องให้พวกเรามาคอยดูแลมากกว่าซะอีก แถมคราวนี้มาทำเป็นพี่ที่ดีมันก็คงมีเหตุผลเดียวคือ…..
"ดูนั้นสิ ครอสล์เป็นพี่ที่รักน้องจริงๆเลยนะเธอว่าไหม"
"นั้นสิ หล่อแล้วยังเป็นคนดีอีก"

กลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่จากสายนักบวชและนักดาบพูดคุยกันยกใหญ่เมื่อเดินผ่านพวกเขาสองพี่น้องไป
จริงๆด้วยที่แท้ก็แค่จะอวดสาว เชอะ….มาทำเป็นคนดี น้องคนนี่อยากจะกระโดดเตะให้ตายไปข้างหนึ่งกับไอ้พี่บ้าหน้าหม้อคนนี่จริงๆ พี่หนอพี่
"แบบนี้ฟ้องไดอาน่าดีไหมเนี่ย"
คำพูดของเครอนเล่นเอาพี่ชายที่กำลังยิ้มหวานให้บรรดาหญิงสาวตัวแข็งขึ้นชั่วขณะ ไดอาน่าคือคนที่พี่แอบชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่เจ้าตัวเขาเกิดใจปลาซิวขึ้นมากระทันหันเมื่อเจอเธอบวกกับความหน้าหม้อท

ี่ถึงแม้จะไม่ได้คิดจริงจังกับใคร ความสัมพันธ์เลยไม่ได้คืบหน้าไปไหนต้องคอยให้กามเทพของเครอนคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาจนตอนนี้ไดอาน่าก็ยังเป็นเพื่อนกับพวกเขาอยู่

"เอาน่าๆ ล้อเล่นเอง" ครอสล์เริ่มแก้ตัว
"เหอๆ"
"งั้นฉันไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่รีบเดินทางจะโดนด่า แล้วเจอกันวันหลัง"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินจากไปทิ้งให้น้องชายหัวเราะเบาๆกับพี่ชายตัวเอง ใครจะไปคิดว่าคนอย่างครอสล์นักฆ่าอันดับหนึ่งจะกลัวกะอีแค่ท่านหญิงคนงามแห่งอิสตัน แค่นึกก็ขำแล้ว
คิดแล้วเจ้าตัวก็หันหลังจะเดินกลับไปยังห้องเรียนแต่แล้วก็ชนเข้ากับใครบางคนที่สูงกว่าจนมิด เครอนมองขึ้นไปสบตากับนัยน์ตาสีม่วงคุ้นเคย
"โทษทีวะ"
ไม่มีเสียงตอบกลัวมาจากปากของคนตรงหน้าแต่สายตาที่จ้องมองมาราวกับจะถามอะไรสักอย่างแต่ไม่ยอมถามเล่นเอาคนชนเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"นายมีอะไรจะถามฉันงั้นหรือ"
"ใช่" เสียงตอบเรียบๆก่อนจะถามคำถามที่คนถูกถามตะลึง
"นายเป็นอะไรกับ ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ นักฆ่าอันดับหนึ่ง แห่ง คิลเลียส"

ตอนที่ 12 เรื่องราวในอดีตของสองพี่น้อง
"หา…..พี่ชาย"
"ทำไมอะ ทำตื้นเต้นไปได้"
สาวตาของเครอนมองจอมเวทย์ช่างระแวงตรงหน้าอย่างงง ส่วนอีกคนกลับฉายแววไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัดเจน ทำเอาคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นแฝดผู้น้องถอนหายใจ
มันจะจับผิดผู้อื่นๆเป็นงานอดิเรกหรือเปล่านี่
"ครอสล์ แกรนต์คิล มันไม่มีน้องชายไม่ใช่หรือไง"
คำถามที่ถูกย้อนเล่นเอาคนถูกถามถึงกลับเลิกคิ้ว มันไปสืบข่าวเรื่องของพี่ชายเขามาตั้งแต่เมื่อไรฟะ แถมยังรู้ดีอีกตั้งหาก เหอๆ………..
"ก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ครอสล์กับฉันเป็นแค่พี่น้องบุญธรรม"
"รู้จักเป็นพี่น้องกันตั้งแต่เมื่อไร"
คราวนี้คนถามเริ่มขุดค้นคำถามขึ้นมาสอบสวนผู้ต้องสงสัยตรงหน้าอย่างไม่เกรงใจ แต่เครอนเองก็เฉยกับไอ้นิสัยประหลาดๆของมัน ยกกาแฟถึงมาดื่มหน้าตาเฉยก่อนจะตอบ
"เมื่อ2ปีก่อน"
"2ปีก่อน?" คารอสทวนพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ตอนนั้นครอสล์ยังไม่ออกมาเป็นนักฆ่าอิสระเลยไม่ใช่หรือ ถ้ายังไม่ได้เป็นนักฆ่าอิสระแล้วจะรู้จัดกับนายได้ยังไง"
"นายลืมไปแล้วเหรอไงว่าฉันมันเป็นนักเดินทาง กะอีแค่เดินทางไปเที่ยวคิลเลียสนิดหน่อยไม่เห็นมันจะแปลกอะไรตรงไหน" เจ้าตัวตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"นักฆ่าอันดับหนึ่งของคิลเลียสคงไม่มาเดินเที่ยวเล่นตามท้องตลาดหรอกนะ"
"นายไม่รู้จักนิสัยของพี่มันหรอก"
"นักฆ่าย่อมเป็นนักฆ่า นิสัยมันก็เหมือนกันหมด"
คำพูดเด็ดขาดจากปากของหัวหน้าชั้นปีเล่นเอาเครอนกลั้นหัวเราะแทบจะไม่ทัน ทำไมเขาจะไม่รู้จักนิสัยของพี่งี่เง่ามันกันเล่าในเมื่อตอนเจอกับครั้งแรกมันเล่นมาขอยืมเงินเขากลางตลาดซะแบบนั้น แต่อย่างว่า…ใครมันจะไปคิดว่าคนเป็นนักฆ่าจะใจกล้าแถมหน้าด้านแบบนี้ คงมีแต่พี่เท่านั้นแหละ
"นั้นมันเป็นในสายตานายฝ่ายเดียว แต่ในสายตาฉันมันไม่เหมือนกัน" เครอนยิ้มก่อนจะกล่าวต่อ "ฉันเองก็คงไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนมุมมองของนายได้หรอกในเมื่อใจนายยังไม่คิดจะยอมรับ แต่พี่ย่อมเป็นพี่เสมอต่อให้เขาจะมีอาชีพเป็นอะไรสำหรับฉัน"
เงียบ……ไม่มีคำพูดใดกล่าวออกมาจากปากของคนทั้งคู่ที่ๆได้แต่จ้องตากันนานสองนาน นัยน์ตาสีม่วงเฉยชาไร้ความรู้สึกแบบเคยระหว่างที่นัยน์ตาสีเขียวกลับสบายอารมณ์ ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ จนในที่สุด…..
"นายจะให้ฉันเชื่อใจนายได้ยังไง" คารอสกล่าวเรียบๆ
"ก็อย่างที่บอก ถ้านายยอมเปิดใจรับฉันก็จะเล่าให้นายฟัง" เครอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่สูงกว่า "เพื่อนมันอยู่ด้วยความเชื่อใจกันนะเฟ้ย ฉันเชื่อใจนายนายเองก็ควรหัดเปิดใจรับกันบ้างสิ เพื่อนกันไม่ใช่หรือไง"
เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจของคารอสก่อนจะมองหน้าเจ้าตัวแสบแล้วเริ่มตระหนักว่าบ้างที่ถึงแม้ว่าตนเองจะมีปัญญาความรู้มากมายก็ตาม

แต่ก็แพ้ประสบการณ์ของนักเดินทางคนนี้จนได้
"ก็ได้ นายเล่าๆเรื่องมาก็แล้วกัน"
"นายจะเชื่อหรือเปล่าเหอ"
"ร้อนตับจะแตก"
เสียงบ่นพึมพำจากเด็กหนุ่มวัย15ปีผมน้ำตาลที่เดินย่างเท้าอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้ชนมากมายจนแทบหายใจไม่ออก บรรยากาศในฤดูร้อนที่แสนจะร้อนยิ่งทวีความเหน็ดเหนื่อยหลังจากการเดินทางไกลมาจากคาล์แนว ใบหน้าใสๆตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลราวกับก็อกแตก

เมืองคิลเลียสแม้จะไม่ได้เป็นศูนย์กลางทางการค้าของเดทแต่ก็เป็นเมืองที่ครึกครืนไม่น้อย ประชาชนของที่นี่เกือบทั้งเมืองมีอาชีพเป็นนักฆ่าด้วยกันทั้งสิ้นทั้งระดับล่าง ระดับสูงขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ในการฆ่าคนยิ่งระดับสูงแค่ไหนเงินก็จะมากขึ้นตามนั้นเมืองนี้จึงมีอีกชื่อคือ นครโลหิต แต่ทว่าคิลเลียสกลับเป็นเมืองที่น่าสนใจเนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นแค่คนธรรดาอย่างมากก็เป็นแค่พ่อค้าจะหาระดับเจ้าขึ้นไป

แทบไม่มีมาอวดเบ่งให้เห็นสักราย ก็คงไม่ยากตายนั้นแหละหนาเพราะยิ่งดังเท่าไหร่โอกาศถูกว่าจ้างมาฆ่าก็มากขึ้นเท่านั้นแล้วใครจะโง่มาเดินบนถิ่นของนักฆ่ากันเล่า จริงไหม…

เครอนที่ตอนนี้เป็นแค่นักเดินทางมือใหม่กวาดนัยน์ตาสีเขียวมองไปรอบๆอย่างสนใจ ร้ายค้าถึงจะมีไม่มากแต่ส่วนใหญ่ร้านพวกนี้คือร้านของพวกนักฆ่าดูจากสินค้าก็แยกออกได้อย่างสบายอย่างร้านข้างๆเขาตอนนี้เป็นร้านขายเลือด ขวดโหลทั้งใหญ่เท่าตัวคนหรือแม้แต่เล็กเท่าจี้ห้อยคอบรรจุของเหลวของสัตว์ต่างๆ แต่เลือดบางเลือดก็ไม่ได้มีสีแดง ขวดแก้วเล้กเท่าฝามือตรงหน้าบรรจุเลือกทูตปีศาจน้ำสีดำขวดเลือดมังกรไฟข้างๆเองก็เป็นสีส้มอ่อนๆแถมยังมีไฟติดๆให้เห็นเป็นระยะ แต่ที่แพงที่สุดคงเห็นจะเป็นเลือดเทวดาที่เป็นของเหลวใสๆขาวๆส่องประกายเรืองรองให้ขวดเล็กจ๋อยแต่ราคากินไปถึง2,500,000เกรย์ เป็นราคาที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก ร้านถัดมาเป็นร้านขายหัวใจ อันประกอบด้วยหัวใจหมู หมา กา ไก่สารพัดจะมีให้เลือกซื้อ แต่รู้สึกว่าพวกนักฆ่าจะมีเทคนิดพิเศษที่สามารถรักษาคุณภาพสินค้าได้อย่างดีเยี่ยม ดูจากอัตราจังหวะการเต้นของหัวใจในร้านก็น่าจะรู้ได้แล้ว แล้วก็ยังมีร้าน……..
……..โครม…….

คนที่กำลังมองดูร้านค้าจนเพลินชนเข้ากับอะไรบ้างอย่างเข้าอย่างจังจนล้มลงกับพื้นทั้งคู่ซึ่งดูจากท่าทางก็เจ็บพอกัน
"เดินภาษาอะไรฟะ" เครอนตะคอกชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้น แต่เจ้าคนหัวเงินกลับไม่มีท่าทางจะลุกเลยแม้แต่น้อยเล่นนั่งเอามือกุมท้องตัวเองอย่างทรมานทำเอาคนชน(หรือเปล่าไม่แน่ใจ)เริ่มเป็นกังวล
"นี่เป็นอะไรหรือเปล่า"
มือใหญ่ของคนที่นั่งอยู่คว้าข้อมือเขาพลางเงยหน้าอันหล่อเหลาขึ้นมามอง นัยน์ตาสีฟ้าสดใสประสานกับดวงตามรกตที่ฉายแววไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่นและไม่อายปากว่า
"หิวข้าว เลี้ยงหน่อยดิ"
"นายจะบ้าหรือไงอดข้าวเป็นอาทิตย์"
เครอนถามคนที่ตอนนี่กำลังสวาปามข้าวอย่างอดยากไม่เหลือมาดผู้ดี นี่ก็ปาเข้าไปชามที่สามแล้วด้วย ไม่น่าสงสารพามันมาเลยเปลืองเงินชะมัดแถมดูมันเลือกร้านก็เล่นซะแพงหูแทบฉีกอีก
"ก็ฉันงานยุ่งนิ"
"ไอ้บ้า"
"ฉันไม่ได้ชื่อไอ้บ้า ฉันชื่อครอสล์"
คนตรงหน้าแนะนำตัวโดยไม่สนใจต่อคนเลี้ยงข้าวเลยสักนิด เล่นก้มหน้าก้มตากินลูกเดียวเดี๋ยวให้กินลูกชิ้นหมาซะนี่ดีไหม
ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะอายุมากกว่าเขาสักปีสองปี เสื้อผ้าที่ใส่เป็นแบบของคิลเลียสคิดว่าคงเป็นคนคิลเลียส แต่ว่าไอนิสัยมันเหมือนตลกคาเฟ่มากกว่านักฆ่ายังไงก็ไม่รู้
"นายเป็นนักฆ่าใช่ไหม"
"ใช่ๆ" ครอสล์ตอบแล้วใช้ช้อนตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะถอนหายใจพลางเลื่อนจานออกไปห่างตัวเป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้ว ทำเอาคนจ่ายเงินถอนหายใจตามอย่างโล่งใจ
นักเดินทางอย่างเขาไม่ใช่คนมีตั้งมากมายขืนไอ้นี่สั่งมากอีกจานมีหวังไม่มีเงินจ่ายแน่ๆ
"อิ่มแล้วใช่ไหม"
คำถามของเครอนทำเอาคนถูกถามยิ้มให้อย่างกวนๆก่อนจะตอบ
"ยัง…พี่ครับ" ว่าแล้วมันก็หันไปเรียกพนักงานคนหนึ่ง "ขอสเต็กชุดใหญ่2ชุด สลัด5จาน ของว่างอีก3ชุด ซุป3ถ้วย สปาเกตตี้ 1 จาน เค้ก 2 ปอนต์1ก้อน ไอติมอีก4ถ้วย แล้วก็น้ำเปล่า3ขวดคร้าบ"
พี่พนักงานรีบจดพลางเดินหายเข้าครัวไปทิ้งไอ้คนจ่ายเงินนั่งอึ้งตาค้างกับรายการอาหารนรกที่คนตรงหน้าเป็นคนสั่งอย่างไม่เกรงใจ
"นายสั่งบ้าอะไร รีบยกเลิ….."
ไม่ทันเสียแล้ว ราวกับนรกชังกับสวรรค์แกล้ง อาหารที่ถูกยกมาลงที่โต๊ะครบตามรายไม่ขาดไม่เกินราวกับคนครัวรู้มาก่อนว่ามันจะสั่งอะไร ตอนนี้จะยกเลิกยังไงก็ไม่ทันเสียแล้ว
"ไอ้งี่เง่า"
ว่าแล้วเจ้าคนก็กระโดดเข้าไปบีบคอคนกำลังกินอย่างเอาเป็นเอาตาย ของที่มันสั่งมาแค่สเต็กจานเดียวก็ราคากว่า900เกรย์ไม่รวมของอย่างอื่นอีกแล้วจะเอาเงินทีไหนไปจ่ายกันเล่า
โว้ย……………….
"โอ้ยๆๆ พอแล้วๆ"
"ไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆๆ"
เครอนที่ตอนนี้โมโหจนควันออกหูจัดการกับเจ้าคนงี่เง่าตรงหน้าที่ดิ้นไปมาเพื่อสะบัดตัวให้ออกจากมือตรงหน้า
จนในที่สุดเครอนก็ต้องยอมแพ้ถอนมือออกจากคอครอสล์อย่างเหนื่อยอ่อน คนอะไรอึดชะมัดเลยวะขนาดนี้มันยังกินต่อหน้าตาเฉย ดูมันๆ
"ทั้งหมด 9,800 เกรย์ค่ะ"
"………."
"เพราะนายคนเดียว"
เครอนตวาดเสียงเขียวใส่คนที่ล้างจานอยู่ข้างๆ โทษเนื่องจากการกินแล้วไม่มีเงินจ่ายทั้งเขาและไอ้หมอนี่เลยต้องก้มหน้าก้มตาล้างชามอยู่แบบนี้ เวรของแท้……..
"กินอะไรไม่รู้จักคิด สั่งมาได้ฉันไม่ใช่พวกพ่อค้านะเฟ้ย"
"โธ่ ก็ฉันอุตส่าห์จะชักดาบแล้วนายก็ดึงไว้"
"ไม่ต้องเลย คิดจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวแล้วยังมาทำปากดี"
"นี่เงียบๆทำงานไป ล้างให้เสร็จชุดนี่แล้วไปได้"
"คร้าบ…"
ฟังดูเหมือนง่ายกับอีแค่ล้างจานชุดเดียวแต่ความจริงชุดเดียวนั้นอะมันสูงท่วมหัวเป็นภูเขาดีๆนี่เอง ล้างก็จนเมื่อยมือยังได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำไป
"ว่าแต่นายชื่ออะไร ฉันยังไม่รู้จักเลย" ครอสล์เริ่มถามคนที่หน้าบูดข้างๆ
"เครอน"
"ชื่อดีนิ นายอายุเท่าไรแล้ว"
"15"
"กะไว้แล้วว่าอายุน้อยกว่าฉัน นานๆจะได้เจอคนอย่างนายซะทีรู้สึกถูกชะตาวะ"
คำกล่าวนั้นทำเอาเคอนที่ขะมักเขม้นทำงานหยุดกึกมองหน้าคนโตกว่า มันพูดออกมาได้ไงฟะ พึ่งรู้จักแค่ไม่กีชั่วโมงเล่นเอาเขาซวยขนาดนี้แล้วถ้ารู้จักนานเขาจะซวยขนาดไหนเนี่ย
"เหอๆ"
"ดูท่าทางนายคงเป็นนักเดินทางสินะ" ครอสล์ว่า "ฉันเป็นนักฆ่า"
"นักฆ่ามีนิสัยแบบนี้ด้วยเหรอไง"
"เปล่าหรอก มีฉันคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำได้"
"ฉันก็ว่างั้น" เครอนถอนหายใจ
เขาค่อยๆวางมือลงไปในน้ำพลางร่างเวทย์เบาๆจนในที่สุดจายชามทั้งกองก็หายไปกลายเป็นจานสะอาดเอียมจัดวางไว้ที่ชั้นอย่างเป็นระเบียบแทนที่ เรียกเสียงตบมือจากคนข้างๆได้อย่างดี
"ดูท่านายจะไม่ใช่นักเดินทางธรรมดาแล้วมั้ง"
ท่องถนนยามค่ำคืนของคิลเลียสแสนจะตรงข้ามกับตอนกลางวันยิ่งกว่าอะไร จากคนมากมายร้านค้าหายจ๋อยไปตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ตกดินคงเพราะเวลามืดก็เปรียบเหมือนความอันตรายของปีศาจนครโลหิต

คงมีคนใจกล้าเพียงไม่กี่คนที่คิดจะลองท้าทาย แต่หนึงในนั้น…
"จะตามมาทำไมฟะ" เครอนตวาดใส่คนที่เดินด้านหลังหน้าตาเฉย
"ขอไปด้วยดิ"
"ไม่ต้องเลย ไปไหนก็ๆไป"
คนอะไรตามติดเขาเป็นปลิงความซวย ทำให้เขาต้องไปนั่งล้างชามแล้วยังจะคิดมายุ่งกับเขาอีก เดี๋ยวพ่อก็เชือดทิ้งซะนี่ ยุ่งชะมัดแถมมันยังยิ้มสบายอารมณ์อยู่ได้ ยั่วโมโหกันนี่หว่า
"จะรีบเดินไปไหนเล่า"
"อยู่ให้โง่อะดิ" เครอนว่า "คิลเลียสเวลาค่ำมันไม่ค่อยน่าเดินเท่าไรหรอก"
"ไม่เห็นต้องกลัวเลย" ครอสล์ยิ้มก่อนจะพูดพึมพำต่อว่า "ก็มีฉันอยู่นี่หน่า"

ฝีเท้าของนักเดินทางหยุดชะงักทันทีพร้อมกับหันไปเพชิญหน้ากลับนัยน์ตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยไอสังหาร ครอสล์ยืนห่างไปแค่เมตรเดียวแต่ราวกับมีพลังอำนาจแผ่ออกมาจนน่ากลัว บางทีคงต้องเริ่มตระหนักถึงฝีมือของนักฆ่าเบื้องหน้าไว้บ้างก็ดี
"นายเองก็คงไม่ใช่นักฆ่าธรรมดาเหมือนกันใช่ไหม"
รอยยิ้มกวนๆปรากฏบนใบหน้าอีกครั้งทำลายความน่ากลัวเมื่อกี้จนหมดสิ้น
"เราต่างคนต่างไม่ธรรมดาสินะ"
"ฉันก็ว่างั้น"
เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองหัวเราะไปพร้อมๆกัน ความเงียบยามค่ำคืนอันวังเวงนี่ถูกเสียงพวกเขาทั้งสองกลบจนหมดสิ้น นั้นคือครั้งแรกที่เครอนรู้สึกถูกชะตากับคนที่นำแต่ความซวยมาให้แบบนี้
"ฉันอย่างมีน้องชายขี้โมโหอย่างนายจังวะ"
"ฉันเองก็อยากมีพี่ชายงี่เง่าอย่างนายเหมือนกัน"

ตอนที่ 13 ดวลดาบ
"อาณาจักรลีฟประกอบด้วย12ประเทศ ทางเหนือสุดคือเมืองทาร์รอสและนอร์เบอริน ทั้งสองเมืองต่างเป็นเมืองสำคัญอันว่าด้วยทาร์รอสมีชายแดนอยู่ติดกับเกรย์ดอฟเหนือจึงมีการปกครองทางการทหารที่เข้มแข็งกว่าทุกเมือง

เพื่อป้องกันอำนาจแห่งความมืดจากพวกเดท นอร์เบอรินเองก็ถือว่าเป็นเมืองทางวัฒนธรรมอันงดงามไม่แพ้กับมัสลิน เรียกอีกชื่อว่า นครสาวงาม ถ้ามีใครสงสัยก็เชิญถามเจ้าหญิงริสโซเรีย คอโรไอน่า แห่ง นอร์เบอรินเลยก็ได้ ต่อไปทางตอนกลาง อันประกอบด้วยโครนอ….."
ฟี้…..ครอกฟี้…….
เสียงกรนประสานเสียงเป็นวงโอเปร่าซึ่งบรรเลงโดยนักเรียนสายจอมเวทย์ปี1สามัคคี ชุมนุม พร้อมใจกันประสานเสียงในชั่วโมงประวัติศาสตร์ หรืออีกชื่อที่นักเรียนตั้งไว้คือ ชั่วโมงนอนหลับ
ท่านอาจารย์ชารอน แห่ง อิสตัน เจ้าเก่ายังคงสอนได้เหมือนวางยาสลบอย่างเคย คารอสที่ตอนนี้กำลังพยายามเต็มที่ๆจะไม่หลับอยู่ข้างๆอย่างยากลำบาก ส่วนเพื่อนอีกสองคนตอนนี้หลับน้ำลายไหลท่วมโต๊ะเรียนไปเรียบร้อยแต่ที่ยังหลับๆตื่นๆก็เห็นจะเป็นเครอนคนเดียว

หลังจากถูกสอบสวนจากแฝดผู้พี่ตั้งนานเขาก็ถูกปล่อยมานั่งหลับในวิชาแรกสุด แม้นี้จะเป็นเวลานานพอควรที่เข้ามาเรียนที่นี่แต่ไอ้ภูมิต้านทานความง่วงนี้อะดิไม่เคยมีใครมีสักคนเมื่อเจออาจารย์แกคนนี้
"เครอน ทันเรอเรน"
เสียงเรียกของอาจารย์ดังมาก่อนตามด้วยหนังสือเล่มหนาปึกตกลงกลางกะบานของเจ้าของชื่อเล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงลุกขึ้นยืนอย่างไม่ได้ตั้งใจ แถมเสียงหนังสือกระแทกหัวก็เล่นปลุกนักเรียนทั้งห้องได้ในพริบตา ดวงตาใสๆของเพื่อนๆจ้องมองมาที่เขากันปริบๆ
"เธอกล้าดียังไงมาหลับในชั่วโมงเรียน"
คำถามเล่นเอาคนถูกถามงง มันก็หลับกันทั้งห้องไม่ใช่เหรอไงแต่ทำไมๆมันถึงมาลงที่เขาคนเดียวได้ฟะ สงสัยเขาต้องไปทำพิธีล้างซวยเสียแล้วมั้งเนี่ย
"ขอโทษครับ"
"ฉันขอสั่งให้เธอเขียนรายงานเรื่องอาณาจักรลีฟ 1000 หน้าให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้เช้าเป็นการลงโทษ" ท่านอาจารย์ชารอนกล่าวว่าอย่างโมโห "แล้วให้เจ้าหญิงริสโซเรียเป็นคนคอยคุม"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายแววบนใบหน้าใสๆของคนคุมทำเอาเครอนหายใจไม่ทั่วท้อง ไอ้เรื่องรายงานยังพอว่าแต่อาจารย์ช่างสรรหาคนคุมได้ดีอะไรอย่างนี้ โว้ย……
"คารอสๆ นายไปกล่อมยัยเจ้าหญิงนั้นหน่อยสิ" เครอนกล่าวเมื่อพวกเขามุ่งหน้าสู่ลานหน้าปราสาทเพื่อเรียนวิชาต่อไป "ฉันไม่อยากให้ยัยนั้นคุมอะนายก็น่าจะรู้ ส่วนเรื่องรายงานฉันทำเองก็ได้สาบานเลย"
นัยน์ตาเย็นชามองลงมาที่เขาก่อนจะเมินหนีไป คนเดียวที่พึ่งได้ตอนนี้ก็มีแต่มันคนเดียวถ้ามันยอมเขาจะได้ไม่ต้องเจอยัยริสโซเรียนั้น แต่มันคงยากวะ
"แกจะไปพูดกับคนอย่างไอ้นี่หรือวะ มันพูดเป็นกับผู้หญิงเป็นซะที่ไหน" โซรามอสแซว
"มันก็จริง" เครอนพยักหน้าเห็นด้วย "มันเจอผู้หญิงที่ไรเป็นพูดไม่ออกทุกที สงสัยจริงๆว่ามันเป็นเกย์หรือเปล่าอะดิ"
…..ผั้ว….
เจ้าเกย์ในคำพูดของคนตัวแสบฟาดฝ่ามือลงซ้ำแผลเดิมจากหนังสือของอาจารย์ชารอนเล่นเอาเครอนร้องโวยวายยกใหญ่ใส่คู่กรณี

ระหว่างที่เพื่อนอีกสองคนหัวเราะ

วิชาต่อมาไม่มีในตารางชั่วโมงเรียนสายจอมเวทย์แต่เป็นวิชาบังคับของโรงเรียนสัปดาห์หนึ่งจะต้องเรียน2ชั่วโมงอันประกอบด้วยการขี่ม้าและฟันดาบ
ความจริงสองสิ่งนี้ไม่ค่อยจำเป็นต่อการเรียนเวทย์เท่าใดนักแต่ถือการป้องกันตนเองขั้นพื้นฐานโดยฉะเพราะอย่างยิ่งในระยะประชิดตัว อาจารย์ใหญ่จึงให้นักเรียนทุกคนเรียน
"วันนี้ครูจะมอบดาบไม้ให้พวกเธอทุกคนลองไปซ้อมดู แล้วขอให้ไปหาดาบจริงมาใช้ในครั้งต่อไปด้วย"
เสียงกล่าวจากเท่าอาจารย์รูปหล่อเจ้าของฉายา เทพบุตรแห่งริสมาฟอรัส เอ็ตวอตล์ คาเรนอร์ แห่ง นานิเอล ตามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรอย่างเคยเล่นเอานักเรียนหญิงที่ผ่านไปมากรี๊ดกราดกันยกใหญ่ แต่ดูเหมือนรัศมีความหล่อของท่านอาจารย์นั้นจะลดลงไปทันตาเมื่อเจอเข้ากับมาดเท่ของเจ้าคารอสมัน

ถ้านับตั้งแต่การฝึกดาบครั้งแรกวันนี้นับว่าเป็นวันที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างที่สุดเนื่องจากวันแรกพวกเขาต้องนั่งฟังการบรรยายเกี่ยวกับประวัติและ

วิธิการฟันดาบตลอดทั้งชั่วโมงแต่วันนี้ได้ลองฟันดูทำให้บรรดานักเรียนพากันเฮฮายกใหญ่ เว้นก็แต่สองเจ้าหญิงนั้นที่เอาแต่บ่น ดาบไม่เหมาะบ้าง ดาบไม่หรูบ้าง

เวล์เซนที่ปานนี่ยังจุดไฟไม่ได้ในการจุดเทียนกลับมีแววอย่างแรงในด้านการฟันดาบส่วนโซรามอสเองก็เก่งซะจนน่ากลัว พอสองคนนี่มาจับคู่กันก็กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที ระหว่างที่เขาและคารอสกับเล่นสงครามจิตวิทยากันอยู่โดยที่ต่างคนต่างถือดาบแน่นในมือจ้องตากันอย่างข่มขวัญกันเอง

"ถ้านายแพ้ต้องจัดการเรื่องรายงานให้ฉัน อย่าลืมด้วยนะเฟ้ย"
"นายเองก็เหมือนกัน ต้องฟังคำสั่งฉันหนึ่งสัปดาห์เต็ม"
"ไม่ออมมือล่ะนะ"
เสียวประกาศก้องจากปากของเครอนเล่นเอาเกิดความเงียบชั่วขณะแต่ก็เงียบไม่ได้นานเพราะเจ้าตัวแสบตวัดดาบใส่คู่ต่อสู้อย่างแรงแต่คารอสใช

้ดาบของมันรับไว้ได้
แต่ดาบที่สองก็ถูกลงมาตรงกลางลำตัวอย่างรวดเร็วราวกับเป็นภาพลวงตาทำเอาจอมเวทย์แห่งโครนอสกระโดดหลบแทบไม่ทัน ถึงจะไม่ใช้ดาบจริงแต่ก็ทำให้เจ้าตัวตอนนี้เจ็บปวดบริเวณเอวที่หลบไม่ทัน
ไอความตายจากจากแฝดผู้พี่เริ่มแผ่ออกมามากขึ้น บรรยากาศเริ่มน่ากลัวจนนักเรียนทุกคนหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วคารอสพุ่งดาบตรงมาอย่างแรงทำให้คนตัวเล็กกว่าเกือบยันตัวไว้เกือบไม่อยู่เมื่อยกดาบปะทะก่อนจะตวัดดาบกลับได้อย่างเร็ว

เสียงประดาบดังลั่นทั่วทั้งลานระหว่างที่สายตาทุกคู่จ้องมองแต่สองนักดาบฝีมือเยี่ยมกลับต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหนื่อย เสียงดาบปะทะกันดังต่อเนื่องเครอนเป็นต่อด้านความรวดเร็วและว่องไว ทั้งๆที่สถานะการแย่แบบนี้แต่ยังมีรอยยิ้มกวน... แบบเดิมปรากฏอยู่บนใบหน้า แต่คารอสซึ่งมีความกำลังความแรงมากกว่าเองก็ยังคงสีหน้าเฉยชาได้ยังเดิมเช่นกัน

"นายคิดว่าใครจะชนะ" เวล์เซนกระซิบถาม
"ฉันไม่รู้ เกิดมายังไม่เคยคิดว่าจะมีใครฟันดาบเก่งแบบนี้เลยวะ"
"นายยอมแพ้ดีกว่า"
เสียงจากเครอนประกาศก้องฟาดดาบลงอย่างแรงที่คารอสยกรับเสียงดังสนั่นก่อนที่ร่างจะนั้นจะหายไปปรากฏด้านหลังจอมเวทย์ด้วยความว่องไว

แต่ไอ้หมอนี่ก็ไวมากพอจะหันกลับมารับดาบก่อนจะลงฟันไปยังร่างของเครอนเขาเต็มประดา แต่ทว่าดาบกับทะลุผ่านร่างนั้นไป……

"ฟันอะไรหรือคารอส นั้นมันเงาของร่างฉัน"
เสียงทักดังจากด้านข้างตัวพร้อมด้วยดาบฟาดลงมา คนโตกว่ากระโดดหลบทันหวุดหวิดก่อนจะสวนดาบกลับ
แคร้ง……
คนว่องไวรับดาบทันแต่กลับหลบดาบที่สองไม่ทัน แรงดาบฟาดลงบริเวณแขนขวาทำเอาเครอนทรุดตัวลงแต่ก็ใช้มือซ้ายรับดาบที่ลงมาครั้งที่สามไว้ได้ นัยน์ตาเขียวเหลือบมองมายังคนตรงหน้าประกาศความไม่ยอมแพ้ทั้งที่มือกุมแขนที่บาดเจ็บแล้วตวัดดาบอันเร็วนั้นเข้าที่เอวของคารอสซ้ำบริเวณ

แผลเก่าพลางยืนขึ้นสู้ต่ออย่างไม่หวั่นเกรง
เพื่อนทั้งสองตอนนี้เริ่มมีอาการกระวนกระวาย เลือดที่ไหล่จากบาดแผลที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จากแค่ดาบไม้ธรรมดาหยดลงบนพื้นจนน่าตกใจแต่กลับไม่มีใครกล้าแม้แต่จะห้าม

"ฉันยอมรับว่านายเก่งดีนิ คารอส"
เครอนกล่าวกวนๆแล้วก้าวห่างออกมาเพื่อให้ทั้งตัวเองและคารอสได้ตั้งหลักกันใหม่
"นายก็เหมือนกัน"
แล้วดาบทั้งสองก็พุ่งเข้าปะทะกันอีกรอบด้วยความรุนแรงหนักกว่าครั้งแรก รอยยิ้มของเครอนหายไปกลายเป็นความน่ากลัวที่ไม่เคยปรากฏบนใบหน้าใสๆ ดาบไม้ส่งเสียงดังก่อนจะหักออกกระทกลงบนพื้นบ่งบอกการสิ้นสุดการดวลดาบ
"เยี่ยมๆ ดีเยี่ยม"
เสียงปรบมือดังจากอาจารย์เอ็ตวอตล์ที่เฝ้ามองการปะดาบมาตั้งแต่เริ่ม รอยยิ้มบ่งบอกความปราบปรื้มแกมสนใจใคร่รู้กับสองลูกศิษย์ที่ฝีมือชั้นยอด
"ศึกครั้งนี้นับว่าเสมอ"
"อะไรนะจารย์"
เครอนแหกปากถามดังสนั่นหูตาเหลือก เล่นสู้กันแทบตาสุดท้ายกลับกลายเป็นศูนย์เป็นอะไรที่ทำให้คนอย่างเขารับไม่ได้
"ทำไมอะ"
"โห่อาจารย์ ผมตั้งใจจะช่วยให้ไอ้นี่มันสมหวังในความรักกับเจ้าหญิง จารย์จะช่วยบอกว่าผมชนะหน่อยก็ไม่ได้ ปล่อยมันคุยกับผู้หญิงไม่เป็นแบบนี้ถ้าสักวันมันเกิดเป็นเกย์ขึ้นมาตามจีบอาจารย์ผมไม่รู้ด้วยนะ"
"มันก็จริง"
"เห็นไหมจารย์ ตกลงผมชนะใช่เปล่า" รอยยิ้มกว้างเตรียมรับคำตอบอันรอคอยแทบฉียไปถึงใบหู
"เปล่า"
เท่านั้นเองคนยิ้มกว้างก็หุบลงทันทีก็จะโวยวายใส่อาจารย์ยกใหญ่เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างเช่นเคย นายตัวแสบกลับมาเป็นคนเก่าที่พวกเขารู้จัก
"อาจารย์ทำแบบนี้ผมฟ้องแฟนคลับนะ"

ตอนที่ 14 ว่าด้วยเรื่องราวแห่งโครนอส
……ปัง…….
เอกสารชุดใหญ่สูงเป็นภูเขาที่เขียนด้วยลายมือล้วนๆของคนที่นั่งแหกตาทำจนถึงเกือบเที่ยงคืนกระแทกลงบนโต๊ะเขียนหนังสือของตนเองเสียงดังสนั่นห้อง
สายตาเย็นชาจากเพื่อนร่วมห้องหันมามองแวบก่อนจะกลับไปทำงานต่อเพียงแต่เพื่อนผู้มาเยี่ยมห้องอีกสองคนนั้นนั่งอึ้งมองมายังกองกระดาษพลางอ้าปากค้าง รายงานวิชาว่าด้วยเรื่องอาณาจักรลีฟที่ถือเป็นบทลงโทษอันหนักหน่วงต่อการหลับในวิชาเรียนประวัติศาสตร์ของอาจารย์ชารอน แห่ง อิสตัน ใบหน้าที่ซีดๆที่ควรจะโอดครวน หรือเคลียดจนแทบคลั่งตอนนี้กลับมีรอยยิ้มกวนตีนอย่างเคยปรากฏอย่างเห็นได้ชัดทำเอาเพื่อนๆงงตามกันไปเป็นแถว ก่อนที่เสียงสดใสจะทักขึ้นราวกับไม่รู้จักเหนื่อยล้า

"เสร็จซะที" เครอนกล่าวพลางกระโดดขึ้นเตียงของเจ้าคนตายด้านหันไปสนทนากับเพื่อนผู้มาเยือน "นานชะมัดยาก เมื่อยโคตร"
"นายเขียนเองหมดเลยเหรอฟะ"
เวล์เซนกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
"ก็ใช่อะดิ ฉันไม่เขียนแล้วใครจะเขียนกันเล่า"
"นายเขียนเข้าไปเท่าไหร่เนี่ย"
คำถามจากโซรามอสทำเอาเจ้าคนไม่ค่อยสนใจชาวโลกเค้าหันมามองเขาราวกับต้องการฟังคำตอบจากเจ้าตนเขียน เจ้าตัวรอยยิ้มปรากฏก่อนจะหัวเราะเบาๆ
"รู้สึกจะได้5486หน้านะ"
คำตอบเล่นเอาเพื่อนทั้งสองหูตาเหลือกทันทีส่วนเจ้าแฝดผู้พี่กลับเฉยคงมาดเท่ให้นิ่งได้อย่างยอดเยี่ยมราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้
5486หน้า โอเจ้าจอร์ด มันเขียนเข้าไปได้ยังไงฟะ…………
"รับรองรายระเอียดครบถ้วนทั้งการปกครองภายใน ฐานเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ประเทศ ฐานะทางสังคม หน่วยการจัดการดูแลภาษีอากรณ์ สินค้าส่งออก เงินตรา อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ศาสนา และวัฒนธรรม แล้วยังมีด้านการทหาร จุดอ่อนและจุดแข็งของประเทศอีกด้วย"
คำอธิบายของเครอนยิ่งทำให้เพื่อนทั้งสองอ้าปากกว้างขึ้นกว่าเดิมจนกลัวว่าแมลงวันจะเผลอบินเข้าปากมันไปจริงๆ
"นายไปเอาข้อมูลมาจากไหน" โซรามอสถาม
"ง่ายๆ" เขายักไหล่ "ข้อดีของนักเดินทางคือความสามารถในการศึกษาสิ่งต่างๆของประเทศนั้นๆได้ อีกอย่างฉันมันมืออาชีพอยู่แล้วรับรองอาจารย์เห็นเป็นต้องช็อก ละเอียดยิ่งกว่าตำราไหนๆเป็นล้านเท่า เขียนโดยอาจารย์ เครอน ทันเรอเรน" ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะ
"นายทำอะไรกับเจ้าหญิงริสโซเรีย"
คำถามจากคนที่นั่งนิ่งๆอยู่นานถามขึ้นเล่นเอาเครอนหน้าซีดลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกลบเกลื้อนไปตามนิสัย มันฉลาดสมฐานะจริงๆวะไอ้หมอนี่อ่านยากจริงๆ
"ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก ก็แค่…"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ดึงถุงเล็กๆออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมโยนลงตรงหน้าเพื่อน ถุงนั้นบรรจุผงสีขาวขุ่นๆละเอียดราวกับแป้งที่ดูแล้วก็รู้ว่าใช้มาแล้วเกินครึ่งถุง
โซรามอสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจแต่เจ้าคนรอบรู้ประจำกลุ่มทำหน้าเบ้ขึ้นมามองเจ้าตัวแสบตรงหน้าที่ชอบรนหาเรื่องเป็นที่สุดได้ก่อเรื่องเข้าอีกแล้ว
"ยานอนหลับ" เวล์เซนขมวดคิ้ว
"ใช่" เจ้าตัวยิ้มกว้างพลางหัวเราะนิดหน่อย "แบบพิเศษสูตรไอ้พี่บ้า ออกฤทธิ์ช้าแต่นานสงสัยว่าเจ๊แกเขาคงหลับถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้แน่ๆเลย ยิ่งคิดยิ่งมัน" ว่าแล้วก็นับนิ้วอย่างสบายอารมณ์ ผิวปากเบาๆโดยไม่สนใจบรรดาเพื่อนๆที่มองปางจะฆ่า "ความจริงกะไว้แค่พรุ่งนี้เช้าก็ตื่นแต่ฉันเผลอทำหกใส่แก้วเข้าไปตั้งครึ่งถุง หลับเป็นตายเลยแบกไปส่งไม่ไหว ผู้หญิงอะไรหนักโคตร"

แผนการครั้งนี้คิดค้นโดยท่านอาจารย์ที่ปรึกษาสายจอมเวทย์แห่งความมืดของเขาเอง พี่เวลล์ ร่วมกับบรรดารุ่นพี่ ขอบคุณมากคร้าบ เหอๆๆ
"หมายความว่านายทิ้งเจ้าหญิงริสโซเรียไว้" โซรามอสตะโกน
"ใช่" เครอนมองเพื่อนอย่างงง "ก็เจ้าหล่อนเค้าหาที่เขียนรายงานให้ฉันได้ดีมาก เล่นซะมุมมืดเลยกว่าคนจะหาตัวเจอมันก็คงอีกนาน"
"มุมมืด" คารอสท้วน
"จะได้จิกตบฉันได้สะดวกไง โดนไปตั้งหลายที"
ว่าแล้วก็เอามือไปถูบริเวณหลังของตัวเองที่ถ้าเปิดดูคงจะพบลายฝ่ามือเป็นจ้ำๆเต็มหลังแน่ๆ ผู้หญิงอะไรปากจัดแล้วยังมือหนักอีก คิดแล้วเซ็ง
สายตาเกรี้ยวกราดจากบรรดาเพื่อนในห้องจ้องถลึงมองคนไม่รู้จักสำนึกกันเป็นตาเดียว วันๆดีแต่ก่อเรื่องเป็นกระบุง วันนี้วางยาสลบเจ้าหญิงแห่งนอร์เบอรินแถมยังทิ้งไว้งั้นอีกต่างหาก กลุ้มกับมันจริงๆ
"เลิกพูดๆดีกว่า ฉันจะนอนแล้วโว้ย"

เจ้าคนหนีความผิดตัดบทสนทนาซะงั้น กระโดดขึ้นเตียงเอาผ้าห่มคลุมโปงนอนหลับหน้าตาเฉย ทำเอาเพื่อนๆแทบอยากจะถีบให้ตายคาเท้าได้แต่ถอนหายใจแล้วขอตัวลากลับห้องของตัวเองไป เหลือไว้ก็แต่ไอ้คนหน้าปูนผสมกาวตาช้างร่วมห้องนั่งขีดๆเขียนๆงานของมันต่อไป

เมื่อเจ้าเพื่อนทั้งสองจากไปเจ้าคนกระล่อนแกล้งหลับก็ลืมตาโตๆมองไปยังแฝดผู้พี่ของตัวเองยิ้มๆ ใบหน้าหล่อๆตอนนี้กำลังเขียนหนังสืออย่างจดจ้องภายใต้กรอบแว่นที่ยิ่งเพิ่มความเท่ ผมสีทองสะท้อนกับแสงจันทร์นวลๆทั้งให้ดูงดงามยิ่งขึ้นชายหนุ่มที่เห็นตรงหน้าสง่างามราวกับเทพบุตรไม่มีผิดเพี้ยนไม่แปลกที่ผู้หญิงไหนๆเป็นต้องหลงรัก แตกต่างกับเครอนถึงแม้จะใบหน้าคล้ายกันมากแต่ก็ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของมันเลยแม้แต่น้อยนึกแล้วอิจฉาหน่อยๆวะ

ราวกับรู้ว่ามีคนจ้องใบหน้านั้นหันมามองทางเขา นัยน์ตาม่วงคมประสานเข้ากับดวงตามรกตใสๆที่เจ้าของเผลอตัวยิ้มออกไปรีบหุบกับมา
"คารอส นายเป็นจอมเวทย์ของโครนอสใช่เปล่า" เจ้าคนตรงหน้าเริ่มถาม
"ใช่ ฉันเป็นชาวโครนอส"
เครอนพลายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงกระโดดไปนั่งบนเตียงของคารอส สายตาดุๆมองตัวกวนตรงหน้าพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยของเพื่อนร่วมห้อง
"รายงานฉันมันขาดเรื่องโครนอสอะ นายเล่าๆให้ฟังหน่อยดิ"
คิ้วของคารอสขมวดแวบหนึ่งก่อนจะหายไป
"นายเป็นนักเดินทางไม่ใช่เหรอ"
"มันก็ใช่" เครอนถอนหายใจ "แต่ไอ้ประเทศของนายมันของวีซ่ายากมากๆ ทั้งประวัติเอย ชาติกูลเอย รายได้เอย อาชีพเอย ปวดหัวไปหมด" ว่าแล้วก็จ้องหน้าเพื่อนอย่างหาเรื่อง "นายอะบอกๆให้มันตรวจประวัติง่ายๆกว่านี้ไม่ได้หรือไง ฉันขอทีไรไม่ได้ทุกทีจนเซ็งจะตาย สาด งี่เง่าเหมือนนายเลย"

ไหงไปพาลจอมเวทย์เอาซะงั้นเลยนะคุณเครอน เค้าไม่ใช่เจ้าชายนะเฟ้ย คนเราอะนะโทษเข้าไปได้ไม่รู้จักดูคน ไอ้นิสัยแปลกๆของเครอนมันจะแก้หายไหมเนี่ย

"โครนอสเป็นนครศักดิ์สิทธิ์รองจากเทรนนอสก็ต้องตรวจเข้มเป็นธรรมดา นายอะน่าจะเข้าใจซะหน่อย" คำกล่าวเรียบๆจากเจ้าคนโดนด่าฟรีที่กำลังเก็บแว่นตาโดนอารมณ์ไร้ความรู้สึก "โครนอสนับเป็นเมืองสำคัญถ้าเกิดมีพวกเดทหลุดเข้าไปทำลายเมืองจะสร้างความเสียหายต่อลีฟทั้งอาณาจักรได้ จึงต้องใช้มาตรการณ์ตรวจเข้มแบบนี้"

คนอธิบายอุส่าห์กล่าวแต่คนถามอะดิมั่วแต่ค้นหากระดาษยกใหญ่ไม่สนใจฟัง พอหาของได้ก็ร่ายเวทย์อะไรพึมพำนิดหน่อยพลางวางลงข้างๆตัวที่กระโดดขึ้นมาบนเตียงเป็นครั้งที่สองทำเอาเตียงที่จัดเรียบร้อยยับหยุ่น

ไปหมดอย่างไม่เกรงใจเจ้าของเตียง

"ต่อๆ"
ซะงั้น เล่าแล้วไม่ฟังคราวนี้มาบอกต่อๆ จริงๆเลย
"นายจะให้ฉันเล่าอะไร"
"อืม….." เครอนทำท่าใช้ความคิด "เอาเป็นการปกครองก่อนดีกว่า แล้วค่อยประวัติศาสตร์เอาให้มากที่สุดเท่าที่นายรู้อะนะ ว่าแต่นายรู้แค่ไหนกันเชียว"
คารอสเพิกเฉยไม่สนใจคำพูดยั่วโมโหของคนตรงหน้า ทำเอาแฝดผู้น้องเซ็ง………

"การปกครองของโครนอสก็เหมือนของเทรนนอสนั้นแหละ ใช้วิธีการลงความเห็นส่วนรวมมากกว่าการใช้อำนาจทางทหาร คนชาวโครนอสทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอความเห็นต่อคณะบริหารสูงสุดของประเทศอันมีองค์กษัตริย์เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนคณะบริหารสูงสุดส่วนหนึ่งเป็นพวกเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็ขุนนางชั้นสูงแต่อีกส่วนเป็นพวกตัวแทนของประชาชนในแต่ละเมืองซึ่งทุกตำแหน่งสามาร

ถเปลี่ยนได้ตามคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในคณะ
รองลงมาคือคณะบริหารฝ่ายขวาซึ่งมีหน้าที่ดูแลจัดการเงินตรา การค้าขาย และการทหารทั้งหมดของประเทศตามความเห็นชอบจากคณะบริหารสูงสุด"
"แล้วไอ้การทหารของโครนอสมันเป็นไงอะ เห็นได้ยินมาว่าโครนอสไม่ชอบจับดาบไม่ใช่เหรอ" คำถามจากเครอนที่นั่งฟังตาปริบๆและข้างตัวกระดาษลงเวทย์ที่ร่ายขึ้นปรากฏข้อความตามคำอธิบายของคารอสไม่มีผิดเพี้ยน

"โครนอสไม่ชอบการใช้ดาบ เครอน" คารอสตอบพลางอันไปเขียนงานของตัวเองต่อ "เรามีอีกชื่อเรียกว่าเมืองแห่งเวทย์ เพราะชาวเมืองส่วนใหญ่รู้และใช้เวทย์เป็นยามศึกแม้ต้องจับดาบแต่ก็ใช่ว่าดาบกับเวทย์มันจะไปด้วยกันไม่ได้ และอีกอย่างเราไม่ชอบการสู้รบฆ่าฟันแต่ถ้าเกิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จะใช้การเจรจาทางการทูตแทน"

"งั้นหรือ" เครอนว่าเสียงใสพร้อมกับพยักหน้า "ถ้าฝ่ายขวาเป็นรากฐานความอยู่รอดของประเทศดูแลการค้าที่ถือเป็นปากเป็นท้องของประชาชน ป้องกันการรุกรานแล้วใครดูแลเรื่องทุกข์สุขของประชาชนกันเล่า"
"นั้นมันงานของฝ่ายซ้าย คณะนี้มีหน้าที่ดูแลส่วนท้องถิ่นและภูมิภาค คอยดูแลช่วยเหลือแล้วก็รายงายให้คณะบริหารสูงสุดแถมยังเป็นเหมือนศาลไต่สวนและพิพากษาคดีความอย่างเป็นธรรมด้วย"
"เป็นธรรม?" เครอนทวนคิ้วขมวด
"แน่สิ ชาวโครนอสอยู่อย่างเท่าเทียมไม่มีการเอาเปรียบถ้าไต่สวนไม่เป็นธรรมก็ถูกฟ้องแล้วถ้าเป็นความจริงก็จะต้องถูกปลดตำแหน่งออกทั้งที"
"โทษของโครนอสเป็นแบบไหนอะ"
"ก็ถ้าเป็นโทษเบาๆอย่างพวกลักเล็กขโมยน้อย ต้มตุ๋นอย่างมาก็แค่จำคุก50ปี แต่ถ้าสูงขึ้นกว่านั้นก็เป็นพวกฆ่าชิงทรัพย์ หรือทำลายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ มีโทษอย่างมากจำคุกตลอดชีวิตและสุดท้ายโทษคือการฆ่าหรือว่าจ้างฆ่าคนโดยเจตนามีโทษประหารสถานเดียว แต่ในกรณีไม่เจตนาก็จะนับเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต ยกเว้นการฆ่าองค์กษัตริย์และรัชทายาทมีโทษประหารเก้าชั่วโคตรและลูกหลานที่เหลือต้องมาเป็นทาสให้แก่ราชวงศ์ตลอดกาลโดยไม่มีข้อแม้"
"โหดไปมั้ง" เครอนพึมพำ
"ไม่หรอก เพราะถ้ากษัตริย์ทำผิดโทษก็เท่ากับประชาชน" เสียงปลายปากกาขีดๆเขียนๆจากคารอสดังเป็นระยะระหว่างอธิบาย "เราถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน"
"นายรู้ดีชะมัด ถามจริงพ่อทำงานอยู่ในคณะบริหารใช่เปล่า"
เงียบ…….ไม่มีคำตอบอย่างเคย ดวงตาสีม่วงตอนนี้หันมาจ้องประสานกับดวงตาสงสัยรอคำตอบโดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองได้หลุดคำถามที่ไม่ควรถามออกไป
"พ่อฉันตายไปตั้งนานแล้ว"
เป็นคำตอบสั้นๆที่เย็นชาเล่นเอาคนถามถึงกับอึ้งพูดแก้ตัวให้ตัวเองไม่ออก ปากหนอปากถามไปได้ ไอ้ปากบ้า
ด่าปากตัวเองเฉยเลย
"โทษที ฉันไม่รู้" เครอนกล่าวหน้าเศร้า
"ช่างมันเถอะ ฉันไม่ใส่ใจอยู่แล้ว" คารอสว่าแล้วก้มหน้าทำงานต่อไป "แล้วมีเรื่องไรจะถามอีกไหม"
"ขอเรื่องประวัติศาสตร์ของประเทศหน่อยดิ"
"อืม…ถ้าจะเล่าก็ต้องเล่าถึงต้นยุคแรกของลีฟเลย เทพเจ้าเทรนนอสผู้เป็นผู้สร้างอาณาจักรแห่งลีฟมีลุกชายทั้งหมดสามคนคือ เทรนไลท์ โครอส และอานอส ลูกชายคนแรกได้รับหน้าที่ปกครองลีฟรุ่นต่อไปซึ่งตอนนี้ก็คือกษัตริย์แห่งเทรนนอสคนปัจุบัน ส่วนคนกลางขอปฏิเสธการเป็นผู้ปกครองโครนอสมาอยู่ที่เทรนนอสอานอสผู้เป็นคนลูกคนเล็กจึงขึ้นปกครองแทน เพราะฉะนั้นเทรนนอสและโครนอสนับว่ามีความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องกัน"

"แปลกนะ ทำไมท่านโครอสถึงขอปฏิเสธการขึ้นปกครองโครนอสแหละ"
คำถามที่เล่นเอาคารอสชะงัก ก่อนจะตีสีหน้าเฉยตอบ
"ทั้งสามคนนี่เป็นเชื้อสายของเทพแต่จำต้องปกครองเมืองของมนุษย์ ท่านเทรนนอสจึงออกคำสั่งให้ปกครองและอยู่แบบมนุษย์ โครอสเป็นคนเดียวที่ไปหลงรักนางฟ้าแห่งเทรนนอส ความจริงก็สามารถแต่งานไปอยู่โครนอสได้แต่นางเป็นนางฟ้าผู้ดูแลฤดูหนาวของเทรนนอสจึงไม่อาจสละหน้าที่นี้ได้ โครอสจึงต้องแต่งงานอยู่ในเทรนนอส"
"อืม….เป็นคนที่เสียสละจริงๆ" เครอนออกความเห็นพลางอมยิ้มในใจกับตำนานความรัก "แล้วคนอื่นๆเค้าไม่ได้แต่งงานกับนางฟ้าหรอกหรือ"

"เทรนไลท์แต่งงานกับภูตแห่งมัสลินส่วนอานาสแต่งกับเจ้าหญิงชาวมนุษย์ธรรมดา" คารอสอธิบายพลางปิดหนังสือรายงานที่นั่งเขียนอยู่ก่อนจะหันมาสบตาเจ้าตัวแสบ "จ้าวเทรนไลท์มีลูกชายเพียงคนเดียวตอนนี้คงอายุประมาณ20กว่าๆแล้ว ส่วนท่านอานอสมีลูกชายคนโตหนึ่งคนแล้วก็ลูกสาวคนเล็กอีกคน นายก็รู้จักไม่ใช่เหรอ"
"อย่าบอกนะว่ายัยเจ้าหญิงอลิสซ่า" คารอสพยักหน้า "เวรกรรม โครนอสถ้าอยู่ในมือแม่นั้นมีหวัง……."
แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบ…….

"สงสัยต้องเปลี่ยนเมืองจอมเวทย์เป็นเมืองบ้าอำนาจแหงๆ"
"เจ้าหญิงอลิสซ่าไม่ใช่องค์รัชทายาท เจ้าชายแอนโทเรียผู้เป็นลูกชายคนโตจึงจะมีสิทธิขึ้นครองราช"
"วะ ไม่มีอะไรในโลกนี้แน่นอนหรอก ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเจ้าชายนี่เกิดถูกนักฆ่าๆตายคราวนี้โครนอสก็ต้องตกเป็นของ…….ไม่อยากจะคิดโว้ย"
"ทำไม พี่นายจะฆ่าเจ้าชายแอนโทเรียหรือไง"
"เปล่าโว้ย….แต่ยิ่งดังยิ่งเป็นเป้า" เครอนโวยวาย "แต่ต่อรีบไปบอกพี่ด่วนให้ยกเลิกการว่าจ้างฆ่าเจ้าชายคนนี้ให้หมด"
"ทำไม เป็นห่วงโครนอสงั้นเหรอ"
คำถามเล่นเอาเจ้าตัวแสบเงียบทันที แล้วเราจะเป็นห่วงไอ้โครนอสทำไมวะเนี่ย โว้ย…ไม่เข้าใจตัวเอง

"แล้วท่านโครอสมีลูกหรือเปล่าอะ"

เปลี่ยนเรื่องซะงั้นนะคนเรา
"มี" คำตอบรำคาญแกมขำๆ "มีลูกชายคนหนึ่ง"
"ดีจังวะ ถ้าท่านโครอสแต่งงานกับนางฟ้าลูกชายก็มีเชื้อสายเทพแท้ๆอะดิ เคยได้ยินแต่ในตำนานไม่คิดว่าจะมีจริงอยากเห็นชะมัด ภูตแห่งมัสลินฉันเคยเห็นแล้วแต่ยังไม่เคยเห็นเทพเลยอยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง"

คำกล่าวของเครอนเล่นเอาคารอสชะงักเล็กน้อยโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ

"นายชอบเทพหรือ" คำถามเรียบๆจากปากของคารอส
"จะเรียกว่าไงดี…..ไม่ถึงกับชอบหรอกแต่มันอยากเจอมากกว่าเห็นเค้าว่ากับว่ามีปีกด้วยอะ อยากเห็นตัวจริงชะมัดเลย"
"ถ้าความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดอะจะว่ายังไง"

เครอนหุบรอยยิ้มทันทีพลางหันมาถลึงจ้องตาเจ้าคนขัดคอ ทำลายความฝันย่อยยับ สายตาจริงจังตอบกลับมาเล่นเอาเขาทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะก่อนจะแหกปากหัวเราะ

"พูดยังกับตัวเองเคยเห็นไปได้"
"นั้นสินะ"
ตอนที่ 15 รายงาน โดย อาจารย์ เครอน ทันเรอเรน
"ริสโซเรียหายไป"
"เจ้าหญิงแห่งนอร์เบอรินหายตัวไปอย่างลึกลับ"
"หรือถูกใครลักพาตัวไป"

หัวข้อสนทนาหลักในวันต่อมาตั้งแต่ไก่โห่คือข่าวการหายตัวไปของยัยเจ้าหญิงขี้บ่นสร้างความแตกตื้นให้กับเด็กในโรงเรียนริสมาฟอรัสอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอลิสซ่าเพื่อนคู่ขาที่ร้องโวยวายลั่นตั้งแต้ตื้นมาไม่เห็นเพื่อนก็กรี๊ดซะชาวบ้านชาวช่องเค้าตื่นกันทั้งหอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…….

คุณเวล์เซนที่น่าสงสารของเราถูกยัยนี่เกาะเป็นปลิงตั้งแต่เช้า เจ๊แกเล่นวิ่งพรวดเข้าห้องมันไปแล้วกอดไม่ปล่อยดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดพอมันจะหนีก็กรี๊ดลั่น สงสัยหูมันอีกไม่นานคงจะหนวกแน่ๆเพราะเสียงยัยอลิสซ่าแกเหมือนมีลำโพงโฮมเทียเตอร์ผสมโทรโข่งอยู่ในปากก็ไม่ปาน

แต่ถึงข่าวจะใหญ่และดังแค่ให้ก็ไม่มีใครหาตัวเจ้าหญิงแห่งนอร์เบอรินพบ เพื่อนที่แสนดีทั้งสองปิดปากเงียบไม่ยอมบอกใครถึงความจริงจากเจ้าตัวก่อเรื่องที่นั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ข้างๆแม้แต่น้อยส่วนเจ้าคนตายด้านไม่ต้องบอก

ก็รู้ว่ามันไม่ได้สนใจอะไรกับเค้าเลยสักนิด

"เวล์เซน ฉันจะทำยังไงดี"

เสียงจากเจ้าหญิงปลิงทะเลที่นั่งควงแขนเจ้าของชื่อเรียกที่ตอนนี้หน้าบอกบุญไม่รับ ทำเอาเครอนขำแกมสงสารมันอยู่ไม่น้อย คนหล่อมันซวยแบบนี้เองหรือนี่

"ฉันจะไปรู้เหรอไง ปานนี่ไปหลับ เอ๊ย……ไปไหนแล้วก็ไม่รู้"
"ฉันเป็นห่วงริชโซเรียจัง"
ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ขอรับประกันด้วยหัวว่ายาของพี่ผมปานนี่หลับสบายแล้วแต่ตื่นมาอะดิคงได้ปวดหลังเป็นการใหญ่แน่ๆ เพราะที่ๆเจ๊แกเค้านอนคือ……

"หา……โรงเก็บพันธุ์พืช"
"เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าหญิงริสโซเรียไม่มีทางไปที่นั้นหรอกหาที่อื่นเถอะ ที่นั้นไม่มีทาง"
"นั้นสิ"

ถูกต้องนะคร้าบ…….โรงเก็บพันธุ์พืชเป็นโรงเก็บพวกบรรดาต้นไม้ ดินและก็หินต่างๆเพื่อรอเอามาลงปลูกในสวนหลัง แถมที่ๆเจ๊นอนดันเป็นกองก้อนหินอีกต่างหาก ไม่ปวดครั้งนี้จะไปปวดครั้งไหน เป็นเดือนยังไม่รู้จะหายเลยหรือเปล่านะ ถึงได้บอกไงว่าไม่มีทางที่ใครจะหาเจอ

เรื่องนี้มีแต่เครอนคนเดียวที่รู้เท่านั้น………
"เครอนๆ" โซรามอสกระซิบ "นายให้เจ้าหญิงนอนที่ไหนฟะ"
"เดี๋ยวก็รู้ อีกไม่นานยัยนั้นก็มาที่นี่เอง ยาใกล้จะหมดแล้ว"
"งั้นเหรอ" โซรามอสพยักหน้าพลางเหลือบไปมองเวล์เซนที่สีหน้าบูดเต็มที่กับยัยเจ้าหญิงนั้นที่เกาะติดเป็นกาวตราช้าง "นายช่วยๆมันหน่อยสิ เห็นแล้วสงสารวะ"
"ก็ได้" เครอนตอบสั้นๆก่อนจะหันหน้าไปกระซิบกับคนข้างๆต่อ "นายต้องช่วยฉันด้วยนะเฟ้ย"

สายตาเฉยชาแบบเดิมมองทอดกลับมาจนน่าถีบ แต่ช่างเหอะชินแล้ว…….

"ทำไมฉันต้องร่วมมือกับนายด้วย" คารอสกล่าวเรียบๆ
"ฟะ…ไอ้เวล์เซนมันเดือดร้อนนายจะไม่ช่วยหรือไง" เครอนตวาดเบาๆก่อนจะกระซิบใส่หูมันต่อ "นายลองคิดดูดิ ถ้าฉันช่วยเวล์เซนมันยัยเจ้าหญิงนี่ก็ต้องมาต่อนายใช่ไหม หรือว่านายอยากได้ปลิงเพิ่มอีกก็เรื่องของนาย"

คำพูดที่เล่นเอาคนฟังชะงักเล็กๆก่อนจะตอบกลับมา

"เอางั้นก็ได้"
"เฮ้ เวล์เซนนายไปส่งรายงานเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ" เสียงตะโกนจากเจ้าตัวแสบสายเวทย์ดังลั่นห้องอาหารทำเอาสายตาจากบรรดานักเรียนมองกันเป็นตาเดียว

รอยยิ้มเล็กๆจากมุมปากของคนหน้าบอกบุญไม่รับบ่งบอกว่าเข้าใจแผนการจากเจ้าเพื่อนตัวแสบระหว่างที่สายตาไม่พอใจถลึงมองมาจากเจ้าหญิง

แห่งโครนอสแต่เครอนทำเป็นไม่ได้สนใจ

"ใช่ๆ ไปเป็นเพื่อนมันหน่อยสิฉันไม่ว่าง" เสียงสนับสนุนจากโซรามอสที่แอบหัวเราะนิดหน่อยกับท่าทีของอลิสซ่า "มันหอบรายงานคนเดียวไม่ไหวหรอก"
"ก็ได้"
คำตอบจากเจ้าเวล์เซนที่รีบลุกพลางยิ้มกว้างเป็นจานดาวเทียมแต่ต้องหุบลงเมื่อเจ้าหล่อนข้างๆไม่ยอมปล่อยมือออกจากเขาแม้แต่น้อย ช่างเป็นปลิงที่ดีอะไรอย่างนี้

"ให้ฉันไปด้วยนะ ฉันอยากไปด้วย"
"แน่ใจหรือเจ้าหญิง"
คำย้อนถามจากเจ้าเครอนทำเอาเจ้าหญิงถลึงจากมองตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า

"แน่ใจสิ" อลิสซ่าตอบพร้อมกับเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆ ทำเอาคนที่ดูอยู่หมั่นไส้ไปตามๆกัน แต่เจ้าเครอนมันก็ยังยิ้มได้อย่างสบายอารมณ์อยู่ดี
"งั้นขอรบกวนช่วยกรุณาหอบรายงานกองนี้ก็แล้วกันนะครับ"

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยกมือพึมพำเวทย์แล้วกระดาษหนักเป็นกิโลๆเล่นเอามือคนเสกทรุดทันที ก่อนจะตั้งหลักยกขึ้นอย่างยากลำบากมาวางบนโต๊ะ

"สุดยอด"
เสียงอุทานจากคนในห้องดังอย่างพร้อมเพียงสายตาจับจ้องกองกระดาษสูงเป็นภูเขาที่ตั้งบังหน้าคนได้จนมิด นี่คือรายงานที่เครอนและคารอสช่วยกันเขียนทั้งคืน ความจริงใช้เวทย์เขียนต่างหาก ความยาวก็ประมาณ6500หน้า ก็ใครจะไปรู้ว่าจอมเวทย์อย่างเจ้าคารอสมันจะรู้ละเอียดขนาดนี้นี่หว่า กว่าจะเล่าได้หมดก็เกือบเช้าแถมพอเล่าจบมันก็ไม่ยอมนอนอีกบอกถ้าเดียวว่าจะไม่นอนอีก เซ็งจริงๆ………

"นี่มันอะไร" อลิสซ่าถาม
"รายงานเรื่องอาณาจักรลีฟไง"
"มันแค่1000หน้าไม่ใช่หรือ"
"เขียนโดย อาจารย์ เครอน ทันเรอเรน ซะอย่าง 1000หน้ากระจอก" เครอนพุดยอตัวเองซะงั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องอาหารดังลั่น "นี่6500หน้า เจ้าหญิง"
"………"
"ของท่านเอาประมาณ 2000 หน้าพอ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยืนให้พลางยิ้ม "เอ้า…….."
"คือว่า….." อลิสซ่าเริ่มมีสีหน้าลังเล "ฉันไม่เอาดีกว่า พอดีมีงานยุ่ง"
คำตอบปฏิเสธเล่นเอาพวกเพื่อนๆทั้งสามแอบยิ้มอยู่ในใจ แต่คนที่ยิ้มออกนอกหน้าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เจ้าเวล์เซนที่หน้าตอนนี้มันบานยิ่งกว่าบานซะอีก

"คารอสค้า……"
ไม่ทันขาดคำเจ้าหญิงก็ปราดเข้าไปหาเจ้าคารอสมันจริงๆด้วยตามที่คิดไว้เลย เข้าแผนเจ้าตัวแสบ……..
"คารอสมาช่วยหน่อยดิ" เครอนตะโกนเรียกก่อนที่เจ้าหญิงจะถึงตัวมันแฝดผู้พี่ก็ลุกขึ้นเดินไปที่กองรายงานทันที "

"อืม"
คำตอบสั้นๆเล่นเอาเจ้าหญิงกรี๊ดลั่นห้องจนเครอนเอามือปิดหูแทบไม่ทัน โอ้เจ้าจอร์ด…….. ปากโทรโข่งผสมโฮมเทียร์เตอร์จริงๆสมฉายา

"นายอะกองนี้เลย คารอส" เจ้าตัวแสบสั่งก่อนจะรีบโกยแน็บออกไปคนแรกเนื่องจากกลัวหูตัวเองจากแตกตายไปซะก่อน โดยมีเพื่อนทั้งสองตามมาติดๆสงสารก็แต่ไอ้โซรามอสที่ซวยต่อไป
"เครอน" เสียงเรียกจากเจ้าคนตายด้านกล่าว
"มีไร"
"ขอรายงานนายหน่อย"
"นายเอาไปทำไม" เครอนเลิกคิ้วถาม
"เอามาเหอะ" ว่าแล้วเจ้าคนขอก็เอารายงานจากเพื่อนทั้งสองไปจัดให้เข้าที่ก่อนวางลงบนพื้น ร่ายเวทย์บางอย่าง กองรายงานทั้งกองสั่นไหวก่อนจะเริ่มแยกออกมาเป็นสองกองต่อหน้าต่อตาเจ้าของ เวล์เซนและเครอนตาค้างมองกองกระดาษทั้งสองตาปริบๆ แต่ยังไม่พอคารอสร่ายเวทย์อีกครั้งใส่กองใหม่ที่ได้ทำให้มันหายไป

ปากค้างครับท่าน……ปากค้าง
"เอ้า…..ของพวกนาย" คารอสยื่นกองรายงานใส่หน้าเพื่อนที่ยืนราวกับวิญญาณออกจากร่างเนื่องจากการช็อค "เร็วๆ หนัก"
"เยี่ยม เครอน ทันเรอเรน เยี่ยมมาก" คำชมจากอาจารย์ชารอนที่ยิ้มไม่หุบ "ครูให้เธอไปเลย 'ส.' ในวิชาประวัติศาสตร์" อาจารย์กล่าวพร้อมกับหยิบใบมาลงคะแนนให้

ส. คือคะแนนเต็มในวิชานั้นๆที่แบ่งแบบเกรดมี ส. คือ สุดยอด รองมาคือ ย. เยี่ยม พ. พอใช้ ก. ควรปรับปรุง/แก้ไข และสุดท้ายคือ ต. ตก

"นายทำอะไรกับงานของฉัน"
"ฉันขอเอาไปเป็นหนังสืออ้างอิง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกอาจารย์ เครอน ทันเรอเรน"
คำพูดกวนๆแบบนี้ หรือว่ามันจะเริ่มหายจากอาการตายด้านได้บ้างแล้ว นั้นคือความคิดของเครอนที่แอบยิ้มในใจกับแฝดผู้พี่ของตัวเอง มันก็ไม่ได้เย็นชาอย่างที่คิด

ตอนที่ 16 หญิงสาวปริศนา

เป็นความคิดผิดอย่างมากที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวแสบ………..เพราะตั้งแต่รายงาน6500หน้าของเขาถูกส่งไปให้กับอาจารย์ชารอน มันก็กลายเป็นหัวข้องสนทนาไปทั่วทั้งโรงเรียนแห่งลีฟ

เริ่มด้วยทางหอสมุดใหญ่ขอให้เขาเขียนอีก5เล่มเพื่อใช้ศึกษาแต่ต่อมาทางบรรดาอาจารย์ก็ต้องการใช้เป็นหนังสือในวิชาประวัติศาสตร์ให้นักเรียนใช้เรียน เขาก็ต้องเขียนอีกเป็นกองภูเขาหิมาลัย และยังไม่นับทางเทรนนอส เซนเทอรัส อิสตัน และนานิเอลที่มาขออีก โอ้ย…….จะบ้าตาย โชคดีที่เจ้าคารอสมันรู้เวทย์นั้นก็เลยไม่ต้องเสียแรงเขียนไม่งั้นคนอย่างเครอน ทันเรอเรน คงผูกคอตายคาห้องไปนานเแล้ว

แต่ไอ้เรื่องนี้ไม่หนักเท่า
เขียนแล้วไม่ได้กะตังสักบาทอะดิ รับไม่ได้โว้ย…

ส่วนเรื่องเจ้าหญิงแห่งนอร์เบอรินที่เขาไปก่อคดีความไว้นั้นก็เป็นไปตามที่คาด เจ้าหล่อนบ่นปวดหลังมาหลายสัปดาห์ยังไม่หาย ก็เล่นนอนบนกองหินไม่ปวดก็ให้รู้ไปแต่ก็ต้องขอไหว้เป็นอาจารย์เรื่องที่ยังไงๆเจ๊แกก็ยังตามไอ้คารอสไม่เลิก พวกเราจึงต้องอพยบมาอยู่ทำงานกันในห้องของเจ้าเวล์เซนแทน

"นี้อีก5เล่ม ยกไปส่งทางอาจารย์ได้แล้ว" เสียงเย็นๆจากจอมเวทย์กล่าวพร้อมกับผลักกองหนังสือให้บรรดาเพื่อนๆในห้องที่ทำหน้าเบ้ไปตามๆกัน
"โอ้ย…..ฉันไม่ไหวแล้วเมื่อกี้พึ่งไปส่งมาเอง" เครอนบ่นโอดครวน
"ใช่ พักหน่อยดีกว่า" เสียงสนับสนุนจากโซรามอสที่นอนหอบอยู่บนเตียง "นายว่าไง"
"ก็ได้"

เนื่องจากเพื่อนร่วมห้องของเวล์เซนขอลาหยุดเรียนไปทำให้บรรดาเจ้าเพื่อนตัวแสบมาป่วนการตามสบาย ความจริงแต่ก่อนพวกเราทำงานที่ห้องของเครอนแต่เนื่องจากทุก10นาทียัยสองเจ้าหญิงจะโผล่มายุ่งประจำเราเลยย้ายถิ่นฐานมาอยู่กันที่นี่แทน

"คารอสๆ" เครอนที่ตอนนี้นอนกลิ้งไปกลิ้งมากล่าวเรียก "ถ้าชุดนี้เสร็จก็หมดแล้วใช่ไหม"
"ใช่……..20เล่มนี้เป็นชุดสุดท้ายแล้ว"

เป็นคำตอบที่เล่นเอาเครอนยิ้มอย่างดีใจ ในที่สุดการต้องหอบหนังสือวันละหลายหมื่นหน้าก็หมดซะที คราวนี้เขาจะได้สบายแล้ว แค่คิดก็โล่งใจ ต้นความหวังเล็กๆก่อขึ้นในใจก่อนจะหายไปทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวต่อจากคารอส

"แต่ทางโรงเรียนอาจจะสั่งอีก"
ช็อกซะจนอยากร้องไห้ เครอนตอนนี้แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย เกือบเดือนมานี้เขาแทบจะประสาทตายพักก็ไม่ได้พัก วันๆหน้าจะจมกองหนังสือตาย

"คารอส นายช่วยพูดกับอาจารย์ใหญ่บ้างเหอ…..ฉันจะตายแล้ว"

คำขอร้องจากเจ้าตัวแสบที่ตอนนี้แววตาที่มองมาบ่งบอกชัดเจนว่า ลองไม่ทำดูดิมีเรื่อง รอยยิ้มมุมปากปรากฏบนใบหน้าของคนถูกขู่ เพราะใบหน้าตัวยุ่งตอนนี้ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

"ก็ได้ ฉันจะลองพูดดูเพราะฉันก็ขี้เกียจใช้เวทย์เหมือนกัน"

"แทงกิ้ว"

หลังจากนั้นความสงบสุขก็เข้ามาเยือนพวกเขาอีกครั้งเพราะทางโรงเรียนขอจัดการเรื่องงานเขียนเองตามคำขอของเจ้าคารอส ต้องยกความดีความชอบให้มันจริงๆ

"ท่านเครอน มีจดหมายมา"

เสียงเล็กๆเจ้าประจำที่ต้องมาให้จดหมายเข้าตอนกินข้าวเช้าของรอนที่คราวนี้มาปรากฏตัวบนจานข้าวของแฝดผู้พี่เขาเล่นเอาสายตาดุๆส่งมาทางเจ้านาย

"ไม่มีชื่อคนส่งมาครับ" คำรายงานจากทูตตัวจิ๋ว

รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของคนได้รับจดหมายที่หยิบมามองก่อนจะอ่าน ถึงแม้จะไม่เขียนชื่อแต่ก็ตบตาคนเป็นน้องชายไม่ได้หรอกเพราะคงมีคนเดียวในโลกที่ติดแสตมต์ผิดด้าน

ตั้งแต่วันที่เจ้าพี่บ้าให้เขาเซ็นขอหยุดเรียนก็ผ่านมาแล้วกว่าเดือนครึ่งเต็มๆอย่างไม่มีข่าวคราว ฮิวเกอรี่มันบอกว่าพี่ไปจัดการงานที่เซนเทอรัสแต่เขาว่ามันจะไปหม้อสาวที่เซนเทอรัสมากกว่า

"ใครเหรอ" โซรามอสถาม

"ลายมือเดิม" เป็นคำตอบสั้นๆที่ทำเอาคารอสเลิกคิ้วแต่เพื่อนทั้งสองกลับยิ้มอย่างเข้าใจความหมาย

"เขียนมาว่าไง" คราวนี้เวล์เซนถาม

"บอกว่าพรุ่งนี้จะกลับแล้ว ที่เหลืออ่านไม่ค่อยออกเพราะลายมือเน่าจัด" ว่าแล้วก็ส่งจดหมายให้เพื่อนๆดู แต่คราวนี้เพื่อนทั้งสามเลิกคิ้วพร้อมกันเพราะภาษาที่ใช่เขียนมันเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ต่างจากคราวก่อนที่ถึงแม้จะอ่านไม่รู้ภาษาแต่ยังไงก็เป็นภาษากลาง

"ภาษาอะไรวะ" โซรามอสถามขึ้นพลางหยิบไปส่องราวกับจะมีข้อความแฝงอยู่
"ภาษาบ้านเกิดพี่ฉัน คิลเลียส"
"ภาษามันเขียนแบบนี้หรอ"
"พี่ฉันมันเขียนอะไรไม่ค่อยเป็นภาษามนุษย์หรอก" เป็นคำกว่างสั้นๆที่เรียกเสียงฮาจากสองเพื่อนได้เป็นอย่างดี เว้นแต่ไอ้เจ้าคนยิ้มยากนั้นไว้คนก็แล้วกัน

หลังจากจบรายวิชาสุดท้ายคือเวทย์เฉพาะสายที่วันนี้ก็คือการคุยกับพี่เวลล์เช่นเดิม ส่งสัยมันจะอู้จัดกินเงินเดือนฟรีอีกต่างหาก เขาก็บังเอิญมาพบกับเจ้าคารอสตรงบริเวณห้องโถงกลางพอดี แต่ที่น่าสงสัยคือมันไม่ยอมเดินไปทางห้องอาหารแต่กลับไปทางหอคอยกลางแทน น่าสงสัยชะมัด

"คารอสนายไม่ไปกินข้าวเหรอ"
คำกล่าวทักทำเอาคนเดินจ้ำอ้าวหยุดก่อนจะหันหลังกลับมามองแฝดผู้น้องที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง เรือนผมสีน้ำตาลทองตอนนี้กระทบกับแสงแดดยามเย็นกลายเป็นสีทองงดงามเล่นเอาคนตรงหน้ามองตาค้างก่อนจะเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว

"ฉันจะไปประชุมคณะกรรมการสายเวทย์ พวกนายไม่ต้องรอฉันกลับดึก"
"อืม โชคดี"
ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็ทิ้งเจ้าคนมาดเท่นั้นไว้ด้านหลังก่อนที่จะเดินตรงไปยังปราสาทแดง ใบหน้าตอนที่คารอสหันมาสบตาตอนนั้นเล่นเอาเขาช็อกเหมือนกัน ผมทองกับนัยน์ม่วงตาคมเขาพึ่งสังเกตว่าดูราวกับเทพบุตรมากแค่ไหน ใบหน้าคมคายกับความเยือกเย็นที่งามเกินกว่ามนุษย์นั้นเล่นเอาเขาเกือบลืมหายใจ คนอะไรจะหล่อปานนี้ อิจฉามันหน่อยๆวะ

"เฮ้ เครอน" เวล์ทักเมื่อเขาเดินเข้ามาให้ห้อง กลิ่นอะไรบางอย่างลอยมาปะทะจมูกเข้าอย่างจัง "มาๆเข้ามาฉลองกันเลย"
"ฉลองเรื่องไรเหรอ"
"ก็รุ่นพี่เค้าฉลองเรื่องที่ไปสอบแข่งขันเป็นนักเรียนเวทย์ที่โครนอสได้ เลยเอาเบียร์มาฉลอง" โซรามอสอธิบาย พลางส่งแก้วมาให้
"ฉันกินเบียร์ไม่เป็น" เครอนปฏิเสทก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "แล้วอาจารย์ไม่ว่าหรือไงฟะ"
"อาจารย์ถ้ารู้ก็ว่าอยู่หรอกนะ" เวล์เซนที่ยืนข้างๆกล่าว "แต่วันนี้มีประชุมก็เลยรอด ขอแค่ทำความสะอาดให้หมดจดก็ไม่มีใครรู้แล้ว"
"เหอๆ เล่นวิธีนี้เลยนะ"
"เอาน่า มาดื่มกัน นานๆจะได้สนุกซะที"
"งานในครั้งนี้ขอให้สายเวทย์ช่วยดูแลตรวจตรางานด้วย ส่วนสายนักดาบก็อย่างให้เป็นหลักในด้านความปลอดภัยให้แน่หนาไว้" เสียงจากผู้ประกาศรายงานการประชุมใหญ่ของโรงเรียนริสมาฟอรัส "สายการค้าและนักบวชไม่ต้องรับผิดชอบส่วนใดเป็นพิเศษนอกจากดูแลความปลดภัยของตนเองเท่านั้น ขอให้ทุกคนระวังเรื่องนี้เดาไว้มากๆเพราะมีข่าววงในว่าคนร้ายมีเป่าหมายสำคัญอยู่ที่โรงเรียนเรา"

เสียงหือห่าดังขึ้นทั่วหอประชุม คนประกาศยกมือขึ้นปรามทำให้เกิดความสงบขึ้นอีกครั้งก่อนจะกล่าวต่อไปให้คณะกรรมการนักเรียนฟังพร้อมกับคณะอาจารย์ที่นั่งฟังด้านหน้า

"ดังนั้นกระผมในฐานะตัวแทนประธานสายนักดาบแทน ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ ที่ติดธุระอยู่ในคิลเลียสอยากจะขอเสนอการแบ่งเวรดูแลตรวจตราโดยมีสายเราและสายเวทย์เป็นหลักโดยตกลงว่าจะให้รุ่นพี่ปี4เป็นผู้จัดการดูแลครั้งน

ี้เนื่องจากว่าปี5ถือเป็นช่วงหัวต่อในการประกอบอาชีพหรือศึกษาชั้นสูงขึ้นเราจึงอยากให้ปี4มาจัดการแทน" ว่าแล้วก็กวาดสายตามองคณะกรรมการ "มีใครจะออกความเห็นอะไรหรือไม่"

เงียบ…..ไม่มีใครกล่าวอะไรทั้งนั้นเป็นอันถือว่าตกลงในข้อเสนอ

"งั้นต่อไปขอเชิญท่านเอ็นโทราสอาจารย์ใหญ่ขึ้นมากล่าวต่อครับ"

เสียงปรบมือให้เกียติตามมารยาทดังขึ้น ชายชราที่แต่งตัวเรียบๆสีดำใบหน้าเป็นมิตรเสมอลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวกลางมาที่แท่นกล่าวประกาศโดยมีอาจารย์แม่มดร่างเล็กเดินตามข้างๆ

"ความจริงฉันก็ไม่มีเรื่องอะไรจะพูดในเมื่อคณะกรรมการนักเรียนจัดการกันเรียบร้อยแล้ว แต่แค่ทางคณะอาจารย์และบริหารอยากให้ทางนักเรียนเวทย์และนักดาบช่วยส่งคนไปคุ้มกันทางสายนักบวชและพ่อค้าด้วยเป็นการช่วยเหลือกันภาย

ในและสร้างความปรองดองในกลุ่ม มีใครเห็นด้วยไหม"

"เห็นด้วยครับ" ตัวแทนสายเวทย์กล่าวเป็นคนแรกก่อนที่สายอื่นจะกล่าวเห็นด้วยตามมา
"งั้นเป็นอันตกลง" เอ็นโทราสสรุป "แล้วใครจะเป็นผู้ดูแลงานครั้งนี้"
"ทางคณะกรรมการนักเรียนตกลงกันแล้วว่าจะให้ คารอส คิลเซเรียส โครไรอิเซล ไลท์เวสต์ บริหารจัดการงานครั้งนี้ทั้งหมดครับ" คนรายงานคนเดิมกล่าว
"ถ้าเป็นคารอสก็หายห่วง" เอ็นโทราสยิ้ม "งั้นตกลงตามนี้มีใครสงสัยอะไรไหม" ไม่มีใครถามสิ่งใดนอกจากความเงียบ "เมื่อไม่มีแล้ว ขอเลิกประชุมครั้งนี้"

บรรดานักเรียนและครูอาจารย์ต่างค่อยๆพากันออกไปพักผ่อนเหลือไว้แต่อาจารย์ใหญ่ที่ยืนสนทนาอยู่กับผู้ดูแลบริหารจัดการสองคนเรื่องการประชุมสักพัก

"คารอส หลานรีบไปพักผ่อนเถอะจะตี2แล้ว"
"ครับ"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็โค้งคำนับอาจารย์ใหญ่ก่อนจะเดินออกมายังระเบียงทางเดินกลางที่เงียบสงัด เวลาตี2พวกเพื่อนๆเขาคงหลับกันไปหมดแล้วแน่ๆอาจจะยกเว้นเครอนที่นอนดึกประจำ เขานอนก่อนมันทุกทียิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่เคยนอนก่อนเขาเลยสักครั้ง

เดินผ่านโค้งไปทางหอเวทย์ที่ยังคงความเงียบไม่มีที่ไหนเท่าที่มองไปว่าจะมีคนที่ยังไม่นอน หอร่วมสายเวทย์ก็ทั้งเงียบทั้งมืดเสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงก้าวขึ้นบันไดของตัวเขาเอง ห้องนอนประจำตอนนี้ปิดไฟแล้ว เจ้าตัวแสบคงนอนไปเรียบร้อยสินะ

เขาคิดก่อนจะเอือมมือไปเปิดประตูออก………

หัวใจหยุดทำงานชั่วคราวเมื่อนัยน์ตาหันไปพบร่างบางๆของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงของเครอน ใบหน้าขาวใสละเอียดราวกับน้ำนมกับเรือนผมยาวสีน้ำตาลทองงามที่สะท้อนกลับแสงจันทร์คือภาพยามหลับใหลที่เล่นเอาบุตรผู้เป็นเจ้าของห้อ

เกือบช็อกถึงแม้เจ้าหล่อนจะสวมเสื้อของเครอนก็ตาม ความงดงามที่เหนือกว่าเทพธิดาองค์ไหนๆแม้แต่บนสวรรค์ ริมฝีปากบางๆสีกุหลาบกับขนตายาวที่ปิดลงยามหลับแสนจะน่ารักจนคารอสเดินเข้ามาดูใบหน้านั้นใกล้ๆ

ลมหายใจที่อยู่ใกล้ๆและความอบอุ่นจากชายหนุ่มเริ่มทำให้หญิงสาวผู้นั้นเริ่มรู้สึกตัว แพขนตาเริ่มขยับเปิดก่อนที่ดวงตาสีมรกตใสๆจะปรากฏให้เห็นแบบสะลึมสะลือจ้องชายตรงหน้าแล้วกล่าวทักอย่างลืมตัว
"ไงแฝดผู้พี่ ประชุมมาเสร็จแล้วเหรอ"

ตอนที่ 17 เคริเอน่า
"เป็นเพราะไอ้บ้าสองคนนั้นแท้ๆ โว้ย….."
เสียงหวานใสของหญิงสาวที่โวยวายอย่างโมโหลั่นอย่างไม่สมเป็นกลุสตรีต่อหน้าชายหนุ่มมาดเท่ที่กำลังทำการสอบสวนจำเลยตัวดีที่เล่นเอาเขาเกือบช็อกตาย

ไอ้สองตัวนั้นคอยดูนะเฟ้ย เจอเมื่อไหร่จะเชือดไม่เลี้ยงเลยคอยดู
"เครอน นายไปทำบ้าอะไรในร่างผู้หญิง"
คำถามจากเจ้าแฝดผู้พี่เล่นเอาแฝดผู้น้องถลึงตามองเข้าให้ ก่อนจะข่มสติไม่ให้ต่อยคนตรงหน้าพร้อมกับกัดฟันตอบแบบไม่เต็มใจ
"ฉันไม่ได้ทำ……."
คำตอบที่ได้ทำเอาคิ้วของชายหนุ่มเลิกเล็กน้อย
"ตกลงนายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่"
"ผู้หญิง" คำตอบสั้นๆจากหญิงสาวทำเอาคารอสถอนหายใจก่อนจะส่งสายตาให้กล่าวต่อ "โว้ย…ก็ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้วนายจะให้ฉันตอบว่าเป็นผู้ชายงั้นเหรอไง"
"ตกลงนายเป็นใครกันแน่"
เงียบ…….. สิ่งที่ได้แทนคำตอบคือความเงียบ หญิงสาวเบื้อนหน้าหลบสายตาคมปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถาม ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งแล้วลุกขึ้นจับมือสาวพลางลากออกจากห้อง

"จะพาฉันไปไหน"

"ก็ถ้านายไม่ยอมตอบฉัน ฉันจะพานายไปพบคณะอาจารย์"
เท่านั้นเองใบหน้าสวยๆก็ซีดลงทันที คณะอาจารย์โรงเรียนแห่งลีฟ ซวยแล้วไหมเรา……..
ร่างเล็กๆพยายามขัดขืนแต่ก็สู้คนตัวใหญ่กว่าไม่ได้ จนในที่สุด

"พอๆๆๆๆ บอกก็บอก" เครอนกล่าวพรางสบัดข้อมือออกมือใหญ่ๆที่กุมไว้แน่น "รีบๆกลับห้องแล้วเล่าก็เล่า อย่ายืนตรงนี้สิวะเดี๋ยวถ้ามีคนมาเห็นฉันก็ซวยตาย"

ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็จ้ำอ้าวกลับเข้าห้องไปทิ้งเอาคนลากเดินตามอย่างเหนื่อยใจ น่ารักก็น่ารักดีอยู่หรอกแต่ไอ้นิสัยอะดิต้องดัดกันอีกนาน

"ตกลงนายเป็นใครกันแน่" คารอสท้วนคำถามเดิมเมื่อนั่งลงที่เตียงตรงข้าม

เจ้าตัวแสบถอนหายใจก่อนเล่า "นายน่าจะรู้ว่าฉันเป็นนักเดินทาง การเป็นนักเดินทางมันเป็นอาชีพที่เสี่ยงสูงแล้วจะให้ผู้หญิงอย่างฉันไปเดินตะลอนๆไปทั่วคนเดียวงั้นเหรอไง ฉันเลยใช้เวทย์แปลงร่างตัวเองเป็นผู้ชายซะจะได้หมดปัญหาเรื่องนี้ไป อีกอย่างการอยู่ในร่างผู้ชายมันก็สะดวกกว่าฉันก็เลยใช่มาแบบนี้"

"เหตุผลนายมีแค่นี้"
"สิวะ นายจะให้ฉันเล่าอะไรนักหนา อีกอย่างกฏของโรงเรียนก็ไม่ได้ห้ามผู้หญิงเรียนเพราะฉะนั้นฉันจะอยู่ในร่างไหนก็เรียนได้" ว่าแล้วเจ้าจำเลยก็สบัดหน้าหนี
"ที่ฉันอยากรู้คือ จอมเวทย์แห่งความมืดอย่างนายมาทำอะไรในริสมาฟอรัส"
คำถามเล่นเอาคนต้องตอบหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ้ม ค่อยๆหันมาสบตาอย่างไม่แน่ใจ
"นายรู้ได้ไง"
"เวทย์แปลงร่างที่แกร่งกล้าขนาดตบตาบรรดาอาจารย์และคณะบริหารของริสมาฟอรัสได้มันคงไม่ใช่เวทย์กระจอกๆจากจอมเวทย์ฝึกหัดหรอกนะ คนอย่างฉันยังไม่รู้สึกเลย"
"มันก็แน่อยู่แล้ว เวทย์แปลงร่างฉันฝึกมาตั้งแต่เด็กจนชำนาญพวกนายไม่มีทางรู้หรอก" เครอนว่าแต่แล้วก็หยุดเมื่อสายตาคมจากชายตรงหน้าจ้องมองมาอย่างไม่ละสายตา

หญิงสาวเมื่อถูกจ้องก็ทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะราวกับร่างกายขยับไม่ได้ นัยน์ตาประสานกันก่อนที่เครอนจะเรียกสติกดลับมาได้ ยกมือขึ้นดีดนิ้วเปาะร่างหญิงสาวก็หายไปกลายเป็นร่ายหนุ่มตัวแสบที่คุ้นเคย รอยยิ้มกวน ฉีกบนใบหน้า

"มองมากไม่ดี เดี๋ยวเลขออก"
เจ้าตัวกล่าวแบบเคยแต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อคนตรงหน้าไม่รับมุข
"ตกลงนายเป็นจอมเวทย์จริงๆสินะ"
"ก็ใช่เวทย์เป็น" เครอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ "น่าเสียอย่างที่ฉันยังคิดค้นเวทย์ที่ใช้ตอนหลับไม่ได้ไม่งั้นชาติหน้านายก็คงจับผิดฉันไม่ได้หรอกเฟ้ย"
"งั้นที่นายให้ฉันนอนก่อน…"
"สิฟะ ถ้าฉันนอนก่อนนายก็รู้พอดี อีกอย่างคนอย่างฉันนอนแค่ชั่วโมงเดียวก็เหลือแหล่แล้วไม่ใช่คนปากแข็งชอบวางมาดอย่างนาย นอนหลับที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย" ตัวแสบบ่น "นี่ถ้าเจ้าเวล์เซนกับโซรามอสมาจับฉันกินเบียร์แหละก็นะฉันคงไม่เผลอหลับหรอก คิดแล้วโว้ย เซ็ง……"

คำอธิบายเล่นเอาคนฟังเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มันจะหัดเข้าใจอะไรง่ายๆเป็นบ้างไหมเนี่ย เดี๋ยวนี้เอาแต่ประชุมกับประชุมแล้วก็ประชุมมันจะรู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านเค้าไหม

"ก็วันนี้มันฉลองกันเรื่องรุ่นพี่อะไรสักอย่างนั้นแหละ แอบเอาพวกเบียร์มาเลี้ยงตอนที่นายกับพวกอาจารย์ไปประชุม ฉันมันคนคออ่อนถูกมันจับให้กิน3แก้วก็เกือบสลบเลยรีบกลับมาห้องแต่สงสัยเพราะไอ้พวกเบียร์นั้นฉันเลยหลับไม่รู้เรื่องไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มาตื่นก็ตอนที่แกเห็นนั้นแหละ"
"พวกนายแอบฉลองกันงั้นเหรอ" คารอสถามสีหน้าเริ่มเครียด
"ใช่ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงพวกรุ่นพี่จัดการเรียบร้อยแล้วรับรองไม่มีคราบไม่มีกลิ่น อาจารย์ไม่รู้หรอก" เครอนปลอดพรางตบไหล่เพื่อนปาบๆ "ถ้านายไม่มั่นใจก็ไปร่างเวทย์ทับอีกทีดิ ระดับอย่างนายต่อให้อาจารย์ใหญ่ก็ดูไม่ออกหรอก"

ทันใดนั้นอาการปวดก็พุ่งจี้ดไปที่หัวจนคนที่กำลังยิ้มต้องร้องครวญครางเอามือกุมหัวที่ปวดแทบไม่ทัน คารอสที่นั่งอยู่ตรงข้างรีบลุกขึ้นมาช่วยดูอาการเจ้าแฝดผู้น้องทันที

"เครอน เป็นไรไปฟะ"
ไม่มีคำตอบจากคนป่วยที่ตอนนี้ดูท่าทางทรมานก่อนที่สายตาโมโหจะถูกส่งมาประมาณว่าไม่เห็นหรือไงฟะ
"นายกินอะไรเข้าไปกันแน่"
"ไม่รู้ พวกมันเอามาเชียร์ให้กิน" เครอนกล่าวอย่างรมเสียแกมเจ็บปวด "แต่เห็นมันบอกว่าชื่อ ริสเฟริด"
"หา" คารอสถึงกับร้อง ตาค้าง "คออ่อนบ้านนายอะดิ ริสเฟริดเป็นชื่อเหล้าที่แรงที่สุดในลีฟเชียวนะเฟ้ยไม่รู้หรือไง กินเข้าไปได้ขนาดคนคอแข็งแก้วเดียวยังเมาเกือบตายนายกินไป3แก้ว คอนายมันทำด้วยทองแดงหรือไงฟะ…….."

เครอนตอนนี้ไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้นเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไปเล่นหัวเขาแทบระเบิด คารอสที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงสั่งให้มันนอนพักก่อน

"ที่หลังจะกินอะไรหัดถามซะบ้าง กินมั่วแบบนี้เลยเป็นไง" คารอสบ่นพร้อมกับยื่นแก้วน้ำอุ่นให้เพื่อนที่ตอนนี้กลับมาเป็นหญิงสาวอีกครั้งเพราะเหล้านั้นทำเอาหลับๆตื่นๆ
"บ่นเป็นพ่อฉันไปได้ แก่เร็วไม่รู้ด้วยนะเฟ้ย"
"เงียบๆไปเหอะเดี๋ยวก็อ้วกอีกหรอก"
"รู้แล้วหน่า" เครอนค้อนใส่คนข้างๆ "ไอ้สองตัวนั้นพรุ่งนี้นะ มีเรื่อง"
"เอาตัวเองตอนนี้ให้รอดก่อนเหอ"
ถึงแม้หญิงสาวตรงหน้าจะสวยแค่ไงแต่ไอ้สำเนียงการพูดเดิมของเจ้าตัวแสบยังคงฝังแน่นจนน่าถีบตกเตียงตาย ชักสงสัยว่ามันเป็นผู้หญิงแน่เหรอฟะ

"ถ้านายเป็นผู้หญิงจริง นายคงไม่ได้ชื่อ เครอน หรอกจริงไหม" คารอสเริ่มถาม
"วะ….." หญิงสาวสบถ "ฉันก็ใช้ชื่อปลอมสิ ฉันชื่อ เคริเอน่า ทันเรอเรน โว้ย" เจ้าหล่อนโวยก่อนจะบ่นต่อ "ไอ้งานฉลองบ้านั้นแท้ๆ เซ็ง….."
"เรื่องที่มาฉลองกันฉันว่า….."
"ไม่ต้องพูดเลย" เครอนพูดสวน "พวกรุ่นพี่เค้าจัดการได้อยู่แล้ว อาจารย์ไม่มีทางรู้หรอก"
"คือว่า…" คารอสก้มหน้าก่อนจะอธิบายที่ทำเอาหญิงสาวตรงหน้าแทบจะบีบคอตัวเองตาย "พวกรุ่นพี่รุ่นน้องของนายตอนนี้อะ เมาหลับคาโต๊ะกันหมดแล้วไม่มีใครกลบหลักฐานอย่างที่นายว่า" ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นจ้องหน้าคนช็อก "ฉันว่าพวกนายได้เจอดีแน่ เครอน เพราะตอนนี้อาจารย์คงรู้เรื่องแล้วมั้ง"
ซวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ……โว้ย อะไรมันจะซวยปานนี่

ตอนที่ 18 บทลงโทษแน่หรือเนี่ย
"นี่เป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของสายเวทย์"

อาจารย์ชารอนเจ้าเก่ากล่าวพลางถลึงตามองบรรดานักเรียนที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ซักราย ทั้งพวกที่เริ่มส่างเมาแล้วหรือพวกที่ยังเมาไม่รู้เรื่องอยู่ถูกปลุกขึ้นมากระทันหันอันเนื่องมาจากเสียงกรีดร้องของอาจารย์แม่มดเจ้าระเบียบ

ประจำโรงเรียนแหกปากร้องลั่นเมื่อพบเห็นภาพของนักเรียนที่เมาหลับเกลื่อนห้องอาหาร กลิ่นเหล้าหลากหลานยี่ห้อกองสูงเป็นภูเขาอยู่ในมุมห้องส่งกลิ่นแรงมากจนหล่อนแทบจะอ้วก

ยังไงซะคดีความในครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ในสายตาของบรรดาอาจารย์ที่ตอนนี้ยกคณะมาอยู่กันเต็มห้องเพื่อทำการสอบสวนลูกศิษย์

สายเวทย์ทั้งคณะ และหนึ่งในนั้นก็รวมเครอนและคารอสสองคนที่กำลังพยุงร่างหมดสติของเพื่อนเข้าไปด้วย

"งานนี้ใครจะรับผิดชอบ"
คำถามเสียงเด็ดขาดเล่นนักเรียนทั้งห้องหายใจไม่ทั่วท้อง
"เอาน่าๆ พวกเด็กๆเค้าก็อยากมีงานเลี้ยงฉลองกันบ้างไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน" คำพูดจากอาจารย์รูปหล่อสายนักดาบพลางยิ้มให้นักเรียน
"อาจารย์ เอ็ตวอตล์ คาเรนอร์ จะตามใจพวกนี้มากไปเหรอ ถ้างั้นต่อไปพวกนี่ก็แหกกฏโรงเรียนได้สิ" ชารอนเถียงแกมข่มขู่ชายข้างๆ
"การมีงานฉลองไม่นับว่าเป็นการแหกกฏ" เอ็ตวอตล์ตอบสั้นๆ

"แต่การดื่มของมึนเมาถืออยู่ในข้อห้าม"

เงียบ…..ยังไม่มีใครกล่าวอะไรทั้งสิ้น อาจารย์ชารอนเป็นหัวอาจารย์ที่ปรึกษาสายนักบวชย่อมไม่ยอมรับกับเรื่องเล็กๆน้อยๆส่วนเอ็ตวอตล์เป็นอาจารย์สายดาบมาแทนหัวหน้าที่ออกไป

ทำธุระเป็นคนที่มีมุมมองเปิดกว้าง

นึกไปนึกมาก็สงสารไอ้ฮิวเกอรี่วะ มีหัวหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาหัวโบราณแบบนี้

"แล้วโทษของการดื่มของมึนเมาในสถานศึกษามันคืออะไรหรือ"
"ทำความสะอาดโรงเรียน"
คำตอบเล่นเอานักเรียนทั้งหลายกลั่นหัวเราะแทบไม่ทัน ทำความสะอาด…..โอ้ยแค่นี้โวยวายซะยังกะจะตาย โถ เราก็นึกว่าโทษหนัก

"แต่ฉันจะเสนอเพิ่มโทษในฐานะร่วมหัวกัน" ชารอนเสริม
"ท่านจะเพิ่มโทษนักเรียนก็ต้องทำเรื่องมาสินะ.." เสียงหนึ่งดังก่อนจะปรากฏร่างของชายชราหน้าตาใจดีที่เดินก้าวเข้ามาในห้อง ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเมื่อกี้หายไปเป็นปริทิ้ง
"ท่านอาจารย์ใหญ่ กระผมคิดว่าน่าจะเพิ่มโทษนะครับ นักเรียนจะได้ไม่กล้าแหกกฏระเบียบโรงเรียน"
"ท่านหัวโบราณไป ชารอน" เอ็นโทราสว่าพลางหันมาสบตานักเรียน "งานฉลองมันไม่มีเหล้ามีเบียร์มันจะสนุกไหมเนี่ย สมัยนี่มันไม่เหมือนก่อนแล้วความจริงฉันก็กะว่าจะยกเลิกกฏการห้ามดื่มเหล้าอยู่เหมือนกันนะ"

เป็นคำกล่าวที่สมควรเฮเป็นอย่างมากแต่ในสถานะการแล้วคงต้องสงบเสงี่ยมไว้ก่อนเป็นดี
"แล้วตกลงท่านจะว่ายังไง" เอ็นโทราสหันไปถามชายสองคนสุดท้ายที่ยืนอยู่นานโดยไม่ออกความคิดเห็น
"ผมว่าเห็นด้วยกัน เอ็ตวอตล์" เสียงสนับสนุนจากเวลล์
"ผมว่าควรมีการลงคะแนนการนักเรียนเอง" อาจารย์วัยกลางคนคนสุดท้ายกล่าว "ใครเห็นด้วยกับข้อเห็นยกเลิกกฏห้ามดื่มของมึนเมาบ้าง"

พรึบ…..นักเรียนทั้งที่หายเมาแล้วเมาอยู่ต่างยกมือขึ้นเกื่อนห้อง นำโดยเครอน ทันเรอเรน ที่ยกเป็นคนแรกอย่างเห็นด้วยสุดๆจนลืมว่าตัวเอากำลังแบกร่างเจ้าเพื่อนตัวดีอยู่ ปล่อยมันตกพื้นไปซะงั้นเลยนะ
"เป็นอันตกลง" เอ็นโทราสสรุป "แต่ว่าฉันอนุญาติเฉพาะเมื่อมีงานฉลองเท่านั้นนะ ทางทีดีรีบนอนเข้าได้แล้ว ตอนนี้ก็จะตี4 พรุ่งนี้ยังมีเรียนอีก"

เมื่อคระอาจารย์สลายตัวกันไปหมด บรรดานักเรียนที่ไม่รู้จักเข็ดหลาบก็รีบกระวีกระวายไปหยิงเหล้าที่ตัวเอาซ่อนไว้ตามที่ซ่อนต่างๆมาเปิดกินกันต่อหน้าตาเฉยโดยไม่ได้สนใจถึงคำข

ู่ของอาจารย์ชารอนที่กล่าวก่อนออกจากห้องเลยแม้แต่น้อย

"เราไปกันเหอ" คารอสว่าพลางแบกร่างเมาไม่รู้เรื่องของโซรามอสเดินจากไปเฉยเล่นเอาคนถูกชวนวิ่งตามแทบไม่ทัน
"จะไปไหนหรือคารอส"

เสียงทักคุ้นๆจากคนที่พึ่งออกไปเมื่อกี้ตอนนี้ยื่นยิ้มกว้างอยู่หน้าประตู

"งานฉลองยังไม่จบนะ อย่าพึ่งรีบกลับ" เวลล์กล่าวพลางลากเครอนกลับไม่ร่วมวงเหล้าหน้าตาเฉย
"ใช่ๆ"
เสียงสนับสนุนอีกเสียงที่มาจากด้านหลัง คารอสหันไปพบอาจารย์นักดาบคนเก่งที่ยิ้มกว้างราวกับสนุกสุดๆ เมื่อเขาเดินเข้าไปนักเรียนสาวๆพากันกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหว
"ใครในนี้คอแข็งที่สุด" เสียงประกาศท้าจากเทพบุตรแห่งริสมาฟอรัส
"เครอน"
เสียงที่นักเรียนทั้งหมดพร้อมใจกันร้องออกมาเสียงเดียวพร้อมกับชี้มายังเจ้าตัวที่นั่งเท้าคางหน้าบอกบุญไม่รับต้องสะดุ้งโหยงทันที
สายตาของอาจารย์หรี่ลงพร้อมกับพรายยิ้มช้าๆ ก่อนกล่าว
"มาดื่มดวลกับสักตั้งเป็นไง"
"คือว่า……"
เครอนที่กะจะตอบปฏิเสธก็ถูกมือใหญ่ๆจากอาจารย์ตัวแสบจอมอู้งานกระชากมานั่งลงตรงข้ามเอ็ตวอลต์เอาดื้อๆซึ่งถือว่าเป็นการรับคำท้า

โดยไม่เต็มใจตามกฏการดวล
ไอ้เวลล์บ้า………………………
"เก่งหนิหน่า"
เอ็ตวอตล์กล่าวชมหลับจากกระดกริสเฟริดไปแล้วสี่แก้ว เสียงเชียร์ดังกึกก้องห้องอาหารจากบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องที่ชมกันเป็นตาเดียวยิ่งกว่าเชียร์ฟุตบอล
การดวลกันระหว่างสายเวทย์เจ้าถิ่นเปิดบ้านรับสายดาบ จอมเวทย์สิงห์หนุ่มปะทะเทพบุตรจอมดาบ
"พนัน100เทรน เอ็ตวอลต์ชนะ" โซรามอสที่ตอนนี่หายเมาแล้วกล่าวกับเพื่อนข้างๆ
"ฉัน 1000 เทรนเลย ไอ้เครอนมันชนะแน่ๆ" เวล์เซนตอบสั้นๆ
คนเดียวที่เงียบเสมอต้นเสมอปราบก็คงจะเป็นคารอสที่เริ่มหน้าเครียด ถึงแม้จะอยู่ในร่างผู้ชายก็จริงแต่ภายในยังไงก็เป็นผู้หญิง แล้ว
มีผู้หญิงที่ไหนเค้าดวลเหล้าบ้างไหมเนี่ย……
ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม เพื่อนตัวแสบนี่มันก็คอแข็งใช่เล่นล่อริสเฟริดได้วันนี้ตั้ง6แก้วแล้ว ผู้หญิงอะไร
"ขอถอนพนันได้เปล่า"
เพื่อนคนท้าเริ่มกล่าวหน้าซีดเมื่อเห็นท่าไม่ดี

เอ็ตวอลต์ตอนนี้เริ่มออกอาการมึนอย่าจัดเมื่อดื่มไปถึงแก้วที่7ชักเจนในขณะที่เครอนกลับดื่มไปหัวเราะไปตามนิสัยโดยไม่มีอาการสักนิดราวกับไม่รู้สึกรู้สา
จนในที่สุด….

ครอกฟี้…. ร่างของเทพบุตรจอมดาบก็ทรุดลงจอดเมื่อถึงแก้วที่9 คนที่พนันข้างนี่หน้าบูดควักตังค์จ่ายกันเป็นแถวส่วนคนรับก็หน้าบานเป็นกระโด้ง

"เป็นไง ไหนตังค์นายอะ" เวล์เซนกล่าวแซวเพื่อนที่หน้าจ๋อยเต็มที่

"…………."
"ล้อเล่นๆ" เวล์เซนหัวเราะ "ฉันไม่เอาหรอก"
"ว่าแต่ เครอนมันหายไปไหนแล้วฟะ"
"แกนะแก ทำอะไรไม่รู้จักดูความสามารถตัวเอง"

คารอสบ่นพร้อมกับรูปหลังเพื่อนหนุ่มที่อ้วกแตกอ้วกแตนอยู่ในสวนข้างปราสาทแดง ทันทีที่การดวลสิ้นสุดเจ้าตัวแสบก็แอบเผ่นออกมาตอนที่พวกนั้นควักตังค์จ่ายแต่ก่อนครื้นไส้กระทันหันเข้าเสียได้

"นายจะบ่นไปถึงไห…" เครอนอ้าปากว่าไม่ทันจบก็อ้วกต่อ
"เงียบๆไปเหอ" คารอสว่า "กินไปได้ วันนี้นายกินไป12แก้วแล้วนะเฟ้ย พรุ่งนี้มีเรียนด้วย"
"อ้วก………"
"จริงๆเลย"

ตอนที่ 19 ท่านหญิง แห่ง อิสตัน
"ไงคารอส" เสียงทักดังขึ้นเมื่อจอมเวทย์หนุ่มนั่งลงที่โต๊ะอาหารประจำ "เครอนมันไม่มาหรือ"
"มันน็อกไปเรียบร้อย" เสียงตอบสั้นๆแบบเคย "วันนี้คงไม่เข้าเรียน"
เมื่อคืนนี้เจ้าตัวแสบเล่นอ้วกแตกอ้วกแตนทั้งคืนจนเพื่อนร่วมห้องแทบไม่ได้เป็นอันนอนพอเช้ามามันก็หลับปุ๋ย ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นอีก เขาเลยจนปัญญาต้องปล่อยๆมันไป

"แล้วนายจะเอาไงอะ ต้องเช็คขาดการเขาเรียนของมันสินะ" เวล์เซนกล่าว
"นอนแบบนี้เค้าถือว่าหนีเรียนไม่ใช่เหรอ" โซรามอสสนับสนุน
"มันก็ใช่" คารอสว่าพลางถอนหายใจ "ยังไงซะฉันก็จะช่วยทำเรื่องขอเวลาเรียนให้มันก็แล้วกัน ยุ่งยากชะมัดวันๆมีแต่ก่อเรื่องให้ฉันเดือดร้อนประจำ"
"เอาน่า แน่ๆจะมีคนคอแข็งแบบนั้นซะที"
"ถือเป็นหน้าเป็นตาของสายเวทย์นะเฟ้ย" โซรามอสยิ้มอย่างอารมณ์ดี "เมื่อวานมันไม่หายเลยวะ เครอนมันก็โคตรเก่งชนะอาจารย์เอ็ตวอลต์ได้ สมเป็นลูกผู้ชายจริงๆ"
………พรวด……..
คนตายหน้าที่นั่งดื่มน้ำก็สำลักพรวดชนิดที่เพื่อนร่วมวงกระโดดหลบแทบไม่ทัน
สมเป็นลูกผู้หญิงที่ไม่มีความเป็นกุลสตรีสิไม่ว่า ผู้หญิงที่ไหนคอมันจะแข็งขนาดนี้ฟะแถมยังไปดวลเหล้ากับพวกผู้ชายอีก ถึงแม้จะอยู่ในร่างผู้ชายก็เถอะนะ
"คารอสว่าแต่นายจะร่ายเวทย์ปิดตายห้องทำไมฟะ ฉันกะจะไปเยี่ยมมันหน่อย" เวล์เซนว่าเมื่อตั้งหลักได้พร้อมกับเชิดเสื้อที่เปียกน้ำ

"พอดีฉันไม่อยากให้พวกอาจารย์ตรวจเจอ"
และก็ไม่อยากให้พวกแกเข้าไปด้วย เพราะกลัวว่าพวกมันจะหัวใจวายตายไปซะก่อนถ้าเปิดเข้าไปเจอเจ้าเครอนตอนที่มันไม่ได้เป็นผู้ชาย อีกอย่าง……..

เดี๋ยวมันจะหาว่าพาผู้หญิงเข้าห้อง

การเรียนอันน่าเบื่อสุดๆเริ่มด้วยวิชาหลับ(ประวัติศาสตร์)ที่สอนได้น่าหลับเหมือนเดิม แถมยังเป็นชั่วโมงแรกที่พวกเปิดวงนอนดึกเมื่อคืนหลับตั้งแต่ถึงโต๊ะเรียน ถึงบรรยากาศจะเงียบไปบ้างเพราะไม่มีเจ้าตัวแสบมาเรียนก็เถอะแต่เวล์เซนกับโซรามอสน้ำลายก็ไหลยืดเป็นสายน้ำตกตามเคย ส่วนคารอสต้องวุ่นอยู่กับเอกสารขอเวลาเรียนให้เจ้าแฝดผู้น้องโดยใช้ข้ออ้างไปว่า…..

กำลังตั้งใจศึกษาค้นคว้าอันว่าด้วยเรื่อง "ความฝัน"
คนหลับก็หลับสบายไม่รู้เรื่องในระหว่างที่เจ้าหัวหน้าชั้นปีต้องจัดการรับมือเอกสารบ้ากองเป็นตับ ทั้งเรื่องขอชั่วโมง ขอคำรับรอง ขอคำยืนยัน ขอลายเซ็นอนุญาติ และขอต่างๆมากมายให้มัน

ถ้าตื่นมาเมื่อไหร่ พ่อจะฆ่าให้ตายเลย
เมื่อชั่วโมงแรกจบไปตามด้วยวิชาที่คารอสไม่ค่อยชอบที่สุดคือภาษานานาชาติ โดยอาจารย์แนนนี้ แห่ง อิสตัน เพราะเขาไม่ค่อยสนใจด้านภาษามากนักไม่เหมือนเจ้าเครอนที่พูดเป็นปลาไหล จนได้ส.ในวิชานี้ตั้งแต่ครั้งแรก

"หลักภาษาเซนเทอรัส เป็นภาษาที่ใช้ในประเทศเซนเทอรัส ทาร์รอส และ อีสต์ทาวต์ อันประกอบด้วย……"
อาจารย์ก็ว่าไปนักเรียนก็คุยไปเป็นแบบนี้ประจำ แต่ก็ต้องนับว่าอาจารย์แนนนี้สอนดีว่าชารอนเป็นล้านเท่า อย่างน้อยก็ไม่ได้ใส่ยาสลบให้นักเรียนกินแบบอาจารย์ชารอนก็แล้วกัน แต่วิชาที่รู้สึกว่านักเรียนจะชอบมากที่สุดก็หนีไม่พ้นวิชาฟันดาบ พลังจิต และก็การขี่ม้า ตรงข้ามกลับวิชาประวิติศาสตร์ และชั่วโมงถัดมา……

วิชาการฝึกพลังสมาธิ อันว่าด้วยการนั่งสมาธิจนขาเป็นแหน็บทั้งชั่วโมง เห็นสภาพดูนักเรียนดูเรีบยร้อยตั้งใจดีแต่ถ้าสังเกตกันดีๆจะพบว่า
พวกมันเข้ายานไปถึงสวรรค์ชั้นที่18กันหมดแล้ว
คนมันจะหลับซะอย่างตรงไหนก็หลับได้ เค้าว่าเด็กสายเวทย์มีความสามารถรอบด้านแต่ที่รู้สึกว่าจะถนัดที่สุดคงหนีไม่พ้นวิชานั่งหลับ ยืนหลับที่ฝึกทุกวัน แต่ก่อนก็หัวส่ายไปมาแต่ตอนนี้นิ่งมากๆ…..

อาจารย์โชรอน น้องชายของชารอนเป็นผู้สอน สมกับคำที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พี่น้องโคตรเหมือนกันเลย
เลิกเรียนรอบเช้าก็เป็นภาระของคารอสอีกที่ต้องไปให้อาหารเจ้าคนนอนหลับที่ห้องพร้อมด้วยน้ำอุ่นอีกแก้ว ทำไมเค้าถึงต้องมาบริการมันด้วยหนิ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเหมือนคนใช้ยังไงก็ไม่รู้วะ
เจ้าตัวเปิดประตูต้องเวทย์เข้าไปในห้อง…
เตียงว่างเปล่าจัดเรียบร้อยเพราะร่างของตัวแสบตอนนี้เขียนงานอยู่ที่โต๊ะอย่างรีบเร่งโดยมีรอนที่เป็นทูตนั่งกินขนมอยู่ข้างๆ
"นายทำอะไรอยู่"

เสียงทักเล่นเอาเครอนสะดุ้งรีบเก็บของอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมาสบตาเจ้าแฝดผู้พี่ตัวดีที่ยื่นขนมปังก้อนใหญ่มาให้ตรงหน้า

เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรับมา
"นายจะเอามาให้ฉันไปฟาดหัวหมาที่ไหนวะ" เครอนว่า
ขนมปังที่คารอสเอามาให้ทั้งแข็งทั้งยาว หนักก็หนัก อย่าว่าแต่ฟาดหัวหมาเลยฟาดหัวช้างก็ยังแตก แล้วเขาไม่ฟันหักหมดปากหรือนี่
"ฟาดหัวนายเหอะ" คารอสสวน "ว่าแต่เมื่อกี้นายทำอะไร"
"ก็พอดีมีจดหมายมา" คารอสมองประมาณว่าบีบให้อธิบาย แฝดผู้น้องถลึงมองเจ้าคนขี้ระแวง "ก็เพื่อนที่อิสตันเค้าเขียนมาบอกว่าจะมาเยี่ยม ก็แค่นั้นเอง"
"อืม"
"คารอส ฉันขอออกไปรับเพื่อนนะเฟ้ยนายไปเป็นเพื่อนฉันด้วย"
"ฉันไม่ชอบโดดเรียน"
"ฉันก็ไม่ได้โดดเรียน ไอ้เวลล์ฉันขออนุญาติแล้ว"
ซะงั้น เรียกอาจารย์ตัวเองว่าไอ้เวลล์เฉยเลยนะ
ความจริงแล้วเครอนเรียกแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกแต่ว่าสำหรับคนเจ้าระเบียบอย่างคารอสมันคงถือว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากอย่างหนึ่ง
"เอาหน่าๆ ฉันกับพี่เวลล์รู้จักกันมาก่อนที่ฉันจะรู้จักคนตายด้านอย่างนายซะอีก" เครอนว่าเมื่อเห็นคารอสส่งสายตาตำหนิอย่างรุนแรงมากให้
"อาจารย์ย่อมถือเป็นอาจารย์"
อาจารย์อู้สิไม่ว่า
"นายเองก็ไม่ได้เรียนไม่ใช่เหรอไง" เครอนว่าต่อ "ฉันเคยไปหานายที่สายเวทย์ความสว่างเห็นเค้าบอกว่านายไม่ต้องเข้าเรียน"

อึ้ง….. มันไปรู้มาจากไหนฟะว่าเขาไม่ต้องเขาเรียนเวทย์เฉพาะสาย อีกอย่างคนอย่างเขาจะเข้าเรียนทำไมในเมื่ออาจารย์ที่สอนก็เป็นลูกศิษย์เขาเองแท้ๆ แต่โชคดีที่เจ้าตัวแสบยังไม่รู้
"ไปก็ไป แต่รีบๆด้วย" คารอสพูดสั้นๆ

ท้องตลาดยามบ่ายในริสมาฟอรัสที่พวกเขาไม่ได้มาเหยียบนานเกือบครึ่งปีคลั่งไคล้ไปด้วยผู้คนเหมือนเดิม ปกติแล้วเค้าห้ามนักเรียนออกนอกเขตโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาติ แต่เรามันมีเส้นซะอย่างอะนะ

เส้นที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้าชั้นปีอย่างเจ้าคารอสที่เล่นเดินจ้ำอ้าวทิ้งเพื่อนกันซะงั้นตอนออกมาจนเขาเกือบออกไม่ได้ มันน่าถีบนัก………
"นายหาใคร"
"พี่สะใภ้ฉัน"
……..ฮัดเช้ย……

เสียงดังมาจากด้านหลังเล่นเอาเครอนหน้าซีดปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ใครมันจะไปรู้ว่าคนที่เขาว่านั้นจะเดินอยู่ข้างหลังกันเล่า จริงๆเลย

"อ้าว เครอน" เสียงหวานๆทักพร้อมกับฉวยมือชายหนุ่มขึ้นมาจับ "โทษทีที่ตามออกมากระทันหัน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน"
"อืม ดูสบายดีหนิ ไดอาน่า"
ไดอาน่า โกลบต์ ท่านหญิง แห่ง อิสตัน หรือที่เครอนบอกว่าเป็นว่าที่พี่สะใส้คือผู้ส่งจดหมายมาหาเขาเอง ท่ายหญิงแสนน่ารักผมสีชมพูแบบเดียวกับสีตาที่จ้องเขาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ถ้าไอ้ครอสล์มันเห็น กูรตายแน่ๆเลย
"แล้วนี้ใครเหรอ" ไดอาน่าถามพร้อมกับหันไปทางคารอสที่ยืนข้างๆ "แฝดนายหรือ"
"เปล่า เพื่อนร่วมห้องฉันเอง" เครอนขว้าไหล่แล้วกระชากคนข้างๆให้ก้มลงมาเทียบ "หน้าเหมือนกันใช่ไหม"
"หน้าเหมือนกันมาเลยนะ"
"ค่ะ ไดอาน่า ยินดีที่ได้รู้จัก" ท่านหญิงคนงามจัดแจงแนะนำตัวพร้อมกับถอนสายบัวตามทำเนียมผู้ดีอิสตันแก่เจ้าแฝดผู้พี่ตัวดีอย่างนอบน้อม ก่อนจะส่งมือไปให้คารอส
แฮะแห่ม…..

เครอนขัดจังหวะเมื่อท่านหญิงส่งยิ้มหวานน้ำเชื่อมท่วมหน้ากระดาษ อย่าคิดจะไปหลงเสน่ห์มันเชียวนะเฟ้ย หน้ามันฉาบคอนกรีตซีเพ็คเป็นเมตร

น่ากระทืบมากกว่าน่ารัก
"ถ้าไม่อยากตายก็ปล่อยมือซะ" เครอนประซิบเบาๆแบบขมขวัญอย่างเห็นได้ชัด
นัยน์ตาสีม่วงมองมาอย่างเย็นชาตามเคยก่อนปล่อยมืออย่างสุภาพ
เขาไม่รู้ว่าไอ้คารอสมันรู้ทำเนียมอิสตันหรือไม่อะนะ แต่จากที่ดูมันน่าจะรู้จักไอ้ทำเนียบบ้านี่แน่ๆแล้วเรื่องไรเขาจะยอมให้ว่าที่พี่สะใภ้ตัวเองเอามือไปให้มันจูบฟะ เดี๋ยวไอ้ครอสล์มันก็ฆ่าฉันตายพอดี
"ไดอาน่าฉันว่าเข้าไปในโรงเรียนกันเถอะ"
"ก็ดีค่ะ"

ทั้งสามก็จัดแจงเดินทางเดินทางกลับเข้าโรงเรียนพร้อมหอบกระเป๋าเสื้อผ้ากันหลังแทบโกง โดยเฉพาะเครอนที่อาการปวดหลังเก่าตั้งแต่ตอนหอบรายงานบ้านั้นกำเริบ
ทำไมพวกผู้หญิงถึงต้องหอบเสื้อผ้ามายังกะจะไปเปิดร้านขายแบบนี้ด้วยเนี่ย
ผู้ยังกะตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงซะงั้น
"แล้วนี่จะมาสอบเข้าที่นี่หรือ"
"เปล่าหรอก" ไดอาน่าตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ "ความจริงแล้วฉันสอบเข้าได้ตั้งนานแล้วแต่พอดีติดธุระแล้วยังไม่ได้เข้าเรียนซะที พอดีงานเสร็จแล้วเลยมา"
"แล้วเรียนสายไหนอะ"

"พ่อค้าค่ะ"
"เหรอ"
ส่งสารไอ้ครอสล์วะ ต่อแต่นี้ไปมันคงหน้าหม้อลำบากหน่อยอะนะเมื่อว่าที่ภรรยามันมาอยู่ในโรงเรียนนี้ ไม่รู้ว่ามันจะทำน่ายังไง ถึงจะอยู่คนละสายก็เถอะ

นานๆทีขอเอาคืนบ้างนะพี่
"ครอสล์ วันนี้ไปกินข้าวกับเราน้า"
เสียงหวานๆดังขึ้นพร้อมๆกับร่างที่ปรากฏทางขวามือห่างไปไม่กี่เมตร เจ้าโจทย์ตัวดีมาได้จังหวะพอเหมาะแถมกำลังควงสาวสายนัดดาบที่ห้อมล้อมหน้าหลัง
อามิตตาพุทธ…….
ไอความตายเริ่มแผ่ออกจากร่างของท่านหญิงที่แสนจะเรียบร้อยช้าๆแต่น่ากลัว ใบหน้าสวยๆเริ่มขึ้นสีจัดด้วยความโกรธ กำหมัดแน่นแบบพยายามข่มสติตัวเอง

"ตกลงจ้า น่ารักอย่างนี้ไปอยู่แล้ว" เสียงตอบจากเจ้าคนที่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะถึงฆาต คำพูดที่ตอบเป็นเวลาเดียวกับเส้นความอดทนของท่านหญิงแห่งอิสตันขาดผึง
ลาก่อนนะ…พี่
"ไอ้ครอสล์ แกตาย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"วันนี้ผมขอขึ้นประชุมแทนประธานสายนักดาบ ครอสล์ แกรนต์คิล เนื่องจากเขาเกิดเหตุไม่คาดฝันเข้าโรงพยาบาลกระทันหันเมื่อบ่ายนี้ อาการโคม่าจึงมาร่วมงานการประชุมไม่ได้……"
จะไม่ให้โคม่าได้ไงเล่า ก็โดนยำซะขนาดนั้นนึกว่าจะตายซะอีก
คารอสที่นั่งเงียบคือหนึ่งในสี่ผู้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เครอนเองก็แสบใช่เล่นทำพี่ตัวเองซะเกือบตาย นึกแล้วก็น่าหัวเราะดี
การประชุมยังคงดำเนินต่อไปในหอประชุมขณะที่เครอนตัวต้นเรื่องแอบมานั่งจิบน้ำชาสบายใจอยู่ในห้องของตัวเองซะงั้น

ใครจะไปคิดว่าคนอย่างท่านหญิงไดอาน่า ที่ออกจะกุลสตรีขนาดนั้นจะสวมรอยกลายเป็นปีศาจสังหารได้อย่างๆไม่น่าเชื่อ เล่นพี่บ้าเข้าโรงพยาบาลไปเลย อย่างที่ว่า คนยิ่งน่ารักเท่าไหร่ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น ไม่บรรลุงานนี้จะไปบรรลุงานไหนกันเล่าพี่ครอสล์ ไอ้นิสัยหน้าหม้อจะได้หมดๆไปซะที

"เครอน อยู่เปล่า" เสียงเรียกแบบเป็นผู้ใหญ่คุ้นเคยพร้อมกับเคาะประตูเบาๆ เจ้าของห้องเดินออกไปเปิดประตูให้เพื่อนทั้งสองเข้ามา
"คารอส…" โซรามอสตั้งใจจะถามแต่ตัวแสบรู้ทัน

"ไปประชุม"
"มันเป็นประธานชั้นก็ต้องประชุมบ่อยๆแบบนี้แหละ" เวล์บอกพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียง
"แต่ทำไมต้องประชุมติดๆกันแบบนี้ด้วยฟะ" โซรามอสบ่น
"ช่างเหอะ" เครอนสรุป "ว่าแต่พวกนายมีเรื่องอะไรจะมาเล่าให้ฉันฟัง"
"ก็เรื่องที่นายแข่งกับอาจารย์เมื่อวานนี้ไง" โซรามอสเกร่น "วันนี้ได้ยินว่าอาจารย์เอ็ตวอตล์ไม่เข้าสอน เห็นบอกว่าน็อกอยู่ในห้องพักครูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"
"เหอะๆ ไม่น็อกสิแปลก"
"แต่นายก็ชนะ สุดยอดมากเลยรู้เปล่า"
ถ้าฉันบอกพวกมันว่าฉันไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนในชีวิต พวกมันจะเชื่อไหมเนี่ย

ตอนที่ 20 ลางร้ายเริ่มปรากฏ
"ได้ข่าวว่าพี่นายเข้าโรงบาลใช่เปล่า" บทสนทนาบนโต๊ะกินข้าวประจำช่วงเย็น
"อืม" คำตอบสั้นๆ
ครอลส์ แกรนต์คิล นักฆ่าอันดับหนึ่งของคิลเลียสที่ตอนนี้นอนหยดน้ำข้าวต้มอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์โดยฝีมือของว่าที่ภรรยาสุดที่รักอย่างไม่มีถ้าทีว่าจะฟื้น
แต่ที่นักกว่านั้นคือการที่ต้องให้รองประธานสายนักดาบทำงานแทนหมดทุกอย่าง ทั้งประชุม เขียนรายงาน ตรวจรายงาน วางแผนการ และอื่นๆอีกมากมาย แต่ความจริงแล้วน้องชายตัวดีอย่างเขาทำไม่จะไม่รู้ว่าพี่ตัวเอง
แอบอู้งาน ไปนอนโรงบาลฟรี ไม่ได้อาการหนักอย่างที่ใครๆเขาลือกันหรอก
"สงสารสายนักดาบชะมัด ประธานสายเล่นป่วยหนักแบบนี้" เวล์เช่นว่า
ประธานสายนักดาบ…….โอ้จอร์ดจ๋า
ทำไมฉันไม่รู้ฟะ ไอ้คารอสเป็นคณะกรรมการนักเรียนก็ไม่ยอมบอกสักคำกลับมาเมื่อไหร่จะอัดสักตั้ง โชคดีที่วันนี้มันไปประชุม(อีกตามเคย)ไม่งั้นได้ตายคาห้องอาหารแน่ๆ
"อ้าว ไม่รู้หรอกหรือไงว่าพี่นายเป็นประธานสายจอมดาบ" เวล์เซนถามเมื่อดูรู้จากสีหน้าตกใจสุดขีดจากผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นน้องชายมันแท้ๆ ไคารอสไม่ได้บอกหรือไง"

พวกมันเองก็พึ่งรู้มาเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกันว่าครอสล์คือพี่ชายเขา ไม่รู้ว่าเจ้าเวล์เซนมันไม่รู้มาจากไหนแต่ต้องยอมรับว่ามันเก่งสมฉายาผู้รอบรู้แห่งริสมาฟอรัส
ส่วนเขาคือตัวแสบแห่งริสมาฟอรัส

"ไอ้หมอนั้นวันๆหนึ่งมันเคยอ้าปากหรือเปล่าอะ ถ้าไม่ช่วยง้างปากมันบ้างรับรออีกไม่นานมันคงจะลืมว่าตัวเองพูดได้แน่" เครอนว่าแกมนินทาคนไม่อยู่ซะงั้น "นับวันมันยิ่งพูดน้อยลงๆเรื่อยๆ ฉันเองก็จะเอาไม่อยู่แล้วนะเฟ้ย ฉันมันไม่ได้ตายด้านขนาดที่จะตามช่วยมันไปตลอดนะ เซ็ง"

"แกก็ช่วยทนๆไปหน่อยเหอะ ไม่มีแกมันคงเป็นใบ้ไปแล้วปานนี้ฉันยังไม่อยากมีเพื่อนใบ้" โซรามอสกล่าวแฝงขอร้องนิดหน่อย

"ได้ยินมาว่าตอนนี้คณะกรรมการนักเรียนกำลังมีปัญหาอยู่ เห็นเขาว่าตอนนี้ประชุมกันเคลียดมากเลยหนิ" ผู้รอบรู้บอกพลางจิบกาแฟอยู่ในมาดผู้ใหญ่
มันโตเกินตัวจริงๆวะไอ้นี่ ทั้งความคิด ทั้งนิสัย และก็บุคลิก
"นายไปรู้ได้ยังไง นักเรียนไม่มีใครรู้เลยนะเฟ้ย" โซรามอสหันไปแค่นถาม
"เป็นข่าววงใน"

มันรู้ทุกเรื่องเลยหรือนี่ ขนาดข่าววงในโรงเรียนที่ปกปิดเป็นความลับสุดๆยังไม่พ้นมือมัน เหอะๆ มันมีหน่วยข่าวอะไรจะเก่งปานนี้ฟะ อีกอย่างก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นใครกันแน่เพราะตั้งแต่เข้าเรียนมามันยังไม่เคยบอกสักครั้งว่าตัวเองเป็นใครบอกแต่มาจากเซนเทอรัส แต่คนอย่างเครอน ทันเรอเรนไม่ชอบถามเรื่องส่วนตัวของใคร

"นายเองทำไมไม่ลองไปสมัครเป็นคณะกรรมการนักเรียนดูฟะ" เครอนแยกเขี้ยประชด
"นายไม่รู้หรือไง คณะกรรมการนักเรียนคือหัวหน้าชั้นเรียนในแต่ละปีกับประธานสายคนหนึ่ง ริสมาฟอรัสเป็นหลักสูตรเรียน5ปี สี่สายจะมีคณะกรรมการสายละ6คนรวมเป็น24คน ถ้าอยากให้ฉันเป็นคณะกรรมการก็ต้องให้ไอ้คารอสมันตายซะก่อนอะนะ"
คำตอบทำให้คนถามประชดกลืนน้ำลายเหิ้ก ไม่น่าถามเลยเรา
"แล้วพวกประธานสายตอนนี้เป็นไง" คำถามจากโซรามอสดังขึ้น
"ก็มีประธานชั้นปีของแต่ละชั้น5คน ประธานสายตอนนี้อยู่ปี5แล้วอีกคน" เวล์เซนว่าอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้บรรดาเพื่อนๆตั้งใจฟังหูผึ่งและถ้าสังเกตดีๆก็จะเห็นว่านักเรียนคนอื่นๆเริ่มสนใจกันไม่น้อย "ในบรรดาประธานสายทั้งหมดสายนักดาบนับว่าประธานสายคนเดียวที่ไม่ใช่นักเรียนปี5 ส่วนสายอื่นๆล้วนเหมือนกันหมด ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ เป็นประธานสายที่ชั้นปีน้อยที่สุดในประวัติของสายนักดาบตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมา"

"อยู่ปี2เหรอ อายุ18นี่หน่า" เสียงถามจากหนึ่งในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นโต๊ะข้างๆ
"เปล่า แค่ปี1" เป็นคำตอบที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก "โรงเรียนริสมาฟอรัสรับนักเรียน3ปีครั้ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในรุ่นอายุ16-18 อายุ18ก็เป็นปีหนึ่ง16ก็ปีหนึ่งทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องอายุ17เสมอไป"
"แล้วเรื่องที่ว่าต้องเรียน5ปีแหละค่ะ เห็นบางคนจบแค่ปี4เองไม่ใช่เหรอค่ะ" คำถามจากหญิสาวรุ่นพี่ปี2
"หลักสูตรมี5ปีก็จริง แต่ถ้ามีฝีมือมาถึงขั้นก็สามารถสอบเทียบจบได้โดยไม่ต้องเรียนต่อได้"
มันรู้ทุกเรื่องจริงๆ อย่างที่ว่าอะนะ เด็กฉลาดจะชอบ...เรื่องชาวบ้าน(ล้อเล่นคร้าบ……..) แต่เว้นไว้วิชาหนึ่งก็แล้วกันที่มันหลับตั้งแต่เริ่มชั่วโมง คงรู้นะว่าวิชาอะไร
"แต่ยังไงก็นับว่ายากมากเพราะหลักสูตรของโรงเรียนอันดับหนึ่งมันไม่ธรรมดา ปี4จบได้นับว่าสุดยอดเพราะปี5กว่าครึ่งยังสอบไม่ผ่านด้วยซ้ำ" เวล์เซนทิ้งท้ายให้พวกที่ยิ้มกว้างหุบลงอย่างรวจเร็วเพราะความหวังพังทลาย
"ช่างเหอะ" เครอนว่าพร้อมกับหาวกว้าง "ฉันขอไปนอนก่อนก็แล้วกัน ราตรีสวัสดิ์"

ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องอาหารไปสู่ทางเดินที่เงียบสงบเพราะเวลาหัวค่ำแบบนี้นักเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ในปราสาทแดงกันหมด มีไม่กี่คนที่เดินกลับหอ ไม่นับพวกกรรมการที่กินหนังสือแทนข้าว
ถึงจะเป็นช่วงหัวค่ำก็จริงแต่ริสมาฟอรัสเป็นดินแดนที่ตะวันตกดินเร็วความมืดจึงปกคลุมตั้งแค่5โมงเย็น ทางเดินไปยังหอเวทย์ทั้งเงียบทั้งวังเวง มันทำให้เสียวสันหลังวาบยังไงก็ไม่รู้สำหรับคนที่เดินคนเดียว

ระเบียงทางเดินแคบๆสู่หอคอยสายเวทย์มีช่องลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวครวนคราง บรรยากาศน่าขนลุกเป็นพิเศษ ไฟที่คบเพลิงมีให้เห็นเป็นระยะๆในระหว่างที่เข้าเดินผ่านบานประตูห้องต่างๆไปด้วยความกลัวว่ามันจะมีหัวใครเยื่อนออกมา เครอนเริ่มสาวเท้าเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

แต่แล้วดวงตาก็ไปสะดุดอยู่ตรงเงาทึบๆของอะไรสักอย่างถึงแม้จะเป็นชั่วแวบเดียวแต่ความสงสัยก็พุ่งขึ้นหัวเจ้าตัวแสบทันที แม้ว่าใจหนึ่งจะไม่อยากไปแต่ไอ้ความอยากรู้ไม่พาร่างวิ่งไปดูซะเองอย่างหยุดไม่ได้
ประตูบานทึบใหญ่ที่เป็นห้องเก็บของๆโรงเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้มากนักปรากฏอยู่ตรงหน้า จำได้ว่าปกติมันจะล็อกไว้นี่หน่าแต่วันนี้แม่กุจแจใหญ่ถูกปลดออกพร้อมกับโซ้หนาที่ขาดกระจุยราวกับถูกกระชากออกอย่างแรง
เข้าหรือไม่เข้า เข้าไม่เข้าๆๆๆๆๆๆๆๆ
สมองถามซ้ำไปซ้ำมาแต่ไอ้มือบ้ามันกลับผลักประตูเปิดออกเองโดยความเคยชิน
ฝุ่นผงจำนวนมหาศาลฟุ้งกระจากเข้าปะทะใบหน้าจนหายใจแทบไม่ออกบอกให้รู้ถึงความเก่าแก่บวกกับการไม่เคยทำความสะอาดรวมหลายสิบปี

ทำเอาเครอนเกือบตาย กลิ่นคาวเหม็นคลุ้มคลั่งก็ตามมาเข้าจมูกเต็มประดาจนน้ำตาแทบไหลรีบเอามืออุดจมูกตัวเองในขณะที่อีกมือปักไปมาไล่ฝุ่นให้บางลง ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้นๆช้าจนในที่สุด…..
นัยน์ตาเขียวเบิกกว้างกับภาพที่ตนเองเห็น

ร่างของใครก็ไม่รู้นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าเธอ เลือกที่ไหลออกมาตาดวงตากลวงโบ๋ที่พึ่งถูกควักสดๆและยังจากหัวใจที่หล่นอยู่ข้างๆตัวยังเต้นตึกตักได้ยินชัดเจน ร่างนั้นตาเบิกกว้างแสดงถึงคงวามกลัวสุดขีดก่อนตาย ใบหน้าซีดเผือดน่ากลัวนั้นอยู่ในลักษณะหันมามองเขาแต่แล้วรอยยิ้มบางๆก็ยิ้มให้จากศพที่ตายไปแล้ว
"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หน้า 1-2-3-4-5-6

The Princess Of Darkness
Free Web Hosting