The Princess Of Darkness
แก้วแห่งความรู้แจ้ง -by The Ink

วตอนที่ 21 สอบสวน
"ตื่นแล้วหรือฟะ"
เสียงแรกที่ดังเข้าโสตประสาทคือเสียงเป็นผู้ใหญ่ที่เขาคุ้นเคยก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆเปิดออกช้า แสงสว่างวิ่งเข้าตาวาบแล้วม่านตาจึงค่อยๆปรับภาพให้เข้าที่
ใบหน้าแรกของเพื่อนซี้ทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงยิ้มกว้างให้แล้วยังมีคนอื่นๆทั้งสายยืนอยู่รอบๆเตียง แต่ที่รู้สึกอบอุ่นที่สุดก็คงเป็นเจ้าคนข้างๆที่กุมมือเขาแน่นแสดงความเป็นห่วงชัดเจน
"แกฟื้นก็ดีแล้ว ฉันจะได้คิดบัญชี" น้ำเสียงชวนหาเรื่องที่ไม่ได้ยินมานานตั้งแต่มันเข้าโรงพยาบาล แต่มือใหญ่ของมันยังกุมมือน้องแน่นไม่ปล่อย
ฉันเผลอหลับไปหรือนี่
เจ้าตัวทำถ้าจะหลับต่อ แต่ว่า…..
หลับ…….
เจ้าตัวแสบสะดุ้งพรวดขึ้นมานั่งชนิดที่ครอสล์เอาหัวที่ยื่นมาดูอาการน้องหลบเกือบไม่ทัน เครอนก้มมองร่างของตัวอย่างตื่นตระหนก

มองไปมองมายังไงมันก็เป็นร่างผู้ชาย
มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเวลาผู้ร่างเวทย์แปลงกายหลับก็จะต้องกลับร่างเดิมไม่ใช่หรือไง
คำตอบผุดขึ้นทันทีเมื่อดวงตามรกตให้ไปพบร่างของจอมเวทย์ตัวดีที่บังอาจร่างเวทย์ใส่เขากำลังอ่านหนังสือของที่เตียงอีกฟากหนึ่งอย่างไม่สนใจ

ต่อสายตาโมโหที่แฝดผู้น้องส่งมาหา
ก็ยังดีที่มันยังช่วยร่างเวทย์แปลงกายทับให้
"นายทำอะไรของนายฟะ" โซรามอสโวยพร้อมกับเช็ดน้ำที่กระเด็นมาโดนเขาตอนกระโดดหลบไปชนเหยือกน้ำคนป่วย
"โซรามอส ตอนฉันหลับนายเห็นฉันเป็นไรหรือเปล่าวะ"
เป็นคำถามที่งงกันไปตามๆกัน คนถูกถามเลิกคิ้วสูงส่วนเจ้าพี่ตัวดีหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
"เป็นเป็นคนสิวะ เป็นหมามั้ง" โซรามอสตอบอย่างหงุดหงิด
"ไม่ใช่ หมายถึง เห็นฉันเป็นผู้ชายใช่ไหม"
คนในห้องปล่อยก๊ากกันยกใหญ่กับคำถามของคนป่วยจนเขาอยากจะเตะก้านคอพวกมันยกห้องถ้าไม่ใช่มีอาจารย์กับไอ้ตายด้านนั้นอยู่แหละก็…..

"เห็นเป็นผู้หญิงมั้ง" โซรามอสย้อนเข้าให้
"ดูนายดีขึ้นแล้วหนิเครอน" เวล์เซนว่า
"ใช่ๆ" กัสเพื่อนร่วมห้องของเวล์เซนที่เครอนรู้จักตอนไปทำรายงานนรกนั้น
"สีหน้าดีขึ้นนะค่ะ" เสียงใสๆจากเรนเพื่อนร่วมรุ่นที่เขาเคยช่วยทำรายงานวิชาภาษานานาชาติ "หายเร็วๆนะ"
"ฉันหายแล้วมั้ง" เครอนกล่าวพร้อมกับยิ้มแบบเดิมที่ทุกคนรู้สึกราวกับไม่ได้เห็นมานานเกือบปี
…………ปัง……….

เสียงปิดหนังสือเล่มใหญ่ในมือของหัวหน้าชั้นปีปิดดังสนั่นห้องพยาบาลตามติดด้วยไอความเย็นที่แผ่ออกมาทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นทันตา

"เครอน ถ้านายหายแล้วก็ช่วยไปพบคณะอาจารย์กับฉันด้วย" น้ำเสียงเดิมที่เรียบๆแต่เย็นจับขั้วหัวใจ เครอนเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถามแต่กลับไม่ได้ยินคำตอบที่สมควรตอบ
"ทำไมฉันต้องไปพบคณะอาจารย์โรงเรียนด้วย" เขาถามตรงๆในที่สุด
"ก็เพราะนายเป็นคนพบศพคนแรก" สั้นๆแต่น่ากลัว
"นายคงไม่ได้คิดว่าฉันเป็นคนร้ายหรอกใช่ไหม"
เงียบ….ไม่มีคำตอบตามเคย ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนร้ายแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีโอกาสเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนกัน ไปพบก็ไปพบวะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
"ไปก็ไปสิ เสียเวลานจะได้รีบกลับมานอนต่อ"

ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็หาวกว้างก่อนจะกระโดดลงจากเตียงสาวเท้าออกจากห้องพยาบาลตามหลังคารอสไปทิ้งให้ห้องตกลงในความเครียดจากเพื่อนฝูงที่เป็นห่วง

"นี่คารอส นายคิดจะพูดอะไรบ้างไหมนี่ เดินลิ่วอยู่คนเดียว" เครอนบ่นพลางวิ่งตามเจ้าคนสาวเท้ายาวให้ทันอย่างเหนื่อยใจ เดินไปดูหลังแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็หนีซะดีไหมนี่
"ฉันไม่มีอะไรจะพูด" คำตอบสั้นๆแต่เท้าก็เดินจ้ำต่อไป
"นี่แกใจดำขนาดทิ้งเพื่อนไว้กับคณะไต่สวนเชียวเหรอวะ"

ทั้งสองหยุดตรงหน้าประตูบานใหญ่ที่เป็นห้องพักอาจารย์สายเวทย์ เครอนไม่ค่อยเดินมางทางนี้เท่าไหร่เพราะปกติเขาเดินอยู่แค่ห้องโถงกลางกับห้องเรียนแถวฝั่งตะวันตก นานถึงจะไปหอสมุดที่อยู่ฝั่งตะวันออกซะทีแต่แถวนี้ยอมรับว่าไม่เคยเดินมาก่อน

"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" คารอสว่าเบาๆก่อนจะหันมาสบตาแล้วทิ้งคำที่เล่นเอาเพื่อนอ้างปากค้าง "เพราะฉันก็เป็นหนึ่งในคณะไต่สวนนายเหมือนกัน"

ประตูถูกผลักเปิดออกเผยให้เห็นห้องกว้างภายใน ห้องพักครูตอนนี้ถูกจัดเป็นสถานที่สอบสวนมีโต๊ะยาวที่บรรดาอาจารย์ประมาณหกคนนั่งอยู่พร้อมเว้นแต่เก้าอี้ด้านขวาของคนตรงกลางที่วางอยู่ บรรยากาศทึบน่าอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ในสายตาของเครอน ตรงหน้าโต๊ะยาวของคณะไต่สวนก็มีเก้าอี้เล็กๆตัวหนึ่งตั้งอยู่ซึ่งก็คือเก้าอี้ของเขานั้นเอง

เจ้าตัวกลืนน้ำลายก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ของตัวเองส่วนแฝดผู้พี่เขาก็เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่วางอยู่อย่างเฉยชา ไม่ช่วยเพื่อนบางเลย ออกไปเมื่อไหร่ได้ขอท้าต่อยเมื่อนั้นแน่

"เครอน ทันเรอเรน เราขอไต่สวนท่านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ ท่านคงจะทราบแล้วสินะ" อาจารย์หญิงอ้วนวัยกลางริมสุดโต๊ะที่แต่งตัวอลังการจนน่าขันแต่ต้องกลั่นเอาไว้ถามเขา
"ครับ ทราบครับ"

"จากเรื่องที่เราทราบมาท่านเป็นคนเดียวที่ปลีกตัวออกจากห้องอาหารก่อนเพื่อน แล้วยังเดินไปพบศพที่อยู่คนละทางกับทางหออีก ทำไมท่านถึงไปเดินทางนั้น" หล่อนถามพร้อมกับส่งสายตาที่หล่อนคงคิดว่าน่าเกรงขามมาทำให้เครอนเกือบกลั่นหัวเราะไม่อยู่ โคตรตลกเลยวะให้ไอ้คารอสถามมันยังน่ากลัวกว่าเป็นล้านเท่า
"คือวันนั้นผมอยากจะไปพักผ่อนที่หอแล้วบังเอินไปพบเงาใครสักคนน่าสงสัยเลยตามไปดูก็พบศพนั้นแหละครับ"
คณะไต่สวนมองหน้ากันเป็นเชิงถามก่อนที่คนตรงกลางจะพยักหน้าให้สุถาพสตรีอ้วนคนนั้นกล่าวต่อ
"อย่างนั้นแทนเห็นเงาคนที่น่าสงสัยเป็นยังไง ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม"
"ที่ผมเห็นมันแค่แววเดียวเท่านั้นคงบอกลักษณะอะไรไม่ได้หรอกครับ" สายตาจ้องแบบจะจับผิดทอดมาจากคณะอาจารย์แต่เจ้าตัวแสบกลับยิ้มสบายอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"งั้นฉันคงไม่มีอะไรจะถามแล้ว" เธอกล่าวในที่สุดพลางฝายมือออก "เชิญคารอสต่อได้เลยค่ะ"

เจ้าคนตายด้านค่อยๆลุกขึ้นช้าๆพร้อมด้วยไอความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาทั่วทั้งห้องทำเอาบรรดาอาจารย์บางคนถึงกลับหน้าซีดไม่กล้าสบตา แต่กับใช้ไม่ได้ผลเมื่อเจ้าตัวแสบยังยิ้มไม่รู้สึกรู้สาสร้างความแปลกใจเล็กน้อยแกคนที่เห็น คงมีไม่กี่คนในโลกที่เจอแบบนี้แล้วยังยิ้มได้

"เครอน ทันเรอเรน ตามคำกล่าวที่ท่านกล่าวมานั้นมันยังยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเองไม่ได้" คารอสว่าอย่างห่างเหินเมื่อไม่เคยรู้จัก "ตามคำให้การที่ผู้เห็นศพคนต่อมากล่าวคือมือและใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยเลือกจากศพของผู้ตาย ท่านมีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่"

ถ้าเป็นคนอื่นๆจะก้มหน้าก้มตาเงียบแบบที่ทั้งหอประชุมเคยทำ ไม่มีใครกล้ามากพอจะตอบคำถามจากคนตรงหน้าอย่างฉะฉานหนักแน่นเลยสักราย แต่รายนี้

"มี" เครอนว่าเริ่มมีน้ำเสียงหัวเสียเล็กน้อยที่เพื่อนมาโยนข้อกล่าวหาให้ "ก็เลือกมันนองพื้นซะขนาดนั้นแล้วอีกอย่างฉันก็ช็อกทรุดลงนั่งจะไม่ให้เปรื้อนเลือกได้ยังไงเล่า คิดบ้างดิ"

เพราะเป็นเพื่อนสนิทเลยไม่เกรงกลัวต่อไอ้มาดมากตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย อยู่ดีๆมาหาว่าเขาเป็นคนร้ายอย่างนี้เดียวก็กระทืบให้ซะดีไหมเนี่ย

"ถ้าอย่างนั้นมันก็ยังไม่มากพออยู่ดี เครอน ทันเรอเรน" เสียงเรียบๆเย็นราวน้ำแข็งสาดเข้าให้
"งั้นก็แล้วแต่จะคิด" เขาสรุปง่ายๆเมื่อรู้ตัวว่าต่อให้เถียงไปแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ "ถ้าฝังใจว่าฉันเป็นคนร้ายก็เชิญจับฉันยัดคุกรอประหารไปเลยสิ"

ไอ้ความเย็นยะเยือกแผ่ออกมากปะทะกับเจ้าของแววตาท้าทายตรงหน้าจนบรรดาคณะไต่สวนถึงกับเหงื่อแตกกันอย่างถ้วนหน้า เครอนดูโมโหเล็กๆแต่คนอย่างตัวแสบที่ยิ้มตลอดเวลาเป็นคนจุดเดือดสูง โกรธคนยากส่วนอีกคนที่สอบสวนอยู่อยากรู้นักว่ามันมีจุดเดือดหรือเปล่าวะเนี่ย

"ฉันไม่ได้คิดจะโยนความผิดให้ใคร" เสียงเรียบๆกล่าวในที่สุด
"ที่ฉันพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด แล้วทำไมยังต้องทำหน้าเหมือนไม่เชื่อขนาดนั้นด้วย"
แล้วเราเห็นมันทำหน้าไม่เชื่อตั้งแต่ตอนไหนฟะเนี่ย งงตัวเอง
"ยังไงซะ ฉันคงมีเรื่องจะถามเท่านี้ขอเชิญท่านชารอนต่อ"
ชารอน……โอ้จอร์ด ซวยแล้วไหมเรา
อาจารย์วัยกลางคนคุ้นหน้าค่อยๆยืนขึ้นช้าๆใบหน้าออกอาการเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด คารอสตอนนี้นั่งลงอย่างเฉยชาไม่รู้เลยหรือว่าได้โยนระเบิดลูกใหญ่ใส่เพื่อนของตัวเองซะแล้ว

"เครอน ไม่ใช่ว่าคณะไต่สวนโกรธแค้นเธอเป็นการพิเศษแต่การที่คนอย่างเธอมีประวัติไม่ดีไม่งามมากมายจึงต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าเธออาจแค้นใครหรืออะไร

เป็นการส่วนตัว…"
"อาจารย์จะบอกว่านั้นคือแรงจูงใจในการฆ่าคนของผมหรือครับ" ลูกศิษย์ตัวดีขัดคอ

"อาจเป็นไปได้" ชารอนว่าพลางถลึงตามอง ระวังลูกตาหลุดนะจารย์ "อีกอย่างเธอไม่มีพยานหรือหลักฐานที่จะยืนยันการกระทำในช่วงระหว่างเวลาที่เกิดการฆ่า เพราะฉะนั้นเธอจึ…."
"ทำไมอาจารย์คิดแบบนั้นแหละครับ"

เจ้าลูกศิษย์ตัวดีขัดคออีกรอบ ชารอนถลึงมองอย่างโกรธจัดกับนิสัยของเจ้าตัวแสบที่หลับในชั่วโมงเขาทุกวัน ความจริงใครๆเขาก็หลับทั้งนั้นแหละ แกเริ่มพูดปุ๊บก็หลับปั๊บยกห้อง

"ถ้าอาจารย์เป็นฆาตกร อาจารย์จะยืนรอให้คนมาพบอย่างที่ผมทำเหรอครับ"
เป็นคำย้อนถามที่มีเหตุผล ฆาตกรบ้าคนไหนมันจะยืนรอให้มีคนมาพบตัวเองกันเล่า เว้นไอ้หน้าหม้อประธานสายนักดาบนั้นไว้คนหนึ่งก็แล้วกันเพราะมันสมองเท่านกพิราบ อาจทำจริงๆก็ได้

คณะไต่สวนมองหน้ากันเป็นเชิงถามยกใหญ่ จนในที่สุด
"เครอน ทันเรอเรน ท่านกรุณาออกไปรอด้านนอกสักพักทางคณะไต่สวนขอเวลาพิจารณาคดีของท่านสักครู่ แล้วจะให้คนมาตามกลับมาเมื่อเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว"
เครอนสาวเท้าออกจากห้องอันน่าอึดอัดนั้นไปด้วยรอยยิ้มกว้าง อย่าน้อยก็ยังรอดมาได้เปราะหนึ่ง
"จะเอายังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้"
เสียงหนึ่งรอดออกมาจากช่องบานประตูที่ยังปิดไม่สนิททำเอาคนที่กำลังเล่นเชือกรองเท้าตัวเองชะงักก่อนที่จะตั้งใจฟังการสนทนาของคนในห้อง
"มันก็มีความเป็นไปได้ว่าจะบริสุทธิ์" เสียงหนึ่งตอบมา
เสียงดูยังหนุ่มอยู่คงเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆอาจารย์ชารอนมั้ง น่าจะเป็นอาจารย์สายพ่อค้าถ้าเดาไม่ผิด
"ฉันเห็นด้วย" เสียงจากอาจารย์หญิงอ้วนที่เป็นคนเริ่มการไต่สวน
"แต่ฉันไม่เห็นด้วย" เสียงชารอนดังขั้นอย่างหนักแน่น อาจารย์แกมีความแค้นอะไรกับเขาเมื่อชาติที่แล้วหรือเปล่าเนี่ย "ดูจากคดีที่เคยก่อไว้ในชั้นเรียนก็น่าจะบ่งชี้ได้แล้วว่ามีโอกาศเป็นไปได้มาก"
โห…อาจารย์แกเล่นงี้เลยนะ ไอ้กระผมยังจำไม่เห็นได้ว่าตัวเองมีคดีที่ชั้นเรียนไหนมาก่อน มีก็แต่ไอ้ตอนที่นอนหลับแล้วถูกทำโทษเขียนรายงานบ้านั้นแค่ครั้งเดียวเองไม่ใช่เหรอ
อาจารย์ขี้ตู่…
"ชารอนพูดมีเหตุผล" เสียงสนับสนุนที่เครอนไม่รู้จัก
"เครอน ทันเรอเรน ได้ข่าวว่าเป็นน้องชายของครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ไม่ใช่เหรอ อาจเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันฆ่าเพื่อจุดประสงค์อะไรสักอย่าง"

อ้าว…..เป็นน้องนักฆ่ามันผิดด้วยหรือไงฟะ ใครพูดนี่อยากรู้จักชะมัดพ่อจะกราบงามๆแล้วกระทืบแถมเข้าให้ อย่าให้รู้นะว่าใคร…….
"สองเสียงว่าผ้นผิด สามเสียงว่าผิด แล้วคณะไต่สวนที่เหลือว่ายังไง"
"ผมเห็นด้วยเรื่องที่จำเลยให้การมามีโอกาศเป็นไปได้สูง และผมดูยังไงก็หาเหตุผลของแรงจูงใจในการฆ่าไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่น่า มโหดขนาดนั้นได้"

"อย่าดูแต่ใบหน้านั้นสิ อาเดน" เสียงชารอนขัดดังขึ้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"ผมไม่ได้ดูใบหน้าครับท่านชารอน แต่อย่างที่เด็กนั้นพูดใครกันที่ฆ่าคนแล้วยืนรอให้คนมาพบ"
เถียงไม่ออกครับ ถึงจะอยู่ด้านนอกแต่แค่ฟังก็รู้แล้วว่าคงสะอึกแน่ๆ นึกแล้วขำวะ
"สามต่อสาม แล้วคารอสเห็นว่าอย่างไรเล่า"
จริงด้วยเหลือมันอีกคนหนึ่งนี่ฟ่า อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพูดว่ายังไงถ้ามันมาหาว่าเขาเป็นคนร้ายไปอีกคนแหละก็ กลับห้องไปคงต้องวางมวยกันสักตั้งสองตั้ง
"ว่าไงคารอส" ชารอนย้ำอย่างเครียดๆ
"เครอนมันเป็นแค่ลูกหมาไม่มีพิษสงอะไรเหรอ" เสียงคุ้นเคยตอบ
"ไอ้คารอส หน้านายไปทำไรมาฟะ" โซรามอสตรงเขามาถามเมื่อเห็นใบอันหล่อเหลาของเพื่อนตอนนี้มีรอยฝกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด
ผู้หญิงอะไรหมัดหนักชะมัด

เหตการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีที่เจ้าตัวก้าวออกจากห้องไต่สวนหมัดงามๆก็ซัดเปรี้ยงเข้าให้เต็มตา ตามด้วยลูกถีบชุดใหญ่อีกชุดที่เจ้าตัวแสบใส่รัวแบบไม่ยั้ง ตบท้ายด้วยฝ่ามือพิฆาตเข้าเต็มเตงจนเกือบไปพบยมบาลแล้วก็เดินกระฟัดกระเฟียดหายไปเลย

"โว้ย…ไอ้คารอสบ้ามาหาว่าคนอย่างฉันเป็นหมา แล้วแกเป็นเทพหรือไงฟะ"
คนตัวดีตอนนี้แหกปากโวยวายอยู่ในสวนหลังโรงเรียนพร้อมกับทั้งกระทืบทั้งเตะทุกสิ่งที่ขว้างหน้าอย่างโมโหจัด เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเรียนเวทย์เฉพาะสายจึงไม่มีใครมาเดินแถวนี้
"ไอ้สาด…………." ว่าแล้วก็ซัดกินหินก่อนหนึ่งที่อยู่ใกล้เท้าที่สุดลอยโด่งไปไกลด้วยฝีมือที่น่าจะส่งไปเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเสียจริงๆ
"โอ้ย…ใครปาหินมาฟะ" เสียงคุ้นๆดังทำเอาเครอนสะดุ้ง
ไม่ได้ปาแต่เตะหินไปเลยอะ
"พี่เวลล์มาอยู่นี้ได้ไง มีสอนไม่ใช่เหรอ"
คนถูกถามเลิกคิ้วเลิกน้อยก่อนจะยิ้มให้ร่างสูงที่เอามือกุมหัวตัวเองอยู่
"วันนี้ว่าง พวกปี5ไปฝึกรวมอยู่ที่เกาะเหนือ" เจ้าตัวตอบ "แล้ววันนี้เป็นไง ได้ยินว่าถูกสอบสวนไม่ใช่เหรอ"
"ใช่สิ แต่ทางที่นั้นเขาบอกว่าพ้นผิดแล้ว" เครอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยิ่งยึกยิ่งโมโหไอ้คน นั้น
"พ้นผิดแล้วทำไมทำหน้าแบบนี้อะ"
"ไอ้พ้นมันก็ดีหรอกนะพี่ แต่พ้นมาแบบเสียศักดิ์ศรีอะดิรับไม่ได้"
"เสียศักดิ์ศรี?" เวลล์ท้วนคำคิ้วขมวด "ไอ้เรื่องที่จอมเวทย์แห่งโครนอสเพื่อนร่วมห้องนายเข้าร่วมอยู่ในคณะไต่สวนด้วยใช่ไหม"
"ใช่" เครอนว่าอย่างเซ็งๆ
เวลล์หัวเราะเบาๆก่อนจะสบตาเจ้าลูกศิษย์อย่างเอ็นดูแกมขำๆ
"คงไม่รู้สินะ" เวลล์ว่าทำเอาเครอนเลิกคิ้วบ้าง "ก็คารอสเป็นคณะกรรมการที่ดูแลจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับการตายปริศนาทั้งสามครั้งของริสมาฟอรัสทั้งหมด แล้วนายก็เป็นคนพบศพคนแรกด้วยแสดงว่าคนร้ายเข้ามาถึงในโรงเรียนแล้ว ผู้รับผิดชอบงานอย่างคารอสต้องมาสอบสวนเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหนิ"

ว่าไงนะ……ไอ้คารอสเนี่ยนะผู้รับผิดชอบงานเรื่องนี้

ตอนที่ 22 คำประกาศ
"ทำไมวันนี้ห้องรวมเรามันคึกคักผิดปกติวะ"
เสียงจากเจ้าตัวแสบที่หนีไปตั้งแต่ก่อเรื่องลอบทำร้ายประธานชั้นดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมอันแสนจะคุ้นเคยของสายจอมเวทย์

ปกติมันก็คึกคักอยู่หรอกแต่ว่าวันนี้ทำไมทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องแห่กันมีเบียดกันเต็มไปหมด ทุกคนพยายามที่จะรุมดูอะไรสักอย่างที่ติดอยู่บนบอร์ดประกาศใหญ่ของสายอย่างวุ่นวาย
"นายไม่รู้หรอกเหรอเครอน" กัสที่เดินออกมาจากวงล้อมนั้นว่า
"เรื่องอะไรแหละ ฉันพึ่งกลับมาเอง"
จอมเวทย์วายุยิ้มๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรมากมาย นิสัยมันก็เป็นแบบนี้ดูคลายๆไอ้คารอสแต่ยังเย็นไม่เท่าเท่านั้นเอง ไอ้นั้นเคี่ยวแทบตายกว่าจะยอมอ้าปากพูดได้เรื่องยิ้มก็ลืมไปได้เลย

"แล้วมีอะไรที่บอร์ดหรือไง" ตัวแสบเปลี่ยนคำถาม
"ก็เรื่องด่วนของทางโรงเรียน" กัสว่าเรียบๆแต่ยังดีที่ไม่ได้แผ่ไอเย็นแบบไอ้บ้านั้น "เกี่ยวกับการตายและภัยอะไรสักอย่างนี่แหละ ทางโรงเรียนส่งคำเตือนมา"
"คำเตือน?" เครอนท้วนคิ้วขมวด
"ฉันยังอ่านไม่จบเลย โดนเบียดออกมาซะก่อน"
เหอะๆ คนเยอะขนาดนี้กว่าจะได้ดูคงอีกยาวแน่ๆยิ่งถ้าพวกนี้ยังรุมปิดยิ่งแล้วใหญ่ แต่คนฉลาดอย่างเครอน ทันเรอเรน ซะอย่างก็มีหนทางที่จะได้เรื่องโดนไม่ต้องเสียงเหงื่อแม้แต่หยดเดียว
"นายไม่เข้าไปดูอะ"
"ไม่อะ ขี้เกียจ" เครอนว่าพลางหาวกว้าง "แล้วไอ้เวล์เซนกับโซรามอสมันไปไหนฟะ"
"โซรามอสเข้านอนไปแล้วส่วนเวล์เซนอยู่ที่ห้องสมุด"
ยิ่งใกล้สอบนักเรียนยิ่งต้องปวดหัวมากขึ้น ทั้งงานที่ถูกสั่งเพิ่มมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวและยังต้องทบทวนบทเรียนอีกเป็นกองท้วมหัว
เวล์เซนเดี๋ยวนี้ชอบไปห้องสมุดบ่อยๆส่วนโซรามอสมันนอนเร็วมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่ถ้าจะให้ดีมันน่าจะหัดตื่นเช้าบ้างเป็นดี นอนเร็วแต่ตื่นสายแถมยังหลับที่ห้องเรียนต่ออีก คิดแล้วขำ

"อืม งั้นฉันไปนอนก่อนก็แล้วกัน"
"ราตรีสวัสดิ์"
เครอนทิ้งเจ้าเพื่อนที่ต้องทนเบียดกับคนอื่นๆไว้ด้านหลังก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องไป

คารอสใส่แว่นนั่งเขียนงานโดยไม่คิดสนใจแม้แต่จะมองหน้าเพื่อนร่วมห้องที่อยู่กันมาเกือบครึ่งปีเช่นเคย ยกเว้นวันนี้หน้าหล่อๆของมันมีรอยหมัดบวมอยู่เล็กน้อย ความจริงไม่น้อยหรอก

รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจ้าตัวแสบ ในเมื่อไปดูบอร์ดนรกแตกด้านล่างไม่ได้ก็ถามเจ้าหัวหน้างานตรงนี้สิวะ ความจริงกะจะถามเจ้าผู้รอบรู้แต่มันดันไปห้องสมุดเลยต้องมารับมือกับไอ้คนตรงหน้านี้แทน

"คารอส ข้างล่างเค้ามีอะไรเหรอฟะ" ว่าแล้วก็กระโดดปังลงไปนั่งบนเตียงของผู้อื่นอย่างที่เคยทำประจำ ปกติมันจะมองมาดุๆแต่วันนี้มาแปลกวะ
คารอสยังคงเขียนงานต่อไปอย่างไม่ใส่ใจเจ้าคนข้างๆ
"นี่ คารอส"
"………"
"คารอส"
"…….."
"ไอ้คารอส"
คนฟิวส์ขาดใช่มืออันรวจเร็วฉวยปากกาออกจากมือของเจ้าคนตายด้านข้างๆออกมาถือไว้ทำให้การเขียนงานหยุดชะงักไปถนัด สายตาเย็นๆปราดมามองเข้าให้โดยไม่พูดอะไร

ขนลุกวะ….
"นี่ถามแล้วทำไมไม่ตอบวะ จะโกรธอะไรนักหนา" ใจดีสู้เสือไว้ก่อนเป็นดี
ความจริงแกทำมันไว้ก็มิใช่น้อยเลยนะ เครอน
ยังคงไม่มีคำตอบเช่นเดิม สายตาที่สบตากันหนึ่งเยือกเย็นจนหวานอีกคนเริ่มออกอาการโมโหเล็กๆกับไอ้นิสัยประหยัดน้ำลายของเพื่อนร่วมห้อง
"โถ แกจะโกรธอะไรมากมายวะ ถ้าแกบอกๆฉันมาฉันรับรองว่าจะอยู่สงบไม่ยุ่งกับแกอีกเลย"
คารอสเลิกคิ้วนิดๆก่อนจะถอนหายใจเบาๆยืนมือออกมาเป็นเชิงขอแกมบังคับให้เจ้าตัวแสบส่งปากกาคืน เครอนต้องจำใจส่งให้อย่างเบื่อๆ
"มีอะไรก็ว่ามา"
รอยยิ้มอย่างมีชัยแฝงความกวนบาทาฉีกกว้าง
"โรงเรียนเอาบอร์ดเรื่องอะไรมาประกาศอะ"
"ทำไมไม่ไปดูเอาเอง"

สะอึก…..มันพูดตรงแต่บางที่มันรู้สึกว่ากวนชวนให้กระทืบรอบสองยังไงก็ไม่รู้วะ
"คนมันเยอะ ถามนายดีกว่า" เครอนว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า "เป็นหัวหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอไง"

ปลายปากกาที่ขีดเขียนอย่างรวจเร็วหยุดชะงักทันที ใบหน้าคมคายหันมาจ้องกับเจ้าคนที่มาเล่นทำเตียงคนอื่นยับเป็นเชิงแปลกใจเล็กน้อย

"พี่เวลล์บอกฉันมา" เครอนตอบราวกับอ่านใจได้ "เร็วๆรีบบอกๆมา"

"ก็ไม่มีอะไรมาก" คารอสถอดแว่นออกแล้วหันมาเผชิญหน้า "แค่ทางโรงเรียนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของนักเรียนเลยมีคำสั่งให้คณะนักเรียนทุกคนคอยระวังตัวเองและต้องเข้าหอพักก่อนเวลา3ทุ่ม"
"นายเล่าให้มันครบๆหน่อยได้ไหม"
คารอสถอนหายใจกับเจ้าคนที่ชอบทำให้เขายุ่งยาก

"เนื่องจากเมื่อหลายเดือนก่อนเกิดมีการตายปริศนาเกิดขึ้นด้วยวิธีการฆ่าที่แปลกๆตอนแรกเราก็ตัดสินใจว่าคงเป็นการฆ่าธรรมดาแต่เมื่อไม่นานมาน

ี้ก็มีการฆ่าแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในบริเวณใกล้ๆเขตโรงเรียน มีสารฉบับหนึ่งของที่ศพเขียนไว้เป็นคำว่า 'โรงเรียนแห่งลีฟ' ดูจากท่าทางการฆ่าคงเพื่อจุดประสงค์อะไรสักอย่างที่อยู่ในโรงเรียนเพราะจากคนที่ถูกฆ่าทั้งสองล้วนเป็นคนที่รู้สายทางเข้าออกของโรงเรียน

เป็นอย่างดี พอมาเจอคดีนายอีกยิ่งต้องระวังเป็นอย่างมากในการรักษาความปลอกภัย ทางโรงเรียนจึงต้องประกาศออกมาเป็นทางการเพื่อให้ระวังตัวก็แค่นั้น"

"แล้วทำไมทางโรงเรียนต้องปกปิดเรื่องสองคดีแรกด้วย"
"ไม่มีความจำเป็นที่นักเรียนจะต้องรู้ เรื่องบางอย่างทางคณะกรรมการและคณะบริหารจัดการกันเองได้"
"แล้วปล่อยให้ลามปามมาแบบนี้ได้ยังไง"
"ยังไงซะเรื่องนี้มันก็ต้องยอมรับว่าการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนยังไม่พอ" หัวหน้างานว่า "คนที่โดนเล่นงานครั้งสุดท้ายนี้เป็นหนึ่งในคณะยามตอนพึ่งเข้าเวรพอดี"
"นายจะบอกว่าคนที่ถูกฆ่าเป็นเวรงั้นเหรอ"
มันแปลกนะ ยามไม่น่าใช่คนที่มีผลประโยชน์ด้วย ถึงจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนแต่ก็ไม่มีทางที่จะรู้เรื่องราวอะไรมากมาย
อีกอย่างวิธิการฆ่าแบบนี้มันคุ้นตามาก
"ฉันส่งสัยว่าการฆ่ายามครั้งล่าสุดจะเป็นการฆ่าเพื่ออะไรสักอย่างที่ไม่จำเป็น" คารอสวิเคราะห์
"ฉันก็ว่างั้น" เจ้าตัวแสบเริ่มคิดหนัก "ระยะห่างการฆ่าแต่ละศพห่างกันเท่าไหร่"
"ศพที่สองห่างจากศพแรกประมาณ3เดือนส่วนรายล่าสุดห่างจากศพที่สอง5เดือน"
มันน่าจะใช้แน่ๆ สิ่งมีชีวิตของดินแดนแห่งความตายมีอยู่พันธ์หนึ่งที่ต้องดูดวิญญาณมนุษย์อย่างน้อย5เดือนครั้ง แต่จะแน่ใจได้ยังไงถ้าไม่ใช่วิธี…
"คารอส ฉันขอดูศพของเหยื่อรายก่อนๆหน่อยได้ไหม"
เป็นคำถามที่แปลกมากจนคารอสถึงกลับเลิกคิ้วสูง คนดีที่ไหนเค้าจะขอดูศพคนอื่นฟะเนี่ย
"ไม่ได้หรอก" เสียงเรียบๆแบบเดิมเล่นเอาเด็กหนุ่มคนถามเซ็ง "ศพถูกส่งไปทำพิธีแล้ว"
แล้วเอาไงดีฟะ จะตรวจสอบยังไงแหละที่นี้
โว้ย…..เครียด
ฝ่ามือใหญ่ๆตบลงบนบ่าเบาๆ เครอนหันไปมองสบตาเจ้าคนที่ปลอบใจแววตาเห็นใจปรากฏแวบหนึ่งในดวงตาม่วงอ่านยากนั้น
"นายไม่ต้องเครียดไปหรอก"

ตอนนี้เขาคงพึ่งเข้าใจมันเป็นครั้งแรกว่าทำไมต้องทำหน้าเย็นใส่เขาตอนสอบสวน คงเพราะว่าเป็นหัวหน้าคุมงานนี้ความเครียดยิ่งจะโถมเข้าใส่ มีคนตายในโรงเรียนยิ่งย่อมเครียดเข้าไปใหญ่ขนาดเขาที่ไม่ได้รับผิดชอบยังเครียดขนาดนี้มันคงยิ่งกว่าเขาอีกมั้ง

"นายเองก็เหมือนกัน อย่าเครียดมากนักแหละ"
คนถูกว่านิ่งไปพลางมองใบหน้าของคนที่ได้รับการเรียกเป็นแฝดผู้น้อง
"ถ้าไม่มีอะไรฉันไม่รบกวนแล้ว ราตรีสวัสดิ์" เจ้าตัวแสบหาวพร้อมกับเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของตัวเอง
"ทำไมนอนก่อน"
"วะ….แต่ก่อนฉันให้แกนอนก่อนเพราะกลัวความลับแตกแต่ตอนนี้นายรู้ความลับฉันแล้วก็ขอนอนเร็วสักครั้งจะเป็นไร" เครอนโวยวายดึงผ้าห่มมาคลุมโปงก่อนจะไม่วายกวนประสาท
"แกก็อย่ามาเสือกหลงเสน่ห์ฉันเป็นพอ"

ตอนที่ 23 การสอบภาคเช้า
วันเวลาล่วงเลยมานานเป็นเดือนที่บรรดานักเรียนเตรียมสอบทั้งหลายก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือและจัดการงานการ จนในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้
วันสอบวัดผลการเรียน
"คารอสมันหายไปไหน" เวล์เซนที่เดินเข้ามาที่โต๊ะกินข้าวเช้าถามขึ้นเมื่อไม่เห็นเงาของเจ้าชายแห่งริสมาฟอรัส
"ไปห้องสมุด"
เสียงสามัคคี ชุมนุม พร้อมใจกันตอบจากเครอนและโซรามอสดังเป็นเสียงเดียวกัน
เดี๋ยวนี้มันนอกจากถูกเรียกประชุมแล้วเลิกปับก็หายแว่บไปอยู่ในห้องสมุดทุกที ไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นร่วมเดือนแล้ว สงสัยอีกไม่นานมันคงได้แต่งกับพวกบรรณารักษ์ชัวๆ
"นิสัยมันเป็นแบบนี้แหละ"
"ว่าแต่" เครอนเริ่มเป็นบทสนทนา "การสอบของโรงเรียนแห่งลีฟมันเป็นแบบไหนเหรอฟะ จะได้เตรียมตัวถูกนายรู้ใช่เปล่าเวล์เซน"
เจ้าผู้รอบรู้ยิ้มๆ มันไม่เคยทำให้เพื่อนๆผิดหวังเลยแม้แต่น้อย โซรามอสที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็เริ่มสนใจรอฟังคำตอบของเจ้าเพื่อนรักอย่างใจจดใจจ่อ
"กำหนดการทดสอบแบบออกเป็นสองภาค" เวล์เซนเริ่มบรรยาย "ภาคเช้าเป็นการสอบวิชาพวกประวัติศาสตร์ พลังสมาธิ การบริหาร และภาษากลาง ซึ่งเป็นการสอบข้อเขียนล้วนๆ"

เวร…ประเดิมด้วยสองวิชาหลับแห่งปีหนึ่งสายเวทย์เลยนะ การบริหารเองก็เป็นหลักสูตรฝึกการบริหารงานเบื้องต้นหลักสูตรบังคับของหลักสูตรที่เครอนว่าก็น่าสนใจดี

"แล้วภาษานานาชาติไม่ได้สอบเหรอ" โซรามอสโผล่ขึ้นถาม
"เป็นการสอบภาคปฏิบัติ" คำตอบที่ได้สั้นๆ "หลักจากภาคเช้าก็เป็นภาคบ่าย สอบวิชาภาษานานาชาติ แปลงร่าง ปรุงยาอาคม พลังจิตเบื้องต้น ฟันดาบ และขี่ม้า สอบแบบปฏิบัติทั้งหมด"

"ฟังดูยุ่งยากชะมัด" เครอนบ่น

"ไอ้วิชาประวัติศาสตร์นายได้ส.ไปแล้วไม่ใช่เหรอ กลัวอะไรอีก" โซรามอสว่าพร้อมกับหันมามองหน้าเพื่อนตัวดีที่รอยลำได้คะแนนไปฟรีๆซะงั้น
เวลาของการสอบปลายภาคเริ่มขึ้นด้วยข้อสอบนรกแตกจากวิชาประวัติศาสตร์ที่เล่นเอาบรรดานักเรียนนั่งกุมขมับไปตามๆกัน ห้องโถงใหญ่กลายเป็นห้องสอบของนักเรียนชั้นปี1ทั้งหมดจากทุกสายใช้สอบวิชาภาคบังคับปกคลุมด้วยความเงียบและเครียด

แต่คงมีคนเดียวที่นั่งยิ้มร้องรำทำเพลงอย่างสบายใจอย่างแรง คะแนนฟรีๆจากรายงานทำให้เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องทำข้อสอบแม้แต่น้อย เขียนมั้วๆไปแค่5นาทีเสร็จแล้วก็นอนต่อ
แต่วิชาต่อมาพลังสมาธิเล่นเอาเจ้าตัวแสบแทบคลั่งตาย เพราะเนื่องจะจากไม่ได้ฟังแล้วก็ยังไม่ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้มาอีก มัวแต่ไปอ่านวิชาภาษากลางกับภาษานานาชาติ เวล์เซนที่อยู่โต๊ะข้างๆเองไม่ได้พูดคุยอะไรกับใครเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนอย่างเดียวแต่แย่กว่านั้นคือเจ้าโซรามอสที่ถึงขึ้นหน้าแนบไปกับ

หน้ากระดาษข้อสอบ
ในเมื่อมันไม่รู้ก็ต้องใช้วิชา
ตาผึ่งหูผึ่ง
หลักสูตรการลอกข้อสอบ โดย อาจารย์เครอน ทันเรอเรน
ว่าแล้วก็เล่นยืดคอไปเหลือบเจ้าคนรอบรู้ที่ไม่เคยทำให้เพื่อนผิดหวัง แม้ในเวลาสอบ
ไอ้เย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากด้านหลังทำเอาคนกำลังขโมยคำตอบสะดุ้งเฮือก… แฝดผู้พี่ที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังเป็นผู้คุมระเบียบความประพฤต

ิเขาไปโดยปริยาย แต่ว่าไปไอ้ไอความเย็นมันไม่ได้มีผลกระทบต่อเขาแค่คนเดียวมันทำเอานักเรียนทั้งห้องพากันเสียขวัญไม่เป็นอัน

สอบไปด้วยอะดิ
โว้ย….. มั้วก็ได้ฟะ
สองวิชาสุดท้ายผ่านไปได้อย่างไม่ต้องพูดถึง ทำได้บ้างไม่ได้บ้างตามภาษานักเรียนทั่วไป เว้นก็แต่เจ้าคารอสที่นั่งมาดนิ่งเฉยชาไว้ตลอดแต่ปลายปากกายังคงจรดเขียนคำตอบได้อย่างรวดเร็วไม่ขาดสายสมเป็นหัวหน้าชั้นปีสายเวทย์
ไกลออกไปเครอนก็สะดุดตากับผมเงินของเจ้าพี่ตัวดีอีกฟากของห้องสอบนั่งกุมขมับอย่างเครียดๆเอาแต่จ้องกระดาษราวกับว่ามันจะออกคำตอบ

มาให้ซะยังไงอย่างนั้น นี่หรือคือหัวหน้าสายจอมดาบ โอ้ได้ล่มจมกันทั้งสายสิไม่ว่า….ส่วนอีกฟากที่เป็นของสายนักบวชฮิวเกอรี่นั่งอยู่แถวหน้าๆคิดได้ก็เขียนไปตามนั้น สมเป็นเด็กมารยาทดี

"แกทำได้ไหมฟะ ข้อสอบการบริหาร" เครอนถามบรรดาเพื่อนๆที่กำลังรอมวงกินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้ในสนามหลังโรงเรียน
เนื่องจากปราสาทแดงถูกใช้เป็นที่สอบของพวกรุ่นพี่ปี3และปี4 เรียนคนอื่นๆจึงต้องระเห็ดออกมารับข้าวกล่องมาหาที่นั่งกินเอาเอง ความจริงเปลี่ยนสถานที่กินมันก็ดีแต่ที่มันรับไม่ได้คือ
ทำไมปริมาณข้าวมันน้อยลงฟะ แล้วมันจะยาไส้อะไรเนี่ย
คนเครียดเขาบอกว่าจะกินข้าวไม่ลงแต่ตรงกันข้าม เครอนเป็นคนที่เครียดแล้วกระเพาะอาหารจะทำงานเต็มประสิทธิภาพ ระหว่างที่เพื่อนๆต่างกินข้าวไม่ลงเจ้าตัวแสบก็ซวบที่หมดเกลี้ยงทลามกลางสายตากว่า24คู่ของนักเรียนสายเวทย์ปีหนึ่งทั้งหมด

"โซรามอส แกไม่กินใช่ไหมฟะ ไม่ต้องเกรงใจ" พูดเองเออเองว่าแล้วก็ซัดของเจ้าเพื่อนรวดเดียวหมด ลืมเรื่องที่ตัวเองถามไปซะสนิท
"เวล์เซน ไม่ต้องขอบใจฉันยินดีช่วย" ว่าแล้วก็เข้าไปอีกจาน นักเรียนอื่นๆจึงรีบยกจานข้าวคนเองหนีไปเป็นแถวก่อนที่ข้าวในจานจะเป็นอันหาไม่ด้วยกระเพาะนรกของตัวแสบแห่งริสมาฟอรัส
จานสุดท้ายของเจ้าคนที่นั่งอ่านหนังสือไม่รู้สึกรู้สาถึงภัยที่กำลังจะมายุ่งกับกับข้าวอยู่ข้างตัว
"แฝดผู้พี่ ขอ…"
ยังพูดไม่ทันจบมือไวที่จะขว้าจานข้าวของคนตรงหน้าก็หายวับไปทันที ที่ขว้ามาได้คือจานเปล่าๆที่ไม่มีข้าวสักเม็ด แต่ข้าวเม็ดเล็กๆเม็ดหนึ่งกับปรากฏอยู่ที่ข้างปากของคนกำลังอ่านหนังสือชั่วแวบก่อนจะหายเข้าปากไป
ไอ้จอมเวทย์ตัวแสบ แห่ง โครนอส
คำเตือน เมื่อไม่ได้กินข้าวในอัตราที่กำหนดไว้ถ้าไม่อยากมีอันเป็นไปกรุณาอย่าทำให้คนโมโหหิวข้าวโกรธเป็นอันขาด มิเช่นนั้นอาจจะโดนเขมือบหัวท่านแทนได้
"เครอน ทำไมวันนี้นายกินเยอะจังวะ ปกติเห็นกินบ้างไม่กินบ้างไม่ใช่เหรอไง" โซรามอสที่ถูกแย่ข้าวถามพร้อมกับเลิกคิ้ว
"เหอะๆ วันนี้มันเครียดจัด" คำตอบสั้นๆที่เพื่อนร่วมวงอย่างกัส และ เจมส์ฮากลิ้ง สองคนนั้นกินข้าวหมดแล้วตั้งแต่เห็นรางไม่ดี
"เครอน นายนี่มันตลกจริงๆวะ" เจ้าจอมเวทย์วารีพูดไปฮาไป เครอนได้แต่แยกเขี้ยวใส่ให้
"แกจะขำไปอีกนานไหนเจมส์"
"ว่าแต่เรื่องการสอบที่แกจะถามฉันบอกได้เลยว่าวิชาประวัติศาสตร์โคตรยาก อาจารย์แกเล่นออกซะเกือบตายถ้าไม่ใช่เพราะรายงานที่แกเขียนช่วยไว้มีหวังตกกราว" เสียงจากดอฟ จอมเวทย์วารีอีกคนผู้แสนจะกวน...เป็นอันดับสองรองจากเครอน ฉายา ตัวกวน แห่ง ริสมาฟอรัส "แต่แกก็เล่นเส้นรายงานไว้ไม่ใช่เหรอฟะ งานนี้ก็สบายคนเดียวเลย"

"มันก็แน่อยู่แล้ว ระดับฉันซะอย่าง" หลงตัวเองเข้าไปโน่น
ตัวแสบ VS ตัวกวนจริงๆงานนี้
"ฉันว่าวิชาประวัติศาสตร์ยากเกินไปจริงๆ" เสียงสนับสนุนจากกัส เจมส์ข้างๆพยักหน้าเห็นด้วยเป็นการใหญ่
"อาจารย์ชารอนแกไม่ถูกใจอะไรกับนักเรียนสายเวทย์หรือเปล่าวะ" โจนัทว่าบ่นๆอย่างเครียดตามอารมณ์ร้อยของเวทย์สายอัคคี
"ก็ไม่รู้สิ คงชอบออกข้อสอบยากๆมากกว่ามั้ง" เวล์เซนพูดก่อนจะดื่มน้ำล้างคอ
เหอะๆ นินทาอาจารย์กันมันปากเลยนะคนเรา
"แต่ก็ไม่ควรนะค่ะ พวกเรายังเรียนไม่ถึงเรื่องเมืองตอนใต้เลยด้วยซ้ำ" เรนกล่าวขึ้นด้วยดวงตาหม่นหมอง ท่าทางจะเครียดที่ทำข้อสอบไม่ได้ เอนนาเรียเพื่อนร่วมห้องรีบเข้ามาปลอบ
"แค่นี้ก็ทำหน้ายังกะจะตายแล้วชาตินี้จะทำอะไรกิน" คำพุดเหยียดหยาบชวนให้ต่อยหน้าสวยๆของเจ้าหล่อนคนพูดสักตั้งถ้าไม่ติดที่เป็นผู้หญิง

ริสโซเรียและอลิสซ่าเดินเข้ามาในวงด้วยความหยิ่งชวนถีบเช่นเคย เจ้าหญิงแห่งนอร์เบอรินรีบตรงไปนั่งข้างๆเจ้าคารอสที่กำลังอ่านหนังสือตัดขาดจากโลกภายนอกผลักเจ้าแฝดผู้น้องที่นั่งอยู่ข้างๆกระเด็น มันน่านักยิ่งโมโหหิวอยู่
อลิสโซเรียนั่งลงข้างๆเวล์เซนเช่นกันแต่เจ้านั้นมันเมินเข้าให้อย่างไม่ไว้หน้า สะใจโก๋
"ดีแต่พูดว่าคนอื่นแล้วตัวเองทำได้หรือเปล่าแหละ" เครอนพูดลอยๆแฝงประชดเข้าให้
เงียบ…ไม่มีคำตอบจากสองคนที่ถลึงมองอย่างเอาเป็นเอาตาย ริยยิ้มแห่งชัยชนะฉีกกว้าบนใบหน้าของเครอนพร้อมกับคำตอบที่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า
ยัยสองคนนี้ไม่มีทางทำได้แน่ เพราะวันๆเจ๊แกเข้าแต่เสริมสวยทั้งวัน ทุกชั่วโมง
"ว่าแต่นายอะคารอส ทำได้ไหมฟะ" ตัวแสบหันไปถามคนที่ตัวเองข้องใจมานานว่าคนอย่างมันทำข้อสอบที่ใครๆก็ว่าโคตรยากได้หรือไม่
แต่ว่าโอกาศผ่านมันสูงลิ่วเลยวะ
"ก็ดี" สั้นๆง่ายๆราวกับกลัวเปลืองน้ำลายซะงั้น
แต่เป็นคำตอบที่ทั้งกลุ่มรู้กัน…..

ตอนที่ 24 สัมภาษณ์ และ เรื่องของตระกูลคิลเซเรียส
เริ่มการสอบต่อภาคปฏิบัติด้วยการเข้าสอบสัมภาษณ์ปากเปล่ากับคณะอาจารย์ ห้องโถงใหญ่ถูกเปลี่ยนใหม่กลายเป็นลานกว้างที่มีเก้าอี้เรียงชิดติดผนังเพื่อให้นักเรียนคนอื่นๆนั่งรอขณะสอบ กลางห้องคือโต๊ะของอาจารย์ให้คะแนนตั้งตะหง่านอยู่โดยมือเก้าอี้ตัวเล็กอีกตัวให้นักเรียนที่สอบใช่นั่ง ดูๆไปมันก็คือการสอบต่อหน้าสายตาประชาชีดีๆนี่เอง ส่วนหลักภาษาที่ใช้สัมภาษณ์ครั้งนี้คือ เทรนนอสและเซนเทอรัส

"ต่อไปถ้าครูประกาศชื่อใครขอให้นักเรียนคนนั้นเดินมานั่งด้านหน้าด้วย ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้สอบหรือสอบเสร็จแล้วก็กรุณาอยู่ในความสงบห้ามส่งเสียงรบกวน" คำสั่งกำชับจากอาจารย์ก่อนจะเริ่มการสอบ

เวล์เซนคือเหยื่อผู้โชคร้ายรายแรกของสายเวทย์ แต่มันก็เป็นคนเซนเทอรัสอยู่แล้วก็โชคดีไป ตามติดมาด้วยกัสและโจนัท ที่ถึงขั้นเอ่อกินกลางงานกับภาษาแปลกๆที่ถูกส่งรัวเป็นชุดแต่มันก็ยังถูไถไปได้ตามน้ำคงพอมีโอกาศ รอด ต่อมาคือคนรู้จักสายพ่อค้า

ท่านหญิงไดอาน่า ที่พูดโต้ตอบด้วยอย่างราบลื่นไร้ปัญหาใดๆสมเป็น เลดี้ ออฟ ริมาฟอรัส

"ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์"
เสียงที่ทำให้เครอนหูผึ่งทันที ไอ้พี่บ้ามันจะรอดไหมเนี่ยถ้ามันทำขายหน้าแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้หลุมไหนดีนี่ โถถัง…………….
อาจารย์เริ่มถามคำถามใส่เจ้าพี่ชายหน้าหล่อตรงหน้า แต่มันดันตอบกลับมาเป็นภาษาอื่นเสียนี่ เค้าถามภาษาเทรนนอสมันดันตอบเป็นภาษาคิลเรียสเสียนี่ทำเอาบรรดาอาจารย์ถึงกลับมองหน้ากันเป็นการใหญ่
คำตอบที่มันตอบมาก็ถูกอยู่หรอกแต่ไอ้ภาษาที่ใช้มันผิดระเบียบการสอบหนิหว่า
"เครอน ทันเรอเรน"

ในที่สุดชื่อของเจ้าตัวแสบก็ถูกประกาศขึ้น ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องทันทีเพราะทุกสายตาจ้องมาที่เครอนคนเดียว ชื่อเสียงความแสบของเขามันดังทั่วโรงเรียนเหมือนพุแตกก็เงี้ยแหละ
ทันทีที่นั่งอาจารย์แนนนี้ ก็ส่งยิ้มให้
"ได้ยินมาว่าเธอเก่งภาษามาก" เสียงคำถามแรกถามขึ้นเป็นภาษากลาง ความจริงมันเรียกว่าเป็นการสนทนามากกว่าคำถาม
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" เจ้าตัวถ่อมตัว
"งั้นครูคงต้องลองทดสอบดูเสียหน่อยแล้ว"
ว่าแล้วก็เปิดบทสนทนายาวที่ออกไปเป็นทางการและศัพท์ยากต่างๆของภาษาเทรนนอสที่แม้แต่ผู้ใหญ่บางคนอยู่ถึงกับเกาหัว
นักเรียนทั้งห้องพากันเงียบรับฟังบทสนทนาที่ต่อให้คนที่ไม่รู้ภาษายังรู้ว่ามันเป็นการพูดคุยที่พวกเขายังเรียนไม่ถึง เครอนตอบโต้ได้ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาๆและหว่างที่รอยยิ้มกว้างเริ่มฉายบนใบหน้าของอาจารย์ด้วยความภาคภูมิใจอย่างปิดไม่อยู่
นักเดินทางคืออาชีพเสรีของคนที่เดินทางไปทั่ว ภาษาเป็นความจำเป็นที่สุดในสายอาชีพนี้มันจึงกลายเป็นความสามารถพิเศษของคนอย่างเครอนไปโดยปริยาย
กว่าเครอนสอบเสร็จก็กินเวลาสอบมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวเนื่องจากอาจารย์แก่เกิดมันขึ้นมาชวนคุยยกใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจ้าหน้าที่มาเตือนแหละก็ปานนี้ได้คุยไปถึงเช้าแล้วมั้งนี่
"เป็นไง" โซรามอสถามเมื่อเพื่อนเดินกลับมานั่ง ใบหน้าของคนยังไม่ได้สอบตอนนี้ซีดแถมยังมีเม็ดเหงื่อเม็ดเป้งไหลหยดติ๋งๆ

ราวกับก๊อกแตก
"ก็น่าจะผ่านนะ" ว่าแล้วก็ยิ้มนั่งลง
คนยังไม่ได้สอบข้างๆเริ่มออกอาการกังวลจัด เป็นที่รู้กันดีว่าไอ้โซรามอสมันเกลียดภาษาต่างเมืองเวลาเรียนที่ไรก็หาวทุกที่ คราวนี้เลยเป็นแบบนี้ยิ่งเป็นการสอบต่อหน้าสายตานักเรียนคนอื่นๆอีกยิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่
"คารอส คิลเซเรียส โครไรอิซิส ไลท์เวสท์"
เสียงประกาศดังขึ้นพร้อมกับความฮือฮายกใหญ่ เจ้าชาย แห่ง ริสมาฟอรัส เป็นคนทีดังใช่ย่อยทั้งความสามารถ ทั้งชื่อเสียง

ทั้งชาติตระกูล แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าชายจริงๆแต่ไอ้ความเท่มันกินขาดลอย

เสียงกรี๊ดกราดดังแสบแก้วหูทั่วห้องโถงใหญ่จากบรรดาสาวๆแฟนคลับที่มีอยู่ทั่วโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรที่เจ้าพี่ตัวดีโวยว่าเกินหน้าเกินตาคงไม่แปลกที่จะทำให้ผู้หญิงทั้งหลายใจละลาย แต่ไอ้ความที่ชอบวางมาดดูยังไงในสายตาแฝดผู้น้องมันก็ยังน่าถีบเหมือนเดิม
อยากรู้นักเห็นมันไม่ค่อยสนใจภาษาจะเป็นยังไงน้า
"คารอส ประธานชั้นปีสายเวทย์" อาจารย์ทักขึ้นพร้อมกับยิ้ม "หล่อเหมือนพ่อเลยแต่นิสัยแบบนี้อาเธอคงเป็นคนสอนสินะ สมเป็นของตระกูลคิลเซเรียสไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ"

"เวล์เซน ไอ้ตระกูลของคารอสมันเกี่ยวอะไรกับโรงเรียนนี้ฟะ" เครอนกระซิบถาม
คนถูกถามถึงกับขมวดคิ้ว ไอ้เรื่องไม่รู้ว่ามันเป็นจอมเวทย์ยังพอว่าแต่ไม่รู้ว่าตระกูลคิลเซเรียสมันดังนี่ไม่เข้าใจวะ

ไปถามเด็ก3ขวบทุกคนในลีฟมันยังรู้เลย

"ตระกูลคิลเซเรียสเป็นตระกูลชั้นสูงของลีฟ คนตระกูลนี้ทุกคนที่มาเรียนอย่างมากก็ต้องเป็นประธานชั้นแต่ส่วนใหญ่เป็น

หัวหน้าคณะเทพฝ่ายขวาทั้งนั้น"
"หัวหน้าคณะเทพ?" เจ้าตัวแสบทวนคำอย่างงง

"โรงเรียนริมมาฟอรัสเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของลีฟ นักเรียนทั้งหมดมี300คนแบ่งเป็นสายเวทย์60คน นักดาย 100 คน

พ่อค้า100คน และนักบวช40คน คณะกรรมการนักเรียนคือผู้ดูแลจัดการเรื่องภายในโรงเรียนทั้งหมด ประกอบด้วยประธานชั้นปีของแต่ละสายกับประธานสาย รวมเป็น24คน คารอสที่เป็นหัวหน้าชั้นปีหนึ่งสายเวทย์ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนของริสมาฟอรัสเช่นกัน แต่ริสมาฟอรัวเป็นเครืออิสระไม่ขึ้นกับใครด้วยเหตุนี้จึงต้องมีคณะบริหารแห่งริมมาฟอรัสเพื่อดูแลปกครองประเทศ พูดตรงๆก็คือคนปกครองประเทศนั้นแหละ การบริหารของที่นี่แบ่งเป็น คณะผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา คือคณะที่ดูแลจัดการ

ด้านการกลาโหมทั้งหมดของประเทศ กุมการทหารทั้งหมดไว้ในมือ แบบเป็น คณะวางแผนการสงคราม

ที่จัดการวางแผนการทัพ แผนการรบต่างๆ คณะการแพทย์สนาม คือหน่วยแพทย์ที่มีหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ทหารผู้บาดเจ็บ คณะข่าวสารและการขนส่งเสบียง ส่วนนี้ทำหน้าที่ในการแจ้งข่าวโรงเรียนหรือทัพต่างๆหรือรับข่าวมาแจ้งแถมยัง

ต้องดูแลส่งเสบียงให้แก่ทัพด้วย และสุดท้ายคือคณะการทัพ เป็นคณะควบคุมนักรบที่ออกศึกทั้งหมดถือเป็นคณะใหญ่"
"อย่างนี้หัวหน้าคณะการทัพก็ใหญ่ที่สุดสิ"

"เปล่า" เสียงตอบสั้นๆ "หัวหน้าทั้งสี่คณะของคณะผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาจะอยู่ในตำแหน่งคณะเทพแห่งริสมาฟอรัส คนที่คุมทั้งสี่คณะทั้งหมดคือหัวหน้าคณะเทพ เป็นรัฐมนตรีว่าการกลาโหมของประเทศ"

คนฟังถึงกับอ้าปาดค้าง นี่คนที่เขาเขวี้ยงหมอนใส่ทุกเช้าเป็นทายาทของตระกูลอดีตหัวหน้าคณะเทพแห่งริสมาฟอรัสเชียวหรือนี่ โอ้…… อย่างนี้ต้องสืบลึกต่อ
"เวล์เซน คณะบริหารมันมีแค่นี้หรือ" เครอนว่าพร้อมกับกระตุกแขนเสื้อเพื่อน

"ยัง ยังมีคณะผู้พิทักษ์ฝ่าบซ้ายอีก ฝ่ายนี้คือฝ่ายดูแลเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เริ่มจากคณะการต่างประเทศ เป็นส่วนของการเจริญสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศอื่นๆ คณะตุลาการคือคณะศาลของประเทศ ไต่สวนความผิดเพื่อความยุติธรรม แล้วยังมีคณะการสื่อสารและคมนาคม เป็นเหมือนการสืบข่าวจากทั่วอาณาจักรเป็นคล้ายๆ

กับสายลับที่สอดสองดูแลไปทั่วทุกประเทศเพื่อแจ้งข่าวก่อนใคร และยังเป็นคณะที่ต้องเดินทางไปทั่วอีกด้วย สุดท้ายคือการคลัง คุมทุกอย่างทั้งรายรับรายจ่ายของประเทศ สินค้าทั้งขาเข้าและขาออก การค้ากับต่างประเทศ งบประมาณการใช้จ่ายในแต่ละปี และการบริหารการเงินทั้งหมดของริสมาฟอรัส"

"น่าสนใจวะ แล้วหัวหน้าคณะเทพฝ่ายซ้ายมีเปล่าวะ"
"มี เป็นรับมนตรีว่าการความมั่นคงของประเทศ"
"แล้วๆไอ้ตระกูลคิลเซเรียสมันมีบทบาทอะไรบ้าง" คำถามที่เล่นเอาคนถูกถามเลิกคิ้ว
ตอนแรกนึกว่ามันถามเอาความรู้ที่แท้ก็ไว้แบล็กเมย์เจ้าคารอสนี่เอง
"ก็ไม่ค่อยมากหรอก แค่มีตำแหน่งหัวหน้าคณะเทพฝ่ายขวา คณะเทพฝ่ายขวา ผู้คุ้มกฏขวา ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา ประธานสาย

ประธานชั้นปีอีกเล็กน้อย รวมๆก็ทั้งตระกูลนั้นแหละ"

เป็นคำตอบที่เครอนอึ้งราวกับโดนต่อยเข้าให้เต็มดั้ง ตระกูลมันเป็นมนุษย์หรือเปล่าวะ
"ตัวอย่างเช่นพ่อมันเคยเป็นถึงหัวหน้าคณะการวางแผนการสงคราม"
"เหอะๆ" เครอนหัวเราะเจื่อนๆอย่างอนาทตัวเองที่เล่นไม่รู้จักดูคน "แล้วทำไมมันมีแต่ฝ่ายขวาวะ ฝ่ายซ้ายไม่เห็นมีมาบ้างเลยหรือไงกัน"
เวล์เซนหัวเราะเบาๆอย่างขำๆ คิ้วของเครอนตอนนี้ขมวดจนจะกลายเป็นปมไปแล้วก็ไม่ปาน
"ไอ้ข่าวว่าตระกูลคิลเซเรียสทั้งตระกูลเป็นตระกูลที่ไม่ชอบภาษาต่างชาติ" คำเฉลยจากปากเจ้าโซรามอสที่นิ่งเงียบแอบฟังอยู่นานกล่าวขึ้น
มิน่า มันถึง……

ตอนที่ 25 เหตุการณ์วุ่นวายในการสอบแปลงร่าง

ใครจะไปคิดว่าคนไม่ค่อยชอบภาษาอย่างมันจะสอบผ่ายโลด ถามอะไรตอบได้หมดนี่ขนาดไม่ค่อยชอบถ้ามันชอบขึ้นมามีหวังคนอย่างเครอนได้แพ้หมดท่าต้องกราบมันเป็นอาจารย์ซะแล้วมั้งเนี่ย

"คารอส แกไม่ค่อยชอบภาษาไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมถึงทำได้" เครอนเปลขึ้นเมื่อทั้งสี่เดินลงไปยังลานหน้าปราสาทเพื่อสอบวิชาแปลงร่าง
"ถึงแม้ไม่ชอบก็ต้องเรียนให้ได้ มันเป็นหน้าที่" คำตอบเชิงวิชาการน้ำเสียงแกมสั่งสอนเล่นเอาเพื่อนอยากกระโดดถีบนัก

คิดผิดคิดถูกวะเนี่ยที่ถามมัน

จะว่าไปแล้วในบรรดาข้อสอบภาคปฏิบัติทั้งหมดวิชาแปลงร่างคือวิชาที่ยากที่สุด เนื่องจากต้องใช้พลังจิตกับสมาธิชั้นสูงแม้ของปีหนึ่งจะเป็นแค่การแปลงตะปูให้เป็นเข็มหมุดก็เถอะนะ แต่ก็นับว่ายากสุดขั้วแบบที่นักเรียนสายเวทย์ไม่มีใครทำได้
ยกเว้นไว้คนก็แล้วกัน….
"วันนี้ครูจะให้นักเรียนซ้อมแปลงร่างหนูให้เป็นลูกบอลก็แล้วกัน"

คำสั่งสั้นๆของอาจารย์ผู้คุมสอบเริ่มขึ้นสร้างความแตกตื้นแก่นักเรียนทั้งหมด
แปลหนูให้เป็นลูกบอล ขนาดแปลตะปูเป็นเข็มยังไม่รอดเลยเนี่ยนะ
หนูจำนวนมากมายในลังถูกมอบให้นักเรียนคนละตัวสองตัว เสียงร้องกรี๊ดจากบรรดานักเรียนสาวๆกันยกใหญ่เพราะเจ้าหล่อนส่วนใหญ่เป็นพวกเกลียดสัตว์กันทั้งนั้น
ไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ หนูมันออกจะน่ารัก
"นายเก่งเวทย์แปลงร่างไม่ใช่เหรอ"
เสียงคุ้นเคยคำถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวแสบแสร้งทำเป็นแปลงไม่ได้
"ฉันไม่ชอบดึงความสนใจ อยู่แบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว" เสียงใสๆตอบพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาสบตา "ฉันคือ เครอน ทันเรอเรน

นักเดินทางธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ใช่จอมเวทย์"
"นายพอใจแค่การเป็นนักเดินทางเร่ร่อนเท่านั้นหรือ"
เครอนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างสดใสตามนิสัยคนอารมณ์ดีอยู่เสมอ

"นายไม่รู้อะไร" เครอนว่าเกมสั่งสอนจอมเวทย์ข้างๆ "นักเดินทางคือคนที่เลือกที่จะเดินไปบนเส้นทางอิสระ ไม่มีกฏเกณต์ มีเพียงตัวกับหัวใจที่โลดแล่นไปในโลกกว้าง ลิขิตหนทางของตัวเอง"
ก่อนจะทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้าไกล สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและอิสระที่โอบอุ้ม นี่หรือคือนักเดินทางที่แท้จริง

ไม่มียศ ไม่มีความใฝ่สูง มีเพียงตัวและหัวใจที่พร้อมจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ลึกซึ้งจริงๆ……
"แล้วนายแหละ" เจ้าตัวแสบยิงคำถามย้อนเข้าให้ นัยน์ตาดุแล่นมาให้ "อะไรคือสมบัติของจอมเวทย์"
"หน้าที่" คำตอบเย็นๆสั้นๆ "คนเราเกิดมามีหน้าที่ เกิดเพื่อหน้าที่ตายเพื่อหน้าที่"
"ตกลงว่าหน้าที่ค้ำคอว่างั้น" เสียงสรุปชวนหาเรื่อง เรียนสายตาดุๆสวนเข้าซ้ำสอง แต่ก็ทำอะไรเจ้าตัวด
ีไม่ได

ม้แต่น้อยเพราะมันกลับคิดว่า
มันเหมือนพ่อยังไงไม่รู้วะ
"นับวันแกยิ่งทำตัวเหมือนเป็นพ่อฉันไปทุกทีแล้วนะเฟ้ย"
คราวนี้คนถูกหาว่าเป็นพ่อเริ่มออกอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ถ้าฉันเป็นพ่อนายคงต้องจับตัดลิ้นแล้วจับมาเทศนาสั่นสอนกันอีกยาว
แฝดผู้น้องอมยิ้มเล่าเดินจากไปเข้าคิวสอบทิ้งให้คารอสส่ายหัวอย่างเอ็นดูละคมขันที่หายากจากใบหน้าที่ขรึมๆนั้น

น่าเสียดายที่เจ้าตัวแสบไม่ทันได้เห็น
"เครอน ทันเรอเรน เชิญ"
เสียงจากรุ่นพี่ผู้ดูแลการเช็กชื่อกล่าวขึ้นพร้อมกับส่งเจ้าตัวไปในเงื้องมือของอาจารย์แม่มด เครอนยิ้มใจดีสู้เสือทั้งที่ในใจอยากจะกรี๊ดลั่น
อาจารย์แกอายุกี่หมื่นปีวะเนี่ย
"ไหนลองแปลงหนูตัวนี้ให้กลายเป็นลูกบอลทีซิ" คำสั่งเรียบๆ เครอนต้องกลืนน้ำลายเฮือก
"เอาก็เอาวะ อย่างมากก็ตก" เสียงปลอบตัวเองเบาๆ
ถึงจะปากว่าแบบนี้แต่ในใจกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แปลงหนูให้เป็นลูกบอลมันก็ไม่ได้เกินความสามารถอะไรเขามากมายแต่จะกะคะแนนยังไงให้มันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางอะดิ
พอดีว่าชั่วโมงนี้การขอยืมใช้สถานที่การสอบชนกัน ปี1จึงต้องใช้สนามร่วมกับปี5 คนที่สอบอยู่โต๊ะข้างๆคือจอมเวทย์ฝึกหัดรุ่นพี่ปี่5 ที่กำลังสอบคาถาลบอาคมเริ่มร่ายเวทย์ขึ้นหวังทำลายอาคมของวัตถุทดลองที่ใช้สอบจากโต๊ะตรงหน้าทำเอากระแสความปั่นป่วนไปทั่วลาน
แต่แล้ว…
คาถาทำลายอาคมจากรุ่นพี่ที่พุ่งตรงไปยังวัตถุนั้นเกิดเปลี่ยนทิศทางกระทันหันตรงเข้าใส่ร่างของรุ่นน้องที่กำลังจะสอบแปลงร่างพื้นฐาน เครอนที่กระทบเข้ากับพลังเวทย์เต็มๆถึงกับกระเด็นออกไปไกล
ความแตกตื้นเกิดขึ้นทันที คณะอาจารย์รีบออกไปดูอาการแต่รุ่นพี่คนร่ายเวทย์วิ่งไปถึงก่อนใคร
"น้อง เป็นอะไรหรื……"

เสียงหายไปพร้อมกับภาพตรงหน้า ร่างหญิงสาวในชุดนักเรียนชายค่อยๆยืนพยุงตัวขึ้นใบหน้าขาวอมชมพูละเอียดงดงามราวยิ่งกับนางฟ้าเงิยขึ้นมามองรุ่นพี่ที่อึ้งตาโตเท่าไข่ห่าน เจ้าหล่อนคิ้วเลิกขึ้นเล่นน้อยอย่างสงสัยพร้อมกับเสยผมยาวที่น้ำตาลทองต้องแสงอาทิตย์เป็นประกายก่อนเรียวปากชมพู

จะเอ่ยพูดพร้อมกับยิ้มที่สดใส น่าทะนุทะนอม งามเยี่ยงเทพธิดาสวรรค์

"พี่ไม่เป็นไรหรอก ผม…"
เจ้าตัวเริ่มอึ้งเองเมื่อเริ่มจับได้ว่าเสียงทุ้มๆกลายมาเป็นเสียงหวาน หล่อนรีบก้มดูร่างดูเองก่อนที่สีหน้าซีดลงถนัดพร้อมกับใจที่แหกปากออกมาลั่น
ซวยแล้ว……..
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียวกันพร้อมๆกับปากที่อ้างค้าง คามเงียบเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ในสนามกว้าง หญิงสาวที่ตอนนี้แทบอยากจะร้องไห้กรี๊ดสลบสามตลบ
เวทย์ทำลายอาคมจากความผิดพลาดของรุ่นพี่ไม่เล็งผิดเป้ามาโดนทำให้เวทย์แปลงร่างที่เธอใช้อยู่ถูกทำลายจึงต้องกลับมาอยู่ในร่างเดิม

ไอ้รุ่นพี่งี่เง่า…….
"อะแอ่ม" เสียงแรกจากอาจารย์ที่กู้สติมาได้คนแรก ทำเอาเจ้าตัวแสบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด
อาจารย์รู้แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สติเริ่มบ้าคลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ มือไม้สั่นกริกๆเหงื่อเริ่มผุดขึ้นราวเขื่อนแตก
"เครอน ครูต้องขอบอกว่า…" อาจารย์กล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงเขียนบันทึก
อะไร????? อาจารย์โปรดกรุณาลูกช้างตัวน้อยด้วย
"เวทย์แปลงร่างของเธอสุดยอดมากจริงๆ ปลื้ม" ว่าแล้วเจ๊แกก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มในตัวลูกศิษย์ที่ตอนนี้ยืนอึ้งอยู่

กลางลานอย่างไม่เข้าใจ
อาจารย์คิดว่าการที่เขากลายร่างเป็นผู้หญิงคือเวทย์แปลงกายงั้นหรือเนี่ย
"ครูขอให้ส.สุดยอด วิชานี้เธอไปเลย เป็นประวัติศาสตร์ของโรงเรียนเราที่ได้คนมีความสามารถในการแปลงกายเข้ามาเรียน โรงเรียนนี้เลือกคนไม่ผิดจริงๆ"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" เจ้าตัวแสบกลบกลืนตามน้ำไปทั้งๆที่อยู่ในร่างผู้หญิง "ผมแค่ลองๆดูเท่านั้นเอง"
เอาตัวรอด เป็นหนึ่งในบทการสอนของอาจารย์ เครอน ทันเรอเรน เจ้าเก่า

ตอนที่ 26 จบวันแห่งการสอบ

หลังจากช่วงเวลาวิกฤตได้พาพ้นไปเพราะการเข้าใจผิดของอาจารย์ผู้น่ารักช่วยกู้สถานการณ์ได้ทันถ้วงที การสอบก็ดำเนินต่อไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากบรรดานักเรียนทั้งปีหนึ่งปีห้าต่างพากันมารุมเจ้าตัวแสบในร่าง

ผู้หญิงกันยกใหญ่อย่างไม่เป็นอันสอบ
อย่าลืม…ยกเว้นไว้คนหนึ่ง
ในที่สุดหลังจากฟันฝ่าวิชาปรุงยาที่อาจารย์เขียนลายมือเป็นลายเท้า แย่ยิ่งว่าไอ้พี่ล้านเท่าตัวมาได้ด้วยอาศัยวิชาตาผึ่งหูผึ่งถูๆไถๆมาจนผ่านก็เป็นพลังจิตเบื้องต้น จากจุดเทียนไขก็กลายเป็นเทียนพรรษาเล่นเอาคนอย่างเวล์เซนและโซรามอสถึงกับอยากจะบ้าตาย
ขนาดเทียนวันเกิดมันยังลอมล่อแล้วเทียนพรรษา….
ไม่ต้องพูดถึง
แต่มันเป็นไปอย่างมีเจ้าจอมเวทย์นั้นบอก เวล์เซนเก่งกาจในเรื่องการดับเทียนเป็นที่หนึ่ง ใหญ่เล็กแค่ไหนดับ

ได้หมดไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้มันจะมีปัญหาอะดิ ส่วนโซรามอสเชี่ยวชาญนักการทำลายเทียนของหลวง

นี่เค้าให้จุดแต่มันดันไปละลายเทียนทั้งแท่งจนหมด ไม่พอมันยังเผาโต๊ะสอบเข้าไปอีกกระทงด้วย

ค่าเสียหายมันเลยต่อควักจ่ายเอง
สุดการสอบด้วยขี่ม้าและฟันดาบ ซึ่งเป็นการสอบที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกนี้ก็ว่าได้
ไอ้การสู้เดี่ยวกับอาจารย์แกยังพอว่านะ แต่วิชาขี่ม้าเค้าเล่นวิธีนี่ครับ
"ใครเข้าเส้นชัยก่อนได้ส. ที่สองรองมาเอาย. พ. ก. ตามลำดับที่เหลือให้ต. หมด"
คำสั่งสั้นๆจากอาจารย์คุมสอบที่เล่นเอานักเรียนถึงกับปากค้างเป็นแถวๆ ถ้าเรียงแบบนี้ก็มีนักเรียนเพียงแค่4คนเท่านั้นที่จะผ่านส่วนที่เหลืออีก8คนต้องตกหมดสิ
โอ้…ช่างเป็นกฏการสอบที่น่ากระทืบคนเขียนจริงๆ
แต่ความกลุ้มใจก็เปลี่ยนเป็นโล่งใจแทนเมื่อจำนวนม้าของโรงเรียนมีจำกัดอาจารย์จึงให้แข่งออกเป็นสามรอบ รอบละสี่คน ก็แสดงว่าจะไม่มีใครได้ต.ในรายวิชานี้แม้แย่ที่สุดจะเป็นก.ก็ตามที
ต้องขอขอบคุณที่คณะกรรมการนักเรียนไม่อนุญาติให้นักเรียนปีหนึ่งมีม้าเป็นขอตัวเอง
"รายชื่อคนที่จะเข้าสอบในรอบแรก เวล์เซน โจนัท ดอฟ และ กัส"
เสียงประกาศเรียกเสียงเห่จากนักเรียนที่รอสอบกลายเป็นท่านผู้ชมไปโดยปริยาย เชียร์ดังสนั่นราวกับกำลังดู

ฟุตบอลนัดหยุดโลกก็ไม่ปาน
นักกีฬากระโดดขึ้นหลังม้าของโรงเรียนไปรอสัญญาณเริ่ม
….ปัง….
เสียงพลุเวทย์ดังขึ้น
"ม้าทุกตัวออกวิ่งไปแล้วครับ ตอนนี้โจนัทกำลังนำๆ ตรงสู่เส้นชัยไปเลยครับ แต่… เวล์เซนตามมาไล่ติดๆแล้วครับ

เป็นการแข่งที่ดุเดือดมาก สูสีกันมาก เส้นชัยอยู่ตรงหน้า ใครๆๆๆๆ" เครอนที่ตอนนี้กลับร่างผู้ชายแล้วเริ่มรายการพากย์สดการแข่งขันราวกับเป็นนักพากย์ม้ามืออาชีพ

"เข้าไปแล้วครับ เวล์เซนได้อันดับหนึ่งครับ"

เสียงเฮดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ
แข่งนัดแรกเวล์เซนเป็นฝ่ายชนะ ตามติดๆด้วยโจนัท กัสแล้วก็ดอฟปิดท้าย รอบต่อมาคารอสเข้าเป็นที่หนึ่งคู่กับโซรามอส ตัดสินไม่ได้เพราะเข้าพร้อมกันจำต้องให้ส.ทั้งคู่ ตามด้วยเจ้าตัวแสบเจ้าเก่าได้ย.ไปฟรีๆกับเจมส์ที่ทิ้งท้าย
งานพากย์ครั้งนี้ก็ตกเป็นของตัวกวนแห่งริสมาฟอรัส ที่รับหน้าที่แทน
สุดท้ายปิดงานด้วยรอบหญิงล้วนที่เจ้าตัวแสบกวนจนยับ
"ออกไปแล้ว เอนนาเรียนำเป็นคนแรก แต่ยัยบ้าอำนาจตามไปติดๆ เสียว..ระวังซิลิโคนล์หลุดนะเจ๊" ออกอาการกวนใส่เจ้าหญิงอลิสซ่า นักเรียนชายพากันฮากลิ้งสามตลบไปกับพื้น "ยัยขี้บ่นเป็นคนรั้งท้าย นี่แข่งนะจ๊ะไม่ใช่ประกวดนางสาวไทย…."
"ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะยิ่งทวีความดังจากเจ้าพวกเพื่อนๆข้างๆ
อย่าลืม ยกเว้นไว้คน ตามเคย
"ซิลิโคนล์กระเด็นไปแล้ว ที่หนึ่งเจ้าหญิงจะรีบไปเก็บใส่ซิริโคลน์ที่ไหนหรือครับ" หาเรื่อง "รองมาติดๆเอนนาเรีย

และเรน ตบท้ายคือเจ้าหญิงริสโซเรีย ที่ตอนนี้ทรงเหยาะม้ามาตามพรมไกลๆนู้น"
ว่าแล้วยัยซิลิโคนล์ก็วิ่งเข้ามาตบทันที แต่เจ้าตัวแสบไวกว่ากระโดดหลบหายตัวไปเฉยทิ้งให้บรรดาผู้ชายฮากลิ้ง จำเลยที่หายตัวไปอย่างรวจเร็วเล่นเอาเจ้าหญิงโมโหจนเลือดขึ้นหน้ากระฟัดกระเฟียดกระแทกเท้าจากไป


"ไอ้เครอน แกมันสุดยอดเลยวะ" คำชมจากเพื่อนซี้คนแรกที่เข้ามาในห้องพัก
เจ้าตัวแสบใส่ ผีโกยแน่บมาอยู่ที่ห้องของตัวเองเพื่อหลบภัย เมื่อเห็นเพื่อนๆทั้งสามเดินเข้ามาก็ถึงกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกไป
นึกว่าเป็นยัยสองคนนั้นซะอีก
แค่คิดสันหลังก็วาบๆ
เจ้าเพื่อนนักเวทย์ตัวดีคงรู้ว่าเขาจะหลบภัยอยู่ที่นี่เลยส่งขนมปังกอนหนึ่งให้ รอยยิ้มบางๆฉายขึ้นเป็นแกมขอบใจแกมแปลกใจนิดหน่อยที่คนอย่างเจ้านี้มันรู้จักเทคแคร์ดูแลคนอื่นก็เป็น

"เล่นอะไรไม่รู้จักดู" เสียงจากเจ้าแฝดผู้พี่พุดขึ้นเมื่อเจ้าตัวรับขนมปังจากมือไปกิน
"โถ แกจะเอาไรนักหนา รายการบันเทิงนานๆทีมีหน"
"บันเทิงให้ถูกสั่งตัดหัวเสียบประจานที่โครนอสหรือไม่ก็นอร์เบอรินสินะ"
คำพูดที่เครอนน้ำลายติดคอ หาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่องสองเจ้าหญิงแห่งโครนอสและนอร์เบอรินมันก็น่า

จะถูกลงโทษสถานหนักอยู่หรอกนะ แต่ว่าคนอย่างอาจารย์ เครอน ทันเรอเรน มีหรือจะไม่รอด

"ก็ถ้าฉันโดนจริงๆ ก็จะให้นายไปช่วยกล่อมไง" เครอนยิ้ม "อย่างนายพูดคำเดียวฉันก็พ้นโทษแล้ว"
"ว่าแต่นายเหอะ" เวล์เซนว่าขึ้นพลางนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือของคารอส "แปลงร่างเป็นผู้หญิง ใช้เวทย์ชั้นสูงแบบนั้นได้ยังไง"
เท่านั้นเอง ขนมปังที่กำลังเคี้ยวกรวมๆก็บังเกิดการติดคอกระทันหัน จนเจ้าคนกำลังกินหายใจไม่ออกดิ้นพรากจน

โซรามอสเอาน้ำมาให้เกือบไม่ทัน

"เป็นอะไรไป" เวล์เซนเลิกคิ้ว
"เปล่าๆ" เครอนรีบว่ากลบเกลื้อน "แค่เคี้ยวก้อนใหญ่ไปหน่อย"
"จะว่าไปแกสุดยอดเลยวะ แปลงเป็นผู้หญิงได้สวยโคตร"
คราวนี้คนกำลังดื่มน้ำแก้ขนมปังติดคอก็สำลักพรวดออกมาเป็นอีก เจ้าโซรามอสคนถามที่ไม่ได้ตั้งตัวรับก่อนจำต้อง

เปียกปอนตามระเบียบ
"ใช่ๆฉันว่าสวยจริงๆนะ เห็นพวกนักเรียนชายหลายคนเลือกกำดาวไหลไปหลายราย ถ้าแกสวยแบบนี้จริงๆ

มีหวังได้กลายเป็น ควีน แห่ง ริสมาฟอรัส แน่ๆ"
โว้ย…อยากจะบ้าตาย
ถึงในใจจะคิดแบบนั้นตามก็แกล้งตีหน้าธรรมดาปกปิด
"ก็ฉันแค่ลองเวทย์เฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงๆ"
คำโกหกจากตัวแสบฟังน่าเชื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกเว้นคนที่รู้เรื่องอยู่แล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆกับ

ไอ้นิสัยกระลอนของเจ้าหล่อนในร่างผู้ชาย
"แต่มันแปลกนะ ตอนแรกฉันยังไม่เห็นนายเริ่มร่างเวทย์อะไรเลย พอโดนเวทย์ทำลายอาคมของรุ่นพี่ก็กลายมาเป็นผู้หญิงได้"

"เหอะๆ ก็อาจเพราะแรงเวทย์ของรุ่นพี่ดันมาเสริมเวทย์ฉันมั้ง"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะแห้งๆ
"อืม น่าจะใช่" โซรามอสว่า
โชคดีที่ไอ้โซรามอสมันไม่ชอบศึกษาเวทย์เลยไม่รู้ว่า ไอ้เวทย์เสริมเวทย์อะมันไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก

ฉันโม้แกมมั้วถ่ายทอดสดๆ คิดได้เดี๋ยวนั้นเลยนะเนี่ย
คารอสที่นั่งอ่านหนังสือเองก็ถึงกับเงิยหน้าขึ้นมามองนึกขำกับคำแก้ตัวมั้วนิ่มของแฝดผู้น้องตัวเอง
"เสริมพลังเวทย์งั้นเหรอ ฉันไม่เคยได้ยิน"
เวล์เซนกล่าวขึ้นพร้อมกับคำหน้าครุ่นคิด แล้วคนอย่างเจ้าตัวแสบจะโกหกคนอย่างผู้รอบรู้ได้ไหมเนี่ย เสียววะ

ถ้าไม่รอดมีหวังได้ตกม้าตายกลางคันแน่ๆ
ถูกสอบสวน และก็ถูกสาวประวัติอีก ไม่อยากนะโว้ย
ครั้งแรกเขาโชคดีที่คนที่รู้คือเจ้าคารอส เพราะมันพูดน้อยประหยัดน้ำลายเยี่ยงชีพ แต่เวล์เซนรู้ก็ยังพอห้า

มมันไหวส่วนไอ้โซรามอส ปากมันมากมีหวังได้รู้ทั่วทั้งโรงเรียนแน่ๆ
"นี่มันเป็นเรื่องฟลุ๊ก ฉันบอกแล้ว นายหายังไงก็หาไม่เจอหรอก" พูกกลบเกลื่อนให้ตัวเองยกใหญ่
"นั้นสินะ คงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า"

ตอนที 27 งานเลี้ยง
หลังจากวันเวลาของการสอบได้ผ่านพ้นไปแบบโหดน้ำตาหลั่งนรกแตก บรรดานักเรียนก็ย่อมต้องมีพิธีเลี้ยงฉลองกันตามระเบียบให้คุ้มค่ากับการนั่งหลังขดหลังแข็งอ่านหนังสือจนเช้าแทบทุกวัน ถือเป็นพิธีรับขวัญกำลังใจประจำโรงเรียนไปแล้ว
ซึ่งสายเวทย์ตัวดีของเราก็จะไม่มีทางหน่อยหน้าสายอื่นๆเป็นอันเด็ดขาด เมื่อรุ่นพี่เล่นทุ่มทุนสร้างสั่งซื้อของจัดเลี้ยงมาเป็นกองท่วมหัวตั้งแต่สามวันก่อนเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ราคาก็เบาะๆเกือบ20000เทรนเอง
แค่สองหมื่นเทรนเอง เป็นราคาที่อาจารย์ฟังแล้วแทบจะเป็นลม
"มา…มาดื่มให้กับการจบเทอมหนึ่งของเรา" เสียงใสๆร้องนำขึ้นก่อนใคร
"เย้"
นักเรียนเวทย์ปีหนึ่งยกแก้วร้องขึ้นพร้อมกันแล้วกระดกเบียร์กันรวดเดียวหมด

เสียงปรบมือแสดงความยินดีก็ดังขึ้นจากรุ่นพี่ที่รายล้อมอยู่รอบๆวง
เป็นธรรมเนียมของสายเวทย์ที่คนเปิดงานคือรุ่นน้องที่เล็กที่สุด ซึ่งปีนี้คนกล่าวเปิดคือเจ้าตัวแสบแห่งริสมาฟอรัสได้รับเกียติจากรุ่นพี่ทั้งหลายแทนเจ้าบ้าคารอส

ที่ดีแต่ปล่อยรัศมีเยือกเย็นจนพวกรุ่นพี่ไม่กล้าเข้าไปใกล้

งานเลี้ยงที่บรรดานักเรียนรอคอยก็เริ่มขึ้นด้วยความสนุกสนาน เฮฮา ปาร์ตี้
ห้องอาหารนักเรียนสายเวทย์ที่ปกติต้องใช้ร่วมกับอาจารย์บัดนี้ถูกแปลงโฉมใหม่ทั้งหมดด้วยอาคมของพวกปี5

ที่เปลี่ยนห้องอาหารธรรมดาให้กลายเป็นปราสาทเก่าภายใต้คอนเซปร์ ปราสาทผีสิง บรรยากาศถูกร่างเวทย์ให้ดูน่าขนลุกพร้อมด้วยบรรดาผีๆที่สร้างมาจากการใช้อาคมภาพลวงตามา

ปรากฏตามที่ต่างๆนักเรียนเรียนตกใจเล่น

ยังไม่พอ อาหารมื้อนี้ก็ถูกจักให้เข้าบรรยากาศด้วยการตกแต่งจานและอาหารให้ดูเป็นแบบวันปล่อยผี ทั้งน้ำหวานสีแดงใส่ลูกตาปลอมที่ทำมาจากผลไม้ที่ลงเวทย์ลวงตาให้เหมือนของจริงจนแม้แต่เครอนยังไม่กล้าคิดจะไปแตะ แล้วยังมีของว่างเป็นรูปหูคนอีกกระทง เหมือนจริงจนน่ากลัวทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นแค่ขนมคุกกี้ที่ร่างเวทย์ใส่ก็แค่นั้น

แต่มันไม่กล้ากินโว้ย

แม้แต่เบียร์กับเหล้าก็ยังไม่เว้น ใส่เวทย์ลงไปให้เป็นสีแดงเลือดพร้อมกับฟองปุดๆขึ้นมาอีก ช่างคิดจริงๆเองนะพวกพี่
"ไอ้โซรามอส มันหาไปไหน" เครอนเดินเข้ามาถามเจ้าเพื่อนผู้รอบรู้ที่จิบเบียร์อยู่ที่มุมห้องวึ่งดูถ้าจะเป็นมุมเดียวที่น่าอยู่

ที่สุดในห้องภาพลวงตานี้แล้วก็ได้
"มันไปคุยอยู่กับพวกกัส เดี๋ยวก็มาเองแหละ"
"แล้วนายไม่ไปสนุกกับพวกรุ่นพี่เค้าตรงนู้นวะ มานั่งทำไมอยู่คนเดียว"
"ก็กะอยู่ แต่ได้ข่าวว่าวันนี้จะมีการแข่งนัดพิเศษที่รุ่นพี่เตรียมมาด้วย" เวล์เซนพูดเล่นเอาเครอนตาโต
อะไร นักพิเศษที่รุ่นพี่เตรียมมา อยากรู้ๆๆๆ
อาการอยากรู้จนออกนอกหน้าทำเอาเพื่อนข้างๆยิ้มแกมกลั้นหัวเราะ
"ไม่รู้สิ ฉันได้ข่าวมาแบบนั้น" เจ้าตัวต่อให้เมื่อเจ้าตัวแสบเริ่มดึงเสื้อเป็นเชิงถาม "เรื่องอะไรฉันไม่รู้หรอกนะ

เพราะพวกรุ่นพี่เค้าปิดเป็นความลับสุดยอด เลยได้ข่าวมาแค่นี้"
หน้าออกอาการผิดหวังอย่างจัง อะโด่ นึกว่าจะรู้ ไม่เคยได้ยินไม่ว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ในเมื่อรุ่นพี่เค้าปิดเป็นความลับสุดยอดเค้านี้แหละที่ต้องรู้ให้ได้ก่อนใคร
นายไม่น่าเกร่นเลยวะ เวล์เซน…
คำพูดภายในห้วงคิดของเวล์เซนผุดขึ้นทันใดเมื่อเห็นหลังของเจ้าตัวแสบหายเข้าไปในกลุ่มคน ดูแค่แวบเดียวก็รู้ถึงใจมันแล้วว่ามันต้องไปสอดแนมเป็นแน่แท้
คิดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ในใจก็อดขำไม่ได้
"ความลับๆๆๆๆ" เครอนวิ่งไปพูดไปอย่างตื่นเต้น "ความลับของรุ่นพี่ๆๆ มามะ มาหาพ่อเร็ว"
ว่าแล้วเจ้าตัวยิ่งใส่เกียร์แรงขึ้นหมายจะไปแอบฟังวงสนทนาของรุ่นพี่ปี5ที่จับกลุ่มคุยกันอยู่อีกฝากของห้อง
เข้าไปอีกหน่อยก็แปลงร่ายเป็นเด็กปี5ไปนั่งฟังเท่านี้ก็เรียบร้อย
คิดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง ชมตัวเองยกใหญ่กับความคิดที่แสนจะดีเด่นแกมโกงของตัวเอง คนอะไรฉลาดอย่างนี้เนี่ย

หล่อก็หล่อ ฉลาดก็ฉลาด ก็คนอย่างอาจารย์ เครอน ทันเรอเรนไง
ยอตัวเองเข้าไปนั้น จนไม่ทันดูทิศดูทาง
……โครม……
เนื่องจากการเดินมั้งนิ่มทำเอาชนเข้ากับคนๆหนึ่งเต็มแรง ร่างสูงกว่าดูจะไม่ค่อยทะทกทะท้านแต่ไอ้คนตัวเล็ก

กว่าถึงกับลงไปจุกบนพื้นเพราะแรงชน
"อ้าว เครอนเองเหรอนี่" เสียงคุ้นๆที่ไม่อยากเจออีกเป็นครั้งที่สอง
เจ้าคนที่ดวลเหล้าแพ้เขาไปเมื่อครั้งที่แล้วคือคนที่เดินชนกันเมื่อกี้นี่ ใบหน้าหล่อๆของเทพบุตรแห่งริสมาฟอรัสยิ้มให้แฝงเล่ห์ใน
อาจารย์สายนักดาบมาทำอะไรในงานเลี้ยงของจอมเวทย์กันนี้
"อาจารย์มาได้ไงอะครับ" เป็นคำถามที่คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อย
"ทำไม มาไม่ได้งั้นหรือ" เอ็ตวอลต์ว่าขึ้นบ้าง

"ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ"
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากฝ่ายอาจารย์ พร้อมกับมือที่ตบบ่าเบาๆ
"รุ่นพี่เธอเป็นคนเชิญฉันมา"
คราวนี้เครอนถึงกับขมวดคิ้ว รุ่นพี่เชิญอาจารย์มาทำไมในเมื่องานนี้เป็นของสายจอมเวทย์ หรืออาจารย์โมเมมาเองกันแน่นะเนี่ย คนอย่างอาจารย์นี่ยิ่งเชื่อใจได้ซะที่ไหนกันเล่า
"อาจารย์มาแล้วเหรอครับ" เสียงจากคนหนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่ปี5กล่าวขึ้นเมื่อเดินเขามาหา
ถ้าที่อาจารย์บอกจะจริง
"น้องคนนี้ใช่ไหมครับ" รุ่นพี่อีกคนถามขึ้นเมื่อเดิมมาถึงกล่าวขึ้นพร้อมกับมองเจ้าตัวแสบข้างๆอาจารย์
"ใช่ คนนี้แหละ" เอ็ตวอลต์ตอบพร้อมกับยิ้มให้เครอนที่ตอนนี้ทำหน้างงกำลังได้ที่

นี้มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนอย่างเขาที่มาพัวพันด้วยหนิ หรือว่าจะเป็นไอ้เรื่องที่เจ้าเวล์เซนมันบอกว่าจะมีการแข่งรอบพิเศษที่พวกพี่เตรียมมา แล้วมันแข่งอะไรที่เกี่ยว

กับเค้าแล้วก็อาจารย์เอ็ตวอลต์กันเล่า คิดสิคิดๆๆๆๆ
แล้วทันใดภาพเหตุการณ์หนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว
จ๊าก…………..
"การแข่งขันนัดพิเศษวันนี้ อาจารย์เอ็ตวอลต์ เทพบุตร แห่ง ริสมาฟอรัส จะขอล้างตากับ เครอน ทันเรอเรน

ตัวแสบประจำสายเวทย์ของเรา……."
เสียงกล่าวเปิดการแข่งขันดังขึ้นดึงความสนใจทั้งหมดของคนในห้องมารวมกัน โต๊ะยาวที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหนมีเหล้าชนิดแรงอย่างริสเฟริดถูกตั้งไว้เป็นกองๆบนโต๊ะ และตรงหัวโต๊ะคือร่างของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองที่สีหน้าคนหนึ่งยิ้มแย้มแจ่มใสกับอีกคนที่บอกได้คำเดียวว่า
บอกบุญไม่รับ
ความจริงเครอนพยายามสุดชีวิตที่จะไม่ยอมลงแข่งครั้งนี้ แต่… เขามีหรือจะสู้ไอ้อาจารย์บ้านี้ได้ ถ้าจะแค้นคราวก่อนที่แพ้เขาเป็นอย่ามากวันนี้เลยมาขอดวลแก้มือใหม่อีก
"คราวนี้500เทรน เครอนชนะ"เสียงจากโซรามอสว่าขึ้นตามเคย
"ฉันว่าคราวนี้ผลมันไม่ออก"
"เฮ"
เสียงเฮดังขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปหลายนาที ทั้งเครอนและเอ็ตวอลต์จัดการกระดกแก้วที่สิบสองผ่าน ดูเหมือนว่าคราวนี้อาจารย์แกจะไปซุ้มฝึกฝนฝีมือมาเป็นอย่างดีเพราะดูท่าจะอึดขึ้นกว่าเก่าเยอะ

ทั้งสองยังคงสถาพอยู่ได้อย่างไม่บ่งบอกอาการ เครอนที่เคยชนะอาจารย์มาแล้วยังสีหน้าเรียบเฉยระหว่างที่เอ็ตวอลต์แม้หน้าจะขึ้นสีแดงจัดเพราะเหล้าแต่ยังไงก็คงไม่ยอมล้มง่ายๆ

จนในที่สุดก็ผ่านมาแล้วถึงสิบหกแก้ว เครอนที่เริ่มออกอาการมึนๆเข้ามาในสมองเริ่มรู้สึกถึงสติที่ลอยห่างออกไปทุกทีๆ ยังไงเขาก็หลับไปตรงนี้ไม่ได้เป็นอันขาด

แก้วที่ยี่สิบอยู่ตรงหน้า เครอนและเอ็ตวอลต์เริ่มออกอาการหนักแต่ก็พยายามเอื้อมือไปหยิบมาด้วยศักดิ์ครีของ

นักดาบและเพื่อให้เรื่องมันจบๆจากนักเดินทาง แต่ตอนนี้เขา
ไม่ไหวแล้ว
……..ปัง……..
เสียงทุบโต๊ะดังสนั่นหวั่นไหวทั่งห้องอาหารปลุกคนทั้งสองที่กำลังจะหลับให้รู้สึกตัวขึ้นมาหน่อย ดวงตาขมุกขมั่วเหลือบไปสบกับดวงตาคุ้นเคยที่เริ่มงานปุ๊บก็หายหัวปั๊บ
"งานแข่งเลิกแค่นี้"
น้ำเสียงเยือกเย็นแฝงความเด็ดขาดดังขึ้นตามด้วยไอความเย็นที่แผ่ออกไปทั่วทั้งห้องตนไม่มีใครกล้าแย้งหรือพูดอะไรทั้งสิ้น คารอสก็ขว้าแขนของเจ้าตัวดีเดินออกจากห้องไปอย่างรวจเร็ว
"ยัยบ้า คิดจะหลับกลางงานเลยหรือไง" เสียงนั้นว่าดุแต่คนที่หลับอยู่ในอ้อมแขนกลับไม่รู้เรื่องอะไรบ้างเลยว่า

เกือบทำให้คนอื่นๆเค้าต้องเดือดร้อนตามมา
เครอนในร่างเดิมตอนนี้หลับปุ๋ยให้คนอย่างเขาต้องแบกมันมาส่งที่ห้อง โชคดีที่เขากลับมาทันไม่งั้นความลับบ้าบอคอแตกของมันได้แตกคาสายตาประชาชีไปแล้ว
ถึงสมองจะบ่นไม่หยุดแต่ใจตอนนี้มันอดไม่ได้ที่จะมองร่างนั้น
ร่างที่งดงามราวนางฟ้ากำลังหลับสู่นิทราในอ้อมแขน ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะก็ยากจะหาเทพธิดาที่งามเท่าได้ หญิงสาวที่งดงามที่สุดคงหนีไม่พ้นหญิงคนนี้นั้นแหละ
ถ้าไม่นับไอ้กลิ่นเหล้าที่โชยออกมาแรงจนจะอ้วกนี่แหละก็นะ
ผู้หญิงหรือเนี่ย

ตอนที่ 28 เที่ยวตลาด
"เครอน ได้ข่าวว่านายจะอยู่ช่วงปิดเทอมเหรอ"
"ใช่" เสียงเจ้าตัวกวนว่าขึ้นอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก "ฉันทำเรื่องขออาจารย์อยู่ช่วงปิดเทอมไปแล้ว"
เป็นที่ทราบกันดีว่าโรงเรียนริสมาฟอรัสจะปิดเทอมหลังสอบเสร็จเป็นเวลาเดือนหนึ่งให้นักเรียนได้กลับบ้านไปพักผ่อนตามใจ ถือเป็นเดือนที่ใครๆต่างก็รอคอย ยกเว้นบางคนที่มีเหตุผลที่จะขออยู่ต่อในช่วงปิดเทอมคงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
คารอสขอทำเรื่องอยู่ต่อ2สัปดาห์เพื่อจัดการวางแผนงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ส่วนเวล์เซนที่ตอนแรกมันคิดไว้ว่าจะอยู่แต่ถูกจดหมายจากทางบ้านเรียกตัวไปซะก่อน และสุดท้ายก็….
"โซรามอส นายจะไปตลอดปิดเทอมเลยใช่ไหม" เครอนหันไปถามเพื่อนที่นั่งจัดกระเป๋าอยู่ข้างๆ
พอดีวันนี้อยู่ห้องคนเดียว เจ้าแฝดผู้พี่ไปประชุมใหญ่เลยมาเที่ยวที่ห้องมัน
"น่าจะใช่ พ่อฉันบอกให้กลับมารายงานเรื่องที่โรงเรียนทุกๆเทอม"
"พ่อนายคุมเข้มชะมัดเลย ว่าไหม"
ไม่มีคำมาให้นอกจากรอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปากเจ้าเพื่อนที่ก้มหน้าก้มตาจัดของ ความจริงเขาเองก็พึ่งรู้มาจากเจ้าเวล์เซนว่าตระกูลมันเป็นตระกูลอัศวินที่มีชื่อของทาร์รอสการถูกคุมเข้มย่อมเป็นเรื่อง

ธรรมดาสำหรับมันอยู่แล้ว
"ว่าแต่นายเหอะ เครอน ทำไมไม่ไปเที่ยวปิดเทอมเล่า" โจนัทที่อยู่อีกฝากหนึ่งถาม
"ก็….ฉันมีบ้านให้กลับซะที่ไหน นักเดินทางก็งี้แหละ"
"ก็ไปอยู่บ้านเพื่อนดิ จะอยู่โรงเรียนทำไมวะ"

"ไม่เอาอะ บ้านเพื่อนฉันไม่อยากรบกวน อยู่โรงเรียนก็สบายดีอยู่แล้วอีกอย่างจะได้ยึดห้องคนเดียวด้วย"

รอยยิ้มกว้างฉีกบนใบหน้าพร้อมกับคำกล่าว

ครั้งที่แล้วเจ้านั้นมันแย่งเตียงฉันไป คราวนี้ฉันจะยึดเตียงนายซะแล้วบางที่อาจจะมีของดีๆให้ฉันได้ใช้เล่นบ้างก็ได้ อย่างหนังสือเวทย์วิชาลับของตระกูลมันอะไรประมาณนี้
"แต่ไอ้คารอสมันหยุดแค่ครึ่งเทอมนะ" เสียงจากโซรามอสเล่นเอาหัวใจของเจ้าตัวแสบที่กำลังพองโตแตกไม่เป็นท่า
"นั้นสิปัญหาใหญ่" เครอนพูดอย่างเบื่อๆ
"เจ้าชาย แห่ง ริสมาฟอรัส ใครจะไปเชื่อว่าอยู่ห้องเดียวกับ ตัวแสบ แห่ง ริสมาฟอรัส"
"แกก็พูดเกินไป" ตัวแสบในคำพูดว่าขึ้น "เจ้าชาย แห่ง ริสมาฟอรัส นี่มันดูไม่ค่อยสมกับมันซะเท่าไหร่เลย

มันไม่ได้มีเชื้อสายราชวงศ์ด้วยซ้ำ เรียกแบบนี้มันไม่น่าเกียจไปหน่อยเหรอฟะ"
"ฉายานี้แหละถูกแล้ว เพราะมันเป็นคนที่ได้รับการยกย่องที่สุดในโครนอสเชียวนะเฟ้ย อีกอย่างเจ้าคารอสมันได้ฉายานี้มาเองไม่ได้ตั้งตัวเองเหมือนยัยสองคนนั้น"
สองคนที่ว่าก็หนีไม่พ้นเจ้าหญิงริสโซเรียที่ตั้งตัวเองเป็น เจ้าหญิง แห่ง ริสมาฟอรัส และยัยเจ้าหญิงอลิสซ่าคู่ขาที่ตั้งเองเออเองว่า

ราชินี แห่ง ริสมาฟอรัส ช่างหน้าหนาอะไรปานนี้ คนอย่างเขายังต้องขอคาราวะในความหน้าด้านจริงๆ
"เข้าใจคิดฉายากันจริงๆ"

ว่าแล้ววันออกเดินทางของบรรดานักเรียนกลับสู่บ้านก็มาถึง เครอนลงชื่อสมัครอยู่ต่อโดยมีกัส และ ดอฟอยู่เป็นเพื่อน คารอสนานๆถึงจะได้เจอกันเพราะตอนนี้มันแทบจะย้ายข้าวของไปนอนในห้องประชุมแล้วก็ไม่ปาน
โรงเรียนที่วุ่นวายตอนนี้สงบอย่างไม่น่าเชื่อ คงเนื่องจากจำนวนนักเรียนที่ขออยู่มีเพียงหนึ่งในร้อยของจำนวนนักเรียนทั้งหมดทำให้โรงเรียนดูโล่งขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"กัส วันนี้ไปเข้าเมืองกันไหม" เสียงจากดอฟว่าขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้ามาในโรงอาหาร
"ทำไม แกกับเครอนจะไปกันเหรอ"
"ใช่ อยู่แต่ในโรงเรียนเซ็งจะตาย" เครอนที่นั่งอยู่ข้างๆดอฟว่า "ถึงแม้จะไม่มีเรียน ไม่มีงานก็เถอะนะ แต่มันน่าเบื่อชะมัดยากเลยต้องขอออกไปยืดเส้นยืดสายซะหน่อยให้หายเซ็ง"
"พวกแกคงไม่ก่อเรื่องอะไรอีกหรอกนะ" กัสกล่าวพร้อมกับเหลือบมองเพื่อนตัวกวนทั้งสองที่ยิ้มหน้าบาน "ครั้งที่แล้วพวกแกก็ออกไปก่อเรื่องขโมยของชาวบ้านเขาไปทีหนึ่งแล้วนะเฟ้ย คราวนี้แกยังไม่เข็ดอีกหรือไง ถูกสั่งกักบริเวณไปแล้วถ้าไม่ได้ฉันไปขอร้องไอ้คารอสให้มันช่วยแล้วพวกแกจะรอดมาถึงตอนนี้ไหมวะ คิดบ้างดิ"
"เอาเหอะๆ แกจะเลิกบ่นซะทีได้ไหม" ดอฟกล่าวพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่
"คราวนี้สัญญาแถมสาบานเลยว่าพวกฉันจะไม่ก่อเรื่องอีกแล้ว หน่านะๆๆๆๆ" เครอนอ้อนเจ้าเพื่อนที่ทำหน้ายักษ์ "แกมันเป็นคนดี พวกฉันก็แค่อยากออกไปเดินเล่นเท่านั้นเอง"

สายตาหวาดระแวงถลึงมองเพื่อนทั้งสองคนไปมาอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ คนหนึ่งคือตัวแสบแห่งริสมาฟอรัส ที่แสบจัดจนดังทั่วทั้งโรงเรียน อีกคนก็ตัวกวนแห่งริสมาฟอรัส ฤทธิ์มากพอกัน แล้วคนอย่างเขาจะไปรับมืออะไรมันไหววะเนี่ย คิดแล้วกลุ้มใจ

"ก็ได้ๆ แต่ห้ามพวกแกไปยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกนะเฟ้ย"
เมื่อได้รับอนุญาติเจ้าตัวแสบทั้งสองก็ยิ้มกว้างหน้าบานเป็นจานดาวเทียม สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวและยิ่งเป็นหัวของสองคนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ใครมันจะกล้าไปขวางทางพวกมันกันนี่
"ไม่ให้ไป"
คำพูดเด็ดขาดที่ดังขึ้นทำเอาทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยงเพราะไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะเครอนและดอฟที่หย้าซีดเป็นพิเศพเหลือมมองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

คารอสที่พึ่งเลิกงานประชุมคงจะเป็นคนเดียวที่ตัวแสบทั้งสองไม่สามารถรับมือได้ เพราะนอกจากจะเยือกเย็นแล้วยังไม่รู้จักรับมุขด้วย ตอนนั้นพวกเขาอุตส่าห์คิดหามุขฮาโลกแตกแต่มันกับไม่หัวเราะเลยสักแอะ ถามจริงว่ามันมีต่อมหัวเราะบ้างไหมนี่
"คารอส แกจะเอาอะไรนักหนา แค่ฉันจะขอออกไปเที่ยวตลาดบ้างก็เท่านั้นเอง" เครอนโว้ยวายขึ้น
"ออกไปเที่ยว?" คารอสทวนคำ "เรียกว่าออกไปก่อเรื่องมากกว่า เรื่องครั้งที่แล้วฉันยังไม่ได้จัดการกับนายเลย รู้ไหมว่าโทษของการขโมยของมันต้องถูกจับตัดมือลูกเดียว"
เฮือก…
เจ้าตัวก่อเรื่องสองคนถึงกับกลืนน้ำลาย
"โถ แกจะเอาไรนักหนาวะ แค่แอปเปิ้ลลูกสองลูกแม่ค้าเค้าไม่จนตายหรอก" เครอนเถียงขึ้น "พวกฉันเองก็ไม่ได้ขโมยเงินใครซะหน่อย นายก็ไม่ต้องจริงจังมากนักหรอก"
"ขโมยคือขโมย จะขโมยของอะไรมันก็คือขโมยวันยังค่ำ"
"เอาเถอะๆ" กัสห้ามทัพเมื่อรู้สึกว่ามันคงจะเถียงกันไม่จบไม่สิ้น
หัวข้อโต้ว่าทีในเรื่อง โทษของขโมย ระหว่างเจ้าชายกับตัวแสบ น่าจะเสนอคณะอาจารย์ดูวะ
"คารอส ยังไงวันนี้ก็ปล่อยๆพวกนี้ไปเที่ยวบ้างเหอะ ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในหอมาตั้งสัปดาห์เต็มๆแล้วนะเฟ้ยให้มันไปบ้างไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะคลั่งตายไปก็ได้"
"กัส แน่ใจหรือว่าเจ้าสองคนนี้มันจะไม่ก่อเรื่องอีก"
"ถ้านายไม่มั่นใจนายก็ไปด้วยกันไหมแหละ พรุ่งนี้นายว่างช่วงบ่ายไม่ใช่เหรอ"
ไอ้กัส……….
เครอนแทบจะกระโดดถีบเจ้าเพื่อนนั้นเมื่อคารอสยอมรับข้อเสนอของมัน ตอนนี้มันจึงต้องตามประกบติดหนึบเป็น...ตุ๊กแตอยู่กับเขาและดอฟ ราวกับมันเป็นผู้คุมนักโทษก็ไม่ปาน
"เฮ้ ฉันกับไอ้ดอฟขอไปดูของตรงนู้นนะ นายดูขอๆนายไปก็แล้วกัน" กัสว่าขึ้น
ว่าแล้วเพื่อนทั้งสองก็เดินหายลับเข้าไปในผู้คน
เอาตัวรอด….
แผนการอันแนบเนียนของเจ้าตัวกวนที่เอาตัวรอดไปคนเดียว ทิ้งเขาไว้กับเจ้าผู้คุมเข้มที่รับมืออยากที่สุดในตอนนี้ ยิ่งคิดยิ่งแค้นได้เจออีกเมื่อไหร่มีเรื่องแน่คอยดู

"นายจะไปไหน ถ้าไม่ไปจะได้กลับ" เสียงแรกที่ถามเล่นเอาเครอนอยากจะเตะก้านคอมันให้ตาย

"ไปสิวะ"
ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็เดินจ้ำอ้าวหายไปในกลุ่มคนอย่างหัวเสียสุดๆ ในใจนึกสงสัยว่ามันเป็นมันเพื่อนหรือมันเป็นพ่อเขากันแน่นะเนี่ย
ภาพของเพื่อนตัวดีเบื้องหน้าทำเอาคนตายด้านที่ตามติดอยู่ด้านหลังแอบอมยิ้มอยู่ในใจ ดูๆไปมันก็น่ารักดี
แต่แล้วก็ต้องขอถอนคำพูดทันควันเมื่อเครอนอาศัยจังหวะดีใส่...ผีเหยียบเกียร์ห้าหาไปอย่างรวจเร็ว คารอสเองก็กะไว้แล้วว่ามันต้องมาไม้นี่แน่จึงไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย
"ขโมย….ขโมย"
เสียงหนึ่งร้องขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เครอนวิ่งพรวดผ่านผู้คนอย่างว่องไวโดยในมือถือลูกแอปเปิ้ลที่ได้มาไว้แน่นในเสื้อคลุม รอยยิ้มกว้างฉีกอยู่บนใบหน้าไม่ได้ทุกข์ร้อนกับพวกทหารที่ไล่ตามมาแบบติดๆ
แต่แล้ว….
……..โครม……..
ร่างอันแสนเล็กก็ชนเข้าอย่างจังก็คนที่ยืนรออยู่ราวกับรู้ล่วงหน้า ใบหน้าเท่ๆของคนที่พึ่งสลัดหลุดไปเมื่อไม่นานมานี่ทอดสายตาดุๆมามองพร้อมกับมือที่บีดแขนตัวแสบไว้แน่น
"นายไปก่อเรื่องอะไรอีก"
คำถามแรกพูดขึ้นพร้อมกับแรงบีบแขนที่มากขึ้น
"วะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ไปซื้อแอปเปิ้ลมากินก็เท่านั้น"
คารอสมองหน้าแฝดผู้น้องตัวเองแบบไม่เชื่อจนเครอนโวยเข้าให้
"ก็ฉันซื้อมาจริงๆ นายจะว่าอะไรอีก"
"ไม่ได้ไปขโมยของใครเค้ามาหรือไง"
"โจรมีทั่วบ้านทั่วเมืองตั้งเยอะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวนะเฟ้ย"
"ทั้งที่นายลืมกระเป๋าสตางค์เนี่ยนะ"
เป็นคำถามที่ตรงจุดที่สุดจนเครอนสะอึก วันนี้เค้าไม่เอาเงินมาแต่จะซื้อแอปเปิ้ลได้ยังไงกันเล่า รอยยิ้มเจือนๆยิ้มให้พร้อมกับการหายตัวไปราวกับสายลมอีกครั้งของมัน
วิชาบ้าบอคอแตก โดย อาจารย์ เครอน ทันเรอเรน มันน่าจับตัดมือนัก
แต่คงทำได้แค่คิดเท่านั้นเอง กลับไปเจอเมื่อไหร่ได้เทศนาสั่งสอนกันอีกยาว
"คุณคารอสค่ะ"
เสียงหนึ่งเรียกขึ้นจากทางด้านหลังทำให้คนถูกเรียนหันกลับไปมอง แม่ค้าขายแอปเปิ้ลวัยกลางคนเจ้าเดียวกับที่เครอนขโมยเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มแบบเป็นมิตร
"นี่กระเป๋าสตางค์คุณใช่ไหมค่ะ" ว่าแล้วเธอก็ยื่นกระเป๋าเงินให้
คารอสหยิบมาดูอย่างสงสัย มันเป็นของเขาจริงๆแต่ทำไมไปอยู่กับแม่ค้ากับเล่า
"ใช่ครับ" เขาตอบเสียงเรียบๆแบบที่ใช้ประจำ "ทำไมถึงไปอยู่ที่คุณได้แหละครับ"
"คือว่า…เมื่อไม่นานมานี้มีเด็กหน้าตาคล้ายๆคุณมาซื้อแอปเปิ้ลค่ะ แล้วแกลืมกระเป๋าทิ้งไว้ ดิฉันเห็นว่ามันเหมือน

กระเป๋าของคุณเลยจะมาถามนะค่ะ"
เท่านั้นเองความคิดก็แวบเขามาในหัว มันซื้อแอปเปิ้ลได้ยังไงในเมื่อไม่มีเงิน


"ฉันไม่ขโมยเงินคนอื่น แต่ขอยืมนิดหน่อยจะเสียหายตรงไหน งกไปได้"
เจ้าตัวแสบโวยวายลั่นเมื่อโดยสำเร็จโทษให้ยืนขาเดียวกางแขนคาบไม้บรรทัดในกำแพงเวทย์ขนาดเล็กจิ๋วกลางลาน

หน้าโรงเรียนกล่าวเสียงดังใส่เจ้าแฝดผู้พี่ ไม่รู้จักสำนึกแต่ยังปากดีอีกเลยเจอผ้าปิดปากเขาให้อีกกระทง
"มือนายมันอยู่ไม่สุข แค่นี้มันยังน้อยไป" น้ำเสียงเย็นๆว่าขึ้น "อยู่ไปจนถึงเที่ยงคืนแล้วฉันจะมาแก้อาคมให้ ถ้า แต่ถ้านายไม่ยอมอยู่ในท่านี้หรือคิดแก้อาคมเองฉันจะส่งให้นายไปยืนกลางตลาด"
ว่าแล้วก็เดินทิ้งตัวจากไป คิดว่าเจ้าตัวแสบคงเข็ดไปอีกนานว่า ยุ่งกับใครไม่ยุ่งอย่ายุ่งกับคนอย่างมันเป็นเพียงพอ

ตอนที่ 29 เตรียมงาน
"ตรงนู้นจัดเวทียัง"
"กำลังจัดอยู่ครับ รุ่นพี่"
"แล้วหมายกำหนดการพิมพ์เสร็จยัง"
"พิมพ์ได้ไปส่วนหนึ่งครับ"

ความวุ่นวายกลับมาเยือนโรงเรียนริสมาฟอรัสทันทีที่เปิดเทอมมาถึง เทอมสองหรือที่เรียกกันว่าเทอมของกิจกรรมเปิดมาด้วยงานการแข่งขันประลองฝีมือภายในโรงเรียน ที่ๆถือเป็นงานการแข่งขันที่ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศและยังได้รับความสนใจจากคนทุกประเทศอีกด้วย

นักเรียนทั้งโรงเรียนถูกใช้ให้หยุดเรียนมาเตรียมงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งเตรียมสถานที่รอรับจำนวนผู้มาชม จัดการกับหมายกำหนดการและรายละเอียด และวางแผนการแข่ง วันๆหนึ่งต้องทำงานหนักหัวปักหัวปำเป็นเวลาติดต่อ

กันเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด งานแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของนักเรียน

"เครอน ช่วยดูระยะให้พี่หน่อยได้ไหม"
"ไปทางขวาอีกนิดครับ พี่เจอลาวัต"

งานครั้งนี้เจ้าตัวแสบของเราอยู่ฝ่ายจัดการดูแลบริเวณรอบนอกประสาท หน้าที่ก็ไม่มีอะไรมากแค่คอยเป็นลูกมือพวกรุ่นพี่ปี3และปี4 งานก็ตกแต่งธงตามกำแพงปราสาทกับเรื่องจัดสถานที่เท่านั้นเอง ไม่เหมือนแฝดผู้พี่ของเขาที่ต้องไปอยู่เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลความปลอยภัยกับพวกปี5และคณะอาจารย์อยู่ในปราสาทซึ่ง

นับว่างานหนักมากที่สุดในฝ่ายงานทั้งหมด โซรามอสกับเจ้าพวก กัส โจนัท และเจมส์ อยู่ฝ่ายจัดการบูรณะสถานที่

ส่วนดอฟไปอยู่การจัดพิมพ์เอกสาร และเวล์เซนเป็นผู้วางแผนการจัดงาน

ในขณะที่นักเรียนชายต้องทำงานหนักนักเรียนหญิงกลับแค่ดูแลเรื่องการต้อนรับเท่านั้น วันๆไม่ต้องทำอะไรแค่ฝึกเดิน ฝึกมารยาท ฝึกการดูแลแขกก็เท่านั้นเอง งานสบายๆจนเครอนชักแอบอิจฉา
ฟะ…ไอ้เรามันก็เป็นผู้หญิงนะเฟ้ย
"ด้านนี้จัดการเสร็จแล้วใช่ไหม" เสียงจากรุ่นพี่ผู้ตรวจตราดูแลถามขึ้น
"ครับ เหลือแต่ยอดหอคอยปราสาทอีกนิดหน่อย คิดว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้ก็คงเสร็จหมดแล้ว" เครอนชี้แจงให้รุ่นพี่ที่กำลังจดบันทึกเรื่องฟัง
"งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม"
"ครับ"
คนตรวจก็เดินจากไปดูงานที่อื่นต่อ ทิ้งให้เครอนนั่งลงปาดเหงื่อที่ไหลเต็มหน้า ถึงจะไม่ใช่ฤดูร้อนก็จริงแต่เวลาเที่ยงแบบนี้มันก็อบอ้าวใช้ย่อย แถมต้องมายืนกลางแดดแบบนี้อีกด้วย
การต้องประดับธงประจำชาติและประจำโรงเรียนผืนใหญ่มหึมาเป็นร้อยๆผืนตามกำแพงและยอดปราสาทมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เลยเมื่อเทียบกับจำนวนคนและเวลาที่มีจำกัด แข่งกับเวลามันเหนื่อยเอาการ
"ไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ไปพักก่อนก็ได้" พี่เจอลาวัตว่าพร้อมกับเดินมาดูอาการรุ่นน้อง ดวงตาสีฟ้ามองอย่างเป็นห่วงแกมสงสาร "เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง"
"ไม่เป็นไรครับ แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง"
เจอลาวัตเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ เหนื่อยนิดหน่อยแต่เหงื่อไหลเป็นเขื่อนแตกแบบนี่เนี่ยนะมันเป็นเรียกว่านิดหน่อยหรือนี้ ถ้ามันเหนื่อยคงไม่เปลี่ยนลานของโรงเรียนเป็นทะเลสาบเลยเหรอ
"งั้นงานวันนี้ก็เสร็จแล้วแหละ" เขายิ้มให้รุ่นน้องที่ทำหน้างง
"ก็ยังเหลือยอดหอคอยอีกไม่ใช่หรือ"
"เรื่องนั้นจัดการพรุ่งนี้ก็ได้" รุ่นพี่กล่าวพร้อมกับปัดผมสีดำชุ่มเหงื่อให้เข้าที่เข้าทาง "วันนี้เลิกงานแค่นี้"
เสียงประกาศจากหัวหน้าฝ่ายทำเอาลูกมือทั้งหลายยิ้มกันเป็นแถวๆรีบก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของสลายตัวกลับไปพักผ่อนทันที ยกเว้นเครอนที่นั่งพักเหนื่อยอยู่
"พี่ทำไมวันนี้เลิกเร็วอะ" ตัวแสบถามขึ้นอย่างสงสัย จ้องหน้ารุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆพร้อมกับสมองที่กำลังประมวลผล
ทำไมถึงเลิกเร็ว ปกติกว่าจะปล่อยก็3ทุ่มทุกทีแต่ครั้งนี้เที่ยงกว่าๆก็ปล่อยแล้ว ทำไมนะ หรือว่า…
"หรือว่าพี่มีนัดเดทก็สาวไว้" เจ้าตัวสรุปเองหน้าตาเฉย "โถ ทำไมไม่บอกผม บอกมาก็หมดเรื่องผมจะได้ช่วยหาสถานที่ หาของขวัญให้ อะโด่เรื่องพ่อสื่อนี่ผมมันถนัดนักรับรองจัดการได้"
เงียบ…คนฟังอึ้งในความคิดของมันจริงๆ คิดเข้าไปได้ว่าไงวะ
"คือ..วันนี้พี่ต้องกลับไปประชุมรวมงานต่อ"
….เพร้ง….
หน้าแตกแหลกเป็นผง นี่คงเป็นครั้งแรกที่คนอย่างเครอน ทันเรอเรน อยากจะมุดแทรกแผ่นดินหนี เล่นกับไอ้คารอสมันยังเงียบกลับแต่พอเจอพี่แกเข้าไปทีหน้าหมอไม่รับเย็บ
บุรุษตรงหน้าแอบอมยิ้มในใจกับสีหน้าอึ้งของตัวแสบแห่งริสมาฟอรัส เสียงหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูพร้อมกับมือที่มาขยี้หัวเขาเบาๆ
นึกเสียวสันหลังนิดหน่อยเพราะถ้าบรรดาแฟนคลับของพี่เขามาเห็นมีหวังได้โดนรุมตืบ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปพักซะหน่อย พรุ่งนี้ต้องลุยงานอีกยาว"
เครอนยิ้มแห้งๆพยักหน้าตอบก่อนจะปลีกตัวออกจากลานไป คนอะไรจะอารมณ์ดีปานนี้โดนคนอย่างเขาล้อไปตั้งกี่ครั้งก็ไม่เคยโกรธเลย ประหลาดดีแท้
"เครอนๆ"
เสียงร้องทักดังขึ้นเมื่อเขากำลังเดินผ่านห้องโถงกลางปราสาทใหญ่ดังมาจากด้านหลัง เพื่อนผู้รอบรู้เดินออกมาจากประตูห้องโถงใหญ่ที่กำลังมีประชุมฝ่ายวางแผน
"อ้าว เวล์เซน ประชุมเลิกแล้วเหรอ"

"อืมใช่ แต่เดี๋ยวก็มีประชุมรวมต่ออีกรอบบ่าย"
"นายมันประชุมประจำเลยวะไม่เหมือนไอ้เรามันต้องไปตากแดดตากเหงื่อ" เครอนระบายอย่างเซ็งๆทำให้เพื่อนรักยิ้ม
น่าอิจฉางั้นหรือ การต้องนั่งหลังขดหลังแข็งฟังบรรยายการดำเนินงานทั้งหมดเกือบเป็นวันๆ พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามันเป็นหน้าที่ๆน่าอิจฉา ถ้าเจ้าตัวแสบเพื่อนรักมาลองเป็นเขาดูมันคงจะกระโดดตึกตายไปแล้ว
"แล้วการดำเนินงานเป็นไงบ้าง" เครอนถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
"ก็เป็นไปตามแผน ฝ่ายนายก็ใกล้จะเสร็จแล้วสินะส่วนบูรณาการก็จัดการได้รวจเร็วกว่าที่คิด ถ้าติดปัญหาก็คงเป็นแค่ฝ่ายจัดพิมพ์เอกสารและก็ฝ่ายความปลอดภัย"
"เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ"
"ก็ฝ่ายจัดพิมพ์เกิดทำต้นฉบับผิดพลาดเลยต้องสั่งพิมพ์กันใหม่หมด คาดว่างานจะล้าช้าลงกว่ากำหนด" เวล์เซนว่าพร้อมกับถอนหายใจ "แต่ฝ่ายความปลอดภัยประสบปัญหาหนักเรื่องการวางพื้นที่"
"การวางพื้นที่?" เครอนทวน
"ก็คือการวางตำแหน่งของคนที่จะคอยดูแลความปลอดภัยในการแข่งขัน" เขาอธิบาย "เนื่องจากจำนวนนักเรียนของโรงเรียนทั้งหมดมีแค่300คน ต้องใช้ผู้ดูแลความปลอดภัยถึงหนึ่งในสี่ของนักเรียนทั้งหมดจำนวนคนจึงไม่พอในการวางพื้นที่ต่างๆ"
"แล้วทีปีก่อนๆก็ทำได้ไม่ใช่เหรอไง"
ดวงตาสีน้ำตาลหันมาสบตาคนถามอย่างไม่เข้าใจแวบเดียวก่อนที่จะยิ้มให้เจ้าเพื่อนตัวดีที่คิ้วขมวดเป็นโบว์ติดกัน
"นายคงไม่รู้เรื่องการประลองสินะ"
"เออสิวะ ฉันมันนักเดินทางนะเฟ้ย ไม่ใช่ปราชณ์ผู้รอบรู้อย่างแก" ตัวแสบโวยพร้อมกับแยกเขี้ยวให้ "แกรู้อะไรก็บอกๆมาเลย ไม่ต้องเก็บเงียบ"
"ก็การแข่งคืองานประลองกันระหว่างชั้นปี แบ่งเป็นการดวลดาบ ดวลเวทย์มนต์ และก็ดวลหมากรุก" เวล์เซนว่าไปยิ้มไป "แต่นั้นมันไม่ใช่งานหลักของงานครั้งนี้ งานที่ใหญ่ที่สุดคือ 'ทาร์เร่น ลีฟ' "
"แกอย่า...หยุดเล่าได้ไหม รู้ไหมว่ามันเสียอารมณ์"
เวล์เซนได้แต่ถอนหายใจกับไอ้นิสัยใจร้อนไม่เข้าท่าของเจ้าตัวแสบ ขอหยุกพักหายใจสักนิดก็ไม่ได้ เข้มจริงๆ….
" ทาร์เร่น ลีฟ คือการผจญภัยในด้านประลองต่างๆที่ยกย่องว่ายาก มีแต่คนเก่งๆเท่านั้นที่จะผ่านเข้าไปได้ถือเป็นการแข่งที่เป็นประเพณีของอาณาจักรลีฟ โดยแต่ละชั้นปีจะส่งทีมมาได้แค่ทีมเดียวเท่านั้น จำนวนต้องไม่เกิน12คนมาเข้าแข่งในรายการนี้ และอีกอย่าง 12คนที่ได้รับเลือกมานั้นจะต้องเป็นแบบคละสาย ห้ามมีสายเดียว ทีมที่ชนะนับว่าเป็นเกียติชั้นสูงเชียวนะ"
"ถ้าแข่งแบบนี้พวกรุ่นพี่ปี5ก็กินขาดหมดสิ" เครอนทำท่าครุ่นคิด
"ใช่ ปี5นับว่าได้เปรียบที่สุด" ผู้รอบรู้ว่าขึ้น "แต่ปีนี้ตัวเต็งอีกกลุ่มคือปี1อย่างเรานะ"
เท่านั้นเอง ดวงตาของคนฟังก็โตเท่ากับไข่หานใหญ่ ปี1เนี่ยนะเป็นตัวเต็ง พึ่งเข้าก็พึ่งเข้าแล้วจะมีอะไรไปสู้กลับรุ่นพี่ปี5ที่ออกจะเก่งกาจจนน่ากลัวแบบนั้นได้
"แกอย่ามาล้อเล่นสิวะ"
"ฉันไม่ได้ล้อเล่น นายนะจะรู้ว่าปีนี้ปี1มีใคร" เวล์เซนถาม แต่เครอนส่ายหัวไม่รู้เขาจึงอธิบายต่อ "มีคารอส คิลเซเรียส โครไรอิเซล ไลท์แวทส์ หนึ่งในสามสุดยอดจอมเวทย์ แห่ง โครนอส และยังมี ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ นักฆ่าอันดับหนึ่ง แห่ง คิลเรียส แค่สองคนนี้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว บ้างที่เค้ายังลือกันว่าปีหนึ่งจะยึดโรงเรียนด้วยซ้ำไป แกไม่รู้หรือไง"
"เหอะๆ" เครอนหัวเราะแห้งๆ
"แกนี่มันดวงดี มีพี่ดังเป็นถึงคิงแห่งริสมาฟอรัส แถมยังได้อยู่ห้องเดียวกับคนอย่างไอ้คารอสอีก"
โห…คิงหม้อสิไม่ว่า ใครคิดเนี่ยตั้งเป็นคิงไม่ล้มจมตายหรือ ส่วนไอ้แฝดผู้พี่เขาก็กวนบาทามันทุกวันๆจนตัวเองก็เกือบลืมไปว่ากำลังเล่นกับใคร
คงเพราะเป็นเพื่อนสนิทมั้ง เลยไม่สนใจฐานะ

ตอนที่ 30 ประชุมจัดผู้ลงแข่ง
"ท่านเครอน จดหมาย"
ทูตอารักษ์เจ้าประจำแหกปากมาแต่ไกลก่อนจะปรากฏตัวที่ช้อนกินข้าวของโซรามอสที่กำลังตักซุปเข้าปากต้องตาค้าง เกือบเบรกไม่ทัน
ซองจดหมายเล็กๆสีขาวประทับตราประจำโรงเรียนด้านขวามือและตราประจำสายเวทย์ทางซ้าย ที่จ่าหน้าก็มีแต่ชื่อ ดูยังไงก็ไม่น่าใช่จดหมายสำคัญเท่าไหร่
"นายท่าน จดหมาย"
อีกเสียงตะโกนก้องของเคน ทูตของไอ้เจ้าโซรามอสที่ในมือถืงซองแบบเดียวกับของเขาไว้ยื่นให้เจ้านายตัวเอง โซรามอสเลิกคิ้วเล้กน้อยอย่างสงสัยกับไอ้จดหมายที่ส่งมาให้ในเมื่อร้อยวันพันปีมันไม่เคยได้จดหมายจากใครสักคน ไม่เหมือนเจ้าตัวแสบที่ได้เป็นรายวัน
ตั้งแต่เมื่อวานเวล์เซนกับคารอสยังไม่ได้ออกจากห้องประชุมไปไหน โต๊ะกินข้าวเช้านี้ดูจะเงียบเหงาลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ โว้ย ไม่มีให้กวนแล้วเซ็งชะมัด
"ว่าไง เขียนมาว่าไงบ้าง" เครอถามเมื่อเห็นเพื่อนอ่านจดหมายจบ
โซรามอสมองหน้าเพื่อนที่ถามเป็นเชิงย้อนว่าทำไมไม่อ่านเองเล่า
"วันนี้มีนัดประชุมสายเวทย์ปีหนึ่งตอนเที่ยงที่ห้องรวมหอพักก็แค่นั้นเอง"
"ประชุม? เรื่องไร"
"คงหนีไม่พ้นเรื่องคัดตัวคนเข้าแข่งขันมั้ง"

เวลาเที่ยงห้องนั่งเล่นรวมของหอพักจอมเวทย์ก็ถูกนักเรียนปีหนึ่งเข้ายึด เป็นสถานที่ประชุมแน่นไปถนัดนักเรียนเริ่มทยอยมาจนเต็ม ริสโซเรียในฐานะแม่งานเป็นคนเช็ดรายชื่ออยู่บริเวณประตูทางเข้าโดยมีอลิสซ่าช่วยงานอยู่ใกล้ๆตัว งานประชุมครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นคึกครืนได้ไม่น้อย
"กัสๆ เห็นเวล์เซนกับคารอสบ้างไหม" เครอนกล่าวถามเพื่อนทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโซรามอส ดวงตาสีมรกตกวาดไปมา
"ยังไม่มาเลย คิดว่าประชุมนักคงอีกสักพัก"
"เหรอ"
งานๆๆๆ วันๆพวกมันมีแต่ทำงาน เวล์เซนยังดีมีได้เจอได้คุยกันบ้างไม่เหมือนเจ้าคารอสที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นอาทิตย์แล้ว ห้องก็ไม่กลับมานอน สงสัยมันย้ายถิ่นฐานไปนอนในห้องประชุมชัว
"ว่าแต่เรื่องที่เรียกประชุมเนี่ย เรื่องการแข่งใช่เปล่าวะ"
"ใช่ ฉันได้ข่าวมาว่างั้น" ดอฟรีบพูดพร้อมกับกระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น "เห็นว่าจะคัดตัวแทนสายเวทย์ปีหนึ่งไปแข่งกับปีหนึ่งสายอื่นๆก่อนวันนี้นะ"
"อ้าว ไม่ได้แข่งระหว่างชั้นปีเหรอ" เครอนถามอย่างสงสัยก่อนจะเหลือบไปมองเจ้าตัวกวนอย่างรำคาญ "แล้วแกจะหยุดเต้นได้ยังฟะ เห็นแล้วปวดหัว"
เจ้าตัวกวนทำหน้าจ๋อย…
"ใช่ การแข่งใหญ่คือการแข่งระหว่างชั้นปีแต่ก่อนจะเข้าแข่งแบบนี้ได้ก็ต้องแข่งย่อยเพื่อคัดตัวคนที่จะไปแข่งก่อน" เจมส์อธิบาย "เวล์เซนไม่ได้บอกเหรอไง"
"โธ่ บอกก็บอกแล้วแต่ฉันแค่จะทดสอบความรู้พวกนายก็เท่านั้นเอง"
ว่าแล้วก็หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อน ไอ้คนแสบมันไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองโง่หรอก ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ เหอะๆ
…..ปัง…..
เสียงเปิดประตูดังสนั่นจนวงสนทนาที่กำลังดำเนินเงียบลงไปในทันที คนแรกที่เดินเข้ามาคือเจ้าคนหน้าตายด้านประจำที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานแสนนานตีสีหน้าเฉยชาเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าถ้าสังเกตดีๆจะพบรอยของความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อๆนั้น ด้านหลังคือเวล์เซนที่กำลังหอบเอกสารยิ้มบางๆเป็นการทักทายแก่เพื่อนๆทั้งที่สีหน้าดูซีดเซียว
มันช่างเป็นคนดีจริงๆ เพื่อนเรา

"วันนี้ที่ฉันขอเรียกประชุมรวมของนักเรียนสายเวทย์ชั้นปี1 อย่างที่ทุกคนรู้กันแล้วว่ามะรืนนี้จะมีการแข่งคัดตัวแทนของแต่ละสายเข้าแข่งขันประเภทดาบ เวทย์ และดวลหมากรุก ฉัน อลิสซ่า คารอส และเวล์เซน จึงตกลงกันเลือกตัวแทนของพวกเรากัน ณ ที่นี้" ริสโซเรียกล่าวขึ้นนำ

"ฉันได้รับหมายกำหนดการส่งตัวแทนว่าเมื่อวานนี้" อลิสซ่าว่าต่อพร้อมกับเปิดเอกสารขึ้นอ่านให้ทุกคนฟัง "การแข่งย่อยแบบเป็นการประลองเวทย์ ส่งตัวแทนได้สายละสามคนและการแข่งคัดเลือกจะมีขึ้นมะรืนนี้ที่สนามหลังโรงเรียนช่วงเช้า ส่วนการประลองดาบส่งได้สามคนเช่นกันสถานที่แข่งคือลานหน้าปราสาทใหญ่ช่วงบ่าย สุดท้ายการแข่งเดินหมากรุก ส่งได้แค่คนเดียวเท่านั้นดวลที่หอสมุดใหญ่ รายละเอียดตัวแทนให้เวล์เซนอธิบายต่อ"

ผู้รอบรู้แห่งริมมาฟารัสเปิดเอกสารขึ้นกล่าวอย่างเฉยชา ราวกับกำลังอ่านหนังสือเล่น

"ฉันกับคารอสตกลงกันไว้แล้วว่าใครจะได้ลงอะไรบ้าง แต่ถ้าใครมีอะไรจะขอแก้หรือแสดงความเห็นก็ช่วยยกมือขอถามหลังจากฉันว่าจบ" ว่าแล้วก็อะแฮ่มๆเบาๆ "ผู้เข้าแข่งสายเวทย์สามคนคือ คารอส เอนนาเรีย และ เจมส์ สายดาบที่เลือกคือ โซรามอส กัส และโจนัท ส่วนเรื่องแข่งหมากรุกยังไม่ได้ผู้แข่งขัน มีใครมีอะไรจะถามไหม"
มือของนักเรียนผู้ฟังยกกันตรึม ภาพที่เห็นสร้างความกลุ้มแก่ผู้ดูแลงานอย่างมาก สายเวทย์นี้มันช่างสงสัยอะไรอย่างนี่เนี่ย
"เวล์เซน แล้วคนแข่งหมากรุกไม่มีเลยหรือไง" ดอฟแหกปากตะโกนถามดังสนั่นหอ
"ก็ยังตกลงไม่ได้" คำตอบสั้นๆ

"เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว" เสียงของเจ้าตัวแสบดังขึ้นทำให้ความวุ่นวายกลับมาเป็นความเงียบอีกครั้ง สายตาสงสัยมองมาเป็นจุดเดียวกับคนที่หัวเราะอย่างสบายอารมณ์ "ก็มันจริงหนิ ในบรรดาพวกเราทั้งหมดทำไมจะไม่มีคนที่เก่งเรื่องการวางหมาก เขาว่ากันว่าคนคมในฝักจะไม่แสดงตัว" เครอนว่าพร้อมกับยิ้มให้คนที่เป็นเป้าหมายอยู่ในคำพูด "ถ้าให้ฉันเลือกก็ต้องขอเสนอชื่อนาย เวล์เซน อินเทอรัส"
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทันทีเมื่อสิ้นเสียง คนโดยเสนอชื่อดูจะตกใจไม่น้อยกับแผนการมัดมือชกของเจ้าตัวแสบเพื่อนรัก เพราะมันเป็นคยเดียวที่เคยเดินหมากเล่นกับเค้าจึงรู้ถึงฤทธิ์เซี่ยนหมากรุก
"ใช่ เห็นด้วย" ดอฟทำลายความเงียบคนแรก "นายมันเหมาะที่สุดแล้ว"
"อืม เวล์เซนเป็นคนรอบคอบวางแผนดี น่าจะไปได้สวยกว่าค่ะ" เสียงสนับสนุนจากเรนอีกแรง เล่นเอาอลิสซ่าถลึงมาราวกับจะฆ่า
"ใช่ นายคู่ควรที่สุดเวล์เซน" เสียงที่ไม่น่าเชื่อว่าออกจากปากของคารอส คนที่เงียบมาตลอด
"เห็นไหมๆ ฉันบอกแล้ว" เครอนว่าพร้อมกับยิ้มก่อนจะหันไปทางอลิสซ่า "เจ๊เร็วๆรีบๆเขียนชื่อส่งเลยชักช้าอยู่ได้ เดี๋ยวส่งไม่ทันเวล์เซนมันอดแสดงฝีมือพอดี ซิลิโคนล์ก็หลุดไปแล้วยังไม่เข็…."

เท่านั้นเองหนังสือเล่มหนาปึกที่วางอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆมือเจ๊แกก็ถูกคว้าโครมเข้ากลางกระบานของคนกวนบาทาที่ยังไม่ได้ตั้งตัวก่อนต้องล้มไปนอนแบอยู่บนพื้น โทษฐานพูดจาไม่เข้าท่า
"ตกลงตามนี้" ริสโซเรียว่าพร้อมกับหันไปเกาะแกะคารอส "แล้วคารอสก็เป็นความหวังของฉันนะ มีนายอยู่การแข่งชนะอยู่แล้ว"
"นอกเรื่องแล้วเจ๊" ดอฟตะโกนขึ้น
"ริสโซเรีย งานคืองานฉันไม่มีเวลาเล่น ถ้าไม่คิดช่วยก็ไม่เป็นไร" คารอสว่าเรียบๆ
"ใจดำ ทั้งทีฉันอยากขอเป็นคนอยู่เคียงข้างนายแท้ๆ" ริสโซเรียว่าขึ้น
คารอสไม่ได้ว่าอะไรต่อนอกจากก้มดูเอกสารที่เวล์เซนยื่นส่งมาให้แล้วพูดคุยปรึกษาต่อโดยไม่สนใจเจ้าหญิงคนสวยที่กระฟักกระเฟียดอยู่เลนแม้แต่น้อย
"ตกลง เวล์เซนลงเป็นตัวแทนหมากรุก ที่หรือก็แบบเดิมใช่ไหม"
นักเรียนพยักหน้าขึ้นลงสลับไปมาแทนคำตอบ ดูแล้วตลกน่าดู
"งั้นก็ให้คารอสชี้แจงต่อ"
"เรื่องที่ฉันจะชี้แจงคือเรื่องการแข่ง ทาร์เร่น ลีฟ"
เสียงฮือฮาดังขั้นทั่วห้องก่อนจะสงบลงทันทีเมื่อไอความเย็นถูกแผ่ปกคลุมหอ
"เป็นที่รู้กันว่าการแข่งนี้ถือเป็นการแข่งที่เป็นเกียติสูงสุดในรอบปี ถือเป็นการแข่งคละสายระหว่างชั้นปี" คารอสพักหายใจนิดหน่อย "เรื่องการคัดตัวนั้นทางคณะกรรมการชั้นปีหนึ่งแต่ละสายจะตกลงกันเองจากความสามารถของแต่ละคนในสนามประลองย่อย เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะเข้าแข่งงานนี้ต้องแสดงความสามารถออกมาให้มากที่สุด ฉันแค่อยากพูดแค่นี้เพราะเกียติของสายเวทย์ปีหนึ่งขึ้นอยู่ในมือของพวกเราทุกคน ขอให้ตระหนักไว้"
คำพูดที่ดูราวกับตรึงใจคนทั้งหลายในห้องให้รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของภาระที่ตัวเองได้รับคัดเลือกให้แบกไว้บนบ่า
ความหวังของสายเวทย์ขึ้นอยู่กับพวกเขา ขึ้นอยู่ในมือคู่นี้ที่จะสร้างเกียติยศให้ต้องจารึก

"เดี๋ยวๆ" เครอนว่าเมื่อได้สติจากคำพูดนั้นเป็นคนแรกเพราะบังเกิดคำถามขึ้นในใจ "แล้วไอ้พวกที่ไม่ได้ลงแข่งย่อยก็หมดโอกาศงั้นหรือไง คารอส"
เป็นคำถามที่ตรงจุด เพราะนักเรียนเริ่มพูดคุยถามกันอีกครั้ง
"เรื่องนั้นไม่ใช่ฉะเพราะคนที่ได้แข่ง แต่คนอื่นๆก็สามารถได้เข้าร่วม ขอเพียงมุ่งมั่นให้สิ่งที่ตัวเองได้รับหน้าที่ให้ทำ ทั้งการช่วยจัดงาน แม้จะเป็นกองเชียร์ ขอเพียงเอาใจใส่ในงานที่ต้องแบกรับก็เป็นพอ"
"นายนี้มันพูดได้ดีจริงๆวะ คารอส" เครอนว่าพร้อมกับตบบ่าเพื่อนซี้แล้วหัวเราะไปกลับคนอื่นๆ
ใช่ ขอเพียงมุ่งมั่นที่จะแบกรับงานที่ตัวเองได้ทำ เพียงเท่านี้แรงแห่งความมุ่งมั่นนั้นจะสร้างพลังอันยิ่งใหญ่แก่เราเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หน้า 1-2-3-4-5-6

 

The Princess Of Darkness
Free Web Hosting