The Princess Of Darkness
แก้วแห่งความรู้แจ้ง -by The Ink

ตอนที่ 31 ปลาหมอตายเพราะปาก
"เครอน ช่วยเอาน้ำไปให้เจ้าพวกนั้นหน่อย"
"แล้วทำไมต้องเป็นฉัน มันหยิบเองก็ได้" คนเกี่ยงงานโวย
เท่านั้นเองสองฝ่ามือพิฆาตก็ซัดเข้าให้กลางหลัง เจ้าของก็ไม่ใช่ใครอื่น สองแม่งานประจำของเรานั้นเองที่พร้อมใจกันตบเจ้าตัวแสบที่ชอบอู้งานเป็นชีวิตจิตใจจำต้องทำงานแต่โดยดี

วันนี้คือวันแข่งย่อยคัดตัวแทนดวลเวทย์ และ ดาบของนักเรียนชั้นปีหนึ่งทั้งหมด เครอนซึ่งอยู่ฝ่ายจัดการดูแลงานจึงถูกสั่งให้ระเห็ดมาเป็นเบ๋อยู่ในกระโจมที่พักของผู้เข้าแข่งขันสายเวทย์
คิดแล้วเซ็งวะ
ตามตารางการแข่ง เอนนาเรียเป็นคู่เปิดสนามเจอกับนักเรียนจากสายนักบวชต่อด้วยเจมส์เป็นคู่ถัดมาส่วนคารอสในฐานะตัวเต็งหนึ่งของการแข่งขันตอนนี้นั่งอ่านหนังสือ

สบายอารมณ์อยู่ที่โต๊ะมุมในสุดลอยลำเข้ารอบชิงไปเลยโดยไม่ต้องแข่งขัน พูดง่ายๆคือสบายสุด
"เอ้า อ่านหนังสือสบายใจอยู่คนเดียวเลยนะ"
เครอนว่าขึ้นพร้อมกับวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะตรงหน้าแฝดผู้พี่ ดวงตาสีม่วงใต้กรอบแว่นหันมาสบแวบหนึ่งก็จะเมินกลับไปยังหนังสือตรงหน้าอย่างเฉยชา
"ขอบคุณสักคำไม่มีเลยนะเฟ้ย" เครอนว่าขึ้นแล้วเอื้อมมือไปขว้าแก้ว "นายไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร"
เท่านั้นเองข้อมือก็ถูกมือใหญ่ๆจับไว้เบาๆเป็นเชิงห้าม ดวงตาที่อยู่แต่ในหนังสือเงยขึ้นมองพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างงงๆของเครอน
"ฉันไม่ได้บอกว่าไม่เอา" คำพูดสั้นๆออกจากปากจอมเวทย์มาดมากตรงหน้า
"เอาเหอะๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับนาย" ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม "นายจะลงสนามแล้วทำไมยังทำใจเย็นอยู่ได้ ดูอย่างคนอื่นเค้าสิไม่เห็นเป็นเหมือนนายเลย"
พูดจบก็ชี้ไปที่เจ้าเพื่อนทั้งสองที่เป็นตัวแทนเหมือนกันเดินสวนสนามวนไปวนมาในกระโจมจนน่าปวดหัวแก่ผู้พบเห็น เอนนาเรียสีหน้าซีดบอกทำความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน มือไม้เจ้าหล่อนสั่นเป็นเจ้าเข้าพอๆกับชายหนุ่มอีกคนข้างๆที่เหงื่อไหลเป็นเขื่อนแตก
"แล้วไง"
อ้าว ถามซะเป็นวาตอบมาแค่เซนเดียว มันจะรณรงค์ประหยัดน้ำลายกับไปถึงไหนเนี่ย หรือนี่เป็นธำเนียมประเพณีดั้งเดิมจอมเวทย์ของโครนอสมันกันแน่ฟะเนี่ย
"แบบว่า ตื่นเต้นอะไม่มีบ้างเลยหรือไง"
"ตื่นเต้น?" คารอสท้วน "เรื่องอะไรแหละที่มันน่าตื่นเต้น"
"ช่างเหอะๆ ลืมไปว่านายมันตายด้าน มาดมาก งี่เง่า"
เท่านั้นเองคนถูกหลอกด่าก็ถลึงมองเข้าให้ทันที เครอนได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปก่อนที่สมองจะสั่งให้เปลี่ยนเรื่องทันควันตามหลัดการเอาตัวรอดเจ้าประจำ
"ว่าแต่นายว่าเรามีโอกาศจะชนะบ้างไหม"
"ก็พอมี" คารอสว่าอย่างไม่ใส่ใจ "เอนนาเรียลำบากหน่อยเพราะต้องเจอพวกสายนักบวช สายนั้นอาจดูไม่ค่อยมีพิษสงแต่ความจริงฝีมือเวทย์ไม่เบาหรอก หล่อนถึงจะฝีมือใช้ได้แต่ถ้าห่างชั้นก็คงลำบาก ส่วนเจมส์โอกาศชนะเรียกได้ว่าสูง สายที่เจอส่วนใหญ่คือสายดาบซึ่งเป็นสายที่ไม่ค่อยสนใจฝักใฝ่เวทย์"
"แล้วนายอะ"
เป็นคำถามที่โง่แถมงี่เง่าที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่าได้ เนื่องจากทันทีที่ถามจบเจ้าตัวก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงฆ่าตัวตายไปซะเดี๋ยวนั้น ถ้ามันมี
ถ้าคนอย่างไอ้คารอสแพ้ฟ้ามันคงถล่มลงมาทับแน่ๆ เต็งหนึ่งของการแข่งเชียวนะเฟ้ยไม่ใช่จอมเวทย์กระจอกๆ ไอ้บ้า ถามอะไรไม่รู้จัดคิด โง่ๆๆๆๆ
คารอสที่ได้แต่มองคนตรงหน้าเล่นตลกโชว์แต่เช้าด้วยแววตาสงสัยแกมขำๆ เราะอยู่ดีๆมันก็กุมขมับก่อนจะทำท่าจะบีบคอตัวเองต่ออีก แล้วอยู่ดีๆก็ยังเอาหัวกระแทกโต๊ะวะเต็มแรงจนเขาเอาแก้วหลบแทบไม่ทัน
"เครอน นายเล่นอะไร" เขาถามแต่ต้องคิ้วขมวดเมื่อเจ้าตัวแสบทำหน้าราวกับกำลังถูกเชือด เลยจำใจต้องตัดใจเปลี่ยนคำถาม
"เรื่องการแข่ง ถ้าฉันจะแพ้มันขึ้นอยู่กับว่าคู่แข่งจะเก่งแค่ไหน"
"ประสาท" เครอนว่าขึ้น "ถ้านายแพ้แล้วที่ฉันพนันไว้ก็หมดกันพอดีสิวะ"
หลุดปากขุดตัวเองลงหลุม เครอนรีบเอามือปิดปากแต่สายไปเสียแล้วเมื่อไอเย็นเริ่มแผ่ครอบคลุมกระโจมที่พักออกมาทำให้ขุนลุกเล่น
รอยยิ้มเจือนๆยิ้มสู้ทั้งทีหน้าตาซีดลงอย่างเห็นได้ชัดก็ถือคติ ใจดีสู้เสือ
ใจดีสู้ปีศาจตายด้านสิไม่ว่า
"เล่นพนันในสถานศึกษางั้นหรือ" เสียงเย็นๆว่าขึ้นทำเอาตัวแสบกลืนน้ำลายเฮือก
เวร…คราวนี้จะแก้ตัวไงดีฟะเนี่ย ปากหน๋อปาก หาเรื่องใครไม่หาดันหาเรื่องไอ้หัวหน้าชั้นปี ไอ้ปากบ้า เสียไม่เข้าเรื่อง
"โถ คารอสก็แค่เล็กๆน้อยๆกันในหมู่เพื่อนเอง" ตัวแสบแก้ตัว แต่มันยิ่งทำให้บานปลายได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อไอความเย็นยิ่งรุงแรนมาขึ้น
ว่าแล้วก็ไม่ลืมหัวเราะแห้งๆตามนิสัย
"หมู่เพื่อนงั้นเหรอ" เสียนกล่าวที่เครอนกลืนน้ำลายเฮือกรอบสอง "บอกมาว่าใครสมรู้ร่วมคิดกับนายบ้าง บอกมาให้หมดไม่งั้นฉันจะทำเรื่องไล่ออกให้หมดทุกคน"
"นายอย่าเคลียดนักสิฟะ ก็มีพวกฉันเล่นพนันกันเล่นๆเอง ไม่ได้…"
"บอกมา" เสียงที่เริ่มฟังดูน่ากลัว
"ฉัน ดอฟ กัส โซรามอส และก็รุ่นพี่อีกสองสามคน" ตัวแสบที่จนมุมตอบก้มหน้ากลับมาเบาๆ
ไอ้คนนี้มันรับมืออยากจริงๆวะ คอยดูนะเฟ้ยเผลอเมื่อไหร่ระวังเจอฉันปล่อยยัยริสโซเรียเข้าไปปล้ำนายในห้องนะ อาการมาดมากมันจะได้หายไปซะบ้าง
"เท่าไหร่" คารอสถาม
"หา?"
"ฉันถามว่าพนันไปเท่าไหร่" เสียงเย็นขึ้น
"500 เทรน" เครอนว่า "เอาหน่า นายมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง ไม่ต้องเป็นห่วงว่าฉันจะเสียพนันหรอกเพราะว่าฉันเชื่อใจเพื่อนรักอย่างแกม๊ากมากไม่งั้นฉันไมาพนันข้างนายหรอก"

ว่าแล้วยังไม่พอตบบ่าเพื่อนเข้าให้ดังปาบสนั่น ถ้าจะเจ็บน่าดูเพราะเจ้าตัวลืมตัวใส่เข้าให้เต็มแรงด้วยความรักแกมแค้นเต็มเปี่ยม
"งั้นเหรอ"
ความคิดของคนอารมณ์ดีหยุดชะงักทันควัน เดี๋ยวก่อนๆ หรือว่ามัน
"หรือแก่คิดจะล้มบอล…."
มันแข่งเวทย์แล้วมันแล้วมันจะไปแข่งบอลได้ไงฟะเนี่ย

ตอนที่ 32 ประลองเวทย์
….เฮ….
เสียงโห่ร้องเชียร์ดังกระหึ่มสนามประลองอันกว้างใหญ่ที่เกิดจากอาคมที่บรรดาอาจารย์ยกพื้นปฏพีขึ้นเป็นลานกว้างใหญ่รอรับนักเรียน

และประชาชนที่แห่กัน

มาชมการประลองคัดเลือกตัว และหนึ่งในกองทัพคนดูนั้นคือร่างของเจ้าตัวแสบขาประจำที่เล่นจองที่นั่งระดับวีไอพีเกาะขอบสนามแข่งชนิดที่เรียกได้ว่าเป็น
จิ้งจกสนาม ก็ว่าได้
"บังโว้ย ไอ้เครอน" เสียงโวยจากโซรามอส เพื่อนสนิทที่อยู่ด้านหลังว่าขึ้นแข่งกับเสียงเชียร์
เจ้าเพื่อนตัวดีนี่ที่อีกไม่นานมันเองก็ต้องขึ้นประลองดาบยังมีหน้าหนีซ้อมมาดูการแข่งอีก นิสัยแบบนี้ก็คงติดเชื้อมาจากใครบางคนนั้นแหละหนา ส่วนเวล์เซนเข้าประลองตั้งแต่เช้ายังไม่เสร็จก็ต้องเข้าใจว่าไอ้หมากรุกมันเดินกันเป็นปีๆ แถมบรรยากาศการแข่งที่นู้นเงียบเป็นป่าช้าวัดดอนชาติหน้าคนอย่างเครอนก็ไม่เข้าเหรอเฟ้ย ไม่ถูกชะตากับความเงียบ
"แกเองหนีซ้อมมาถ้าจับได้ฉันก็ซวยพอดี" เครอนหันมาว่าเพื่อนบ้างเมื่อตัวเองถูกโยนออกจากขอบเวที
"ช่างฉันเหอะน่า" โซรมอสกล่าวแล้วเข้าไปยืนที่เก่าของตัวแสบชนิดบังเต็มจอ
"บังโว้ย บังๆๆๆๆ"

เอนนาเรียคู่เปิดสนามตอนนี้จบเกมส์ไปเรียบร้อยแล้วด้วยการพ่ายต่อยัยถึกของสายนักบวชไปอย่างราบคาบ ตอนแรกใครๆก็ว่าสายนักบวชมีแต่ผู้หญิงสาวๆสวยๆพอมาเจอยัยนั้นเข้าที่เท่านั้นเอง พ่ออยากจะใส่เกียร์พ้ายวิ่งหนีไปฆ่าตัวตายที่สุดขอบโลกเลย ภาพก็คงไม่ต้องบรรยาย

"เจมส์ เอ็นคารอไซร์ ฝีมือแน่ไม่เบาเลยหนิ" เสียงแข็งกร้าวจากเจ้าชายแห่งเซนเทอรัสคู่แข่งผู้สูงศักดิ์ ในมือทรงคทาใหญ่แบบไม้เท้าสีดำสนิทประดับลูกแก้วแดงเลือดเป็นจุดศูนย์รวมพลังจิต ระหว่างที่เจมส์กลับไม่ได้ใช้คทา มีเพียงพลังจากจิตเพียงอย่างเดียว
"ทรงชมเกินไป กระหม่อมมิบังอาจ" เจมส์ว่าตามนิสัยคนชอบถ่อมตัวแต่ก็ยังสร้างน้ำวนโจมตีคู่ต่อสู้ตรงหน้าอย่างที่บ่งบอกความท้าทายที่แฝงอยู่ในใจส่วนลึก

พลังจากน้ำวนที่พุ่งเข้าสังหารคนตรงหน้าถูกกันด้วยกำแพงเวทย์ที่ล้อมรอบเจ้าตัวไว้ รอยยิ้มอันน่าเกียจฉายขึ้นมาบนใบหน้าของเจ้าชายก่อนจะสะท้อนกลับทำลายผู้ร่างเวทย์ เจมส์หลบไปได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะสร้างหอกน้ำยักย์พุ่งเข้าเป้าหมายที่ไม่ทันระวังตัวจากได้หลัง
…..อ๊าก…..
เสียงกรี๊ดร้องของเจ้าชายที่ใช้เวลาช่วงเสี้ยววินาทีกระโดดหลบแต่ก็ไม่มากพอที่จะหลบได้ทัน หอกน้ำเชือดเฉือนข้ายด้านซ้ายของผู้สูงศักดิ์เรียกเลือดสดไหลอาบแขนหยดลงบนพื้น
"แก บังอาจ" เสียงที่ตวาดลั่นก็ที่จะเสกมนต์ดำเข้ามาตรงมาหมายเอาชีวิต
เจมส์เองก็ใช้หมอกวารีเป็นโล่กำบังก่อนจะซัดหอกน้ำให้อีกระลอกใหญ่ใส่เป้าหมายที่บ้าคลั่งควบคุมตัวเองไม่อยู่ แม้เลือดจะไหลอาบท่วมเพียงไรเจ้าชายแห่งเซนเทอรัสก็ยังคงพุ่งมนต์ดำใส่อย่างไม่มีหยุดหรือที่เครอนว่าตรงๆว่า
ไม่เจียมบอดี้
พลังจิตที่เกิดจากคนจิตบ้าคลั่ง ไม่สงบ ย่อมนำภัยมาสู่ตัวเองแม้จะทรงคทาวิเศษสักเพียงไหนก็ตามทีก็ไม่อาจช่วยให้ได้รับชัยชนะ
การใส่อาคมโดยไม่คิด ทำเพียงอารมณ์โกรธก็เท่ากลับเป็นการศูนย์เปล่าเพราะไม่ว่าตัวเองก็ร่ายเรียกมาสักกี่ลูกก็ถูกม่านหมอกแห่งสายน้ำกันไว้จนหมด ความเหนื่อยอ่อนจากการใช้พลังเริ่มเข้ามาเกาะกุมร่างกายในทรุดโทรมลงเรื่อยๆ

"องค์ชาย ท่านพอแค่นี้เถอะ เวทย์ของท่านไม่มีความสงบยากจะเอาชนะเวทย์วารีนี้ได้" เสียงสงสารแกมเป็นห่วงจากคนใจดีประจำสายเวทย์นั้นว่าขึ้นเมื่อเจ้าชายหยุดซัดเวทย์

แต่แล้วราวกับทำคุณบูชาโทษเสียเองเมื่อคู่ต่อสู้ยิ่งทวีความเกรี้ยวกราดมากขึ้น มือที่หยุดนิ่งแล้วเริ่มหันมาร่ายเวทย์ใหม่อีกครั้งด้วยฤทธิ์เวทย์ที่รุนแรงกว่าเดิม
"เจ้าบังอาจดูถูกข้างั้นเหรอ" สิ้นเสียงตะโกนก่อกำเนิดพายุหมุนอาคมดำลูกใหญ่พุ่งตรงสังหารจุดหมาย

แม้จะร่ายเวทย์ดีแต่จิตที่ไม่เปิดกว้างนั้นย่อมทำให้พายุที่สมควรรุนแรงน่าเกรงกลัวกลายเป็นแค่สายลมหมุนที่ไร้พิษสงและหยุดลงตรงหน้าเจมส์ เสียแต่พลังที่ชายผู้นั้นใช้เสียไปมากร่างอันงดงามสง่าตามแบบเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ที่สะกดไม่เป็นแม้แต่คำว่าลำบากจึงทรุดลงกระอักเลือดออกมา

"กระหม่อมขออภัยที่ล่วงเกิน ขอเพียงท่านกล่าวยอมแพ้ข้าจะได้พาตัวท่านไปรักษา" คำกล่าวที่แสนจะหวังดีจากเพื่อนสายเวทย์พร้อมกับเดินไปช่วยพยุงร่างของคู่ต่อสู้
……จึก…..
ปลายดาบสั้นที่ซ่อนไว้ของเจ้าคนไม่รู้จักบุญคุณแทงเข้าให้เต็มแรงที่เอวของเจมส์ เจ้าชายที่สมควรจะฆ่าให้ตายตอนนี้ยิ้มกว้างเมื่อร่างของเพื่อนผู้หวังดีล้มลงกับพื้น
มันไว้ใจคนเกินไป
ความคิดของโซรามอสที่ยืนชมการแข่งขันแม้ตัวเองก็อดไม่ได้กับวิธีสกปรกที่สายดาบใช้ มือของเขากำหมัดแน่นอย่างแค้นเคืองแต่ร่างข้างๆที่แค่อยู่ตอนนี้มัน…
กระโดดขึ้นเวทีไปแล้ว
"ไอ้เจ้าชายหน้าชั่ว เล่นวิธีสกปรกแบบนี้ยังจะมีหน้ามาเป็นเจ้าชายอยู่อีกเหรอไง" เครอน ทันเรอเรนตะโกนแหกปากใส่ไอ้คนตรงหน้าขึ้นสีอย่างกราดเกรี้ยว
"เจ้าเป็นใคร บังอาจมาต่อว่าข้า"
….ผลัก….
คำพูดเหยียดหยามหลงตัวเองนั้นยั่วโมโหคนอย่างเจ้าตัวแสบเป็นอย่างมาก หมัดงามๆจึงสวนเข้าให้ที่ใบหน้าคุณชายนั้นเต็มแรงจนล้มลงไปนอนกลับพื้น และก่อนที่จะทำอะไรแรงไปกว่านี้โซรามอสก็รีบวิ่งไปรั่งร่างเพื่อนตัวปัญหาชอบหาเรื่องก่อนที่จะรามปามใหญ่โตไปมากกว่านี้
ไอ้คารอสมันด่ายับแน่นงานนี้
ขึ้นในใจจะคิดเช่นนั้นแต่ตัวเองก็แทบอดไม่ได้ที่จะขอฆ่าไอ้เจ้าชายชั่วนั้น และเชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่คิดอย่างเขาแต่คงไม่มีใครกล้ามาถึงขนาดเครอนได้สักคน
"แกพอได้แล้ว" โซรามอสว่าปรามคนที่ตัวเองดึงไว้
"พอบ้าอะไรเล่า แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ" เครอนตวาดใส่เพื่อน
แต่ถึงจะดิ้นจะดึงหนีสักเท่าไหร่ก็ถูกคนแรงเยอะกว่าลากคอออกมาจากสนามจนได้ ไอ้อาการบ้าเมื่อกี้จึงเริ่มจูนเข้าที่ได้เมื่ออารมณ์เริ่มสงบ
"แกทำอะไรคิดก่อนก็ดี"
"ก็ไอ้เจ้าชายนั้นมันเล่นวิธีสกปรกแล้วจะให้ฉันอยู่เฉยได้ไง"

"ที่แกทำมันก็ไม่ใช่ว่าผิด" โซรามอสแย้ง "ถ้าเป็นฉัน ฉันว่านายแน่มาก"
คำพูดที่เรียกรอยยิ้มจากเพื่อยข้างๆขึ้นมานิดหน่อย
"แต่ยังๆเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพวกกรรมการ นายไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งก็ได้"
"แล้วนายแน่นใจเหรอไงว่าพวกกรรมการนั้นจะไม่กลัวไอ้บ้านั้นจนตัดสินให้ชนะ โลกนี้มันไม่ได้มีแต่คนดีเสมอไปหรอกนะ โซรามอส นายยังอ่อนประสบการณ์"
"เครอน โซราอส"
เสียงหนึ่งตะโกนเรียกมาจนทำให้เพื่นวี้ทั้งสองมองกันไปทางต้นเสียง
เรนกำลังวิ่งมาทางพวกเขาหน้าตาตื่น
"เครอน คารอสเรียกนายไปพบที่กระโจมที่พักด่วน"
เท่านั้นเองเจ้าตัวก่อเรื่องก็เป็นอันต้องกลืนน้ำลายเฮือก
ฉันว่าแล้ว
โซรามอสนึกพร้อมกับกุมขมับ

"นายจะไม่ก่อเรื่องสักวันจะตายไหม"
น้ำเสียงเย็นยะเยือกสาดเข้าให้จากปากของแฝดผู้พี่ตรงหน้า ใบหน้าคมคายหล่อเหลาตอนนี้พยายามข่มอารมณ์ให้ใจเย็นได้ยากเต็มทีเมื่อเจอกับพฤติกรรมทำอะไรไม่รู้จักคิดของเครอน
"คารอส นายจะให้ฉันยืนดูมันฆ่าเจมส์เฉยๆงั้นเหรอไง" นิสัยเถียงคำไม่ตกฟากของตัวแสบโวยวายอย่างไม่รู้จักสำนึก
"เรื่องนี้ไงยังก็ไม่ใช่เรื่องของนาย รู้ไหมว่าทางฝั่งสายนู้นเค้าทำเรื่องเรียกร้องค่าเสียหายจากสายเราเท่าไหร่" คารอสยังคงความ

เยือกเย็นเช่นเดิมในน้ำเสียง
"ฟะ กลัวเหรอวะ ถ้าปากมากนั้นให้พี่ช่วยเก็บทิ้งซะก็หมดเรื่อง" อาการปากดีเป็นอันต้องหยุดเมื่อจอมเวทย์แห่งโครนอสเริ่มออกฤทธิ์แผ่ไอความเย็นไปทั่วทั้งกระโจมทำเอาคนสอบสวนทั้งหมดขนลุกเกรียว
"นายก่อเรื่องมาให้ฉันวันละเป็นสิบๆเรื่อง แต่เรื่องนี้ทางเซนเทอรัสไม่มีทางแน่ในเมื่อนายกล้าทำร้ายเจ้าชายของเขานายก็ต้องการตายด้วยแล้วกัน"
น้ำเสียงเฉียบขาดจาดคารอสเล่นเอาบรรดานักเรียนสายเวทย์หน้าซีดแต่คงไม่ใช่กับเจ้าตัวแสบประจำที่แม้ตอนนี้จะไม่ได้ยิ้มแบบเคย

แต่ก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว

ในอำนาจตรงหน้า
"เอาเหอะแกสองคน เถียงไปก็เปล่าประโยชน์มาช่วยกันหาวิธีแก้ไขไม่ดีกว่าเหรอไง" โซรามอสห้ามทัพเมื่อเห็นท่าไม่ดี
"ทางเซนเทอรัสตอนนี้คงยังไม่รู้เรื่องเหรอ ฉันว่าให้ไอ้เครอนมันไปขอโทษเขาก็คงพอมั้ง" โจนัทว่าขึ้น
"ขอโทษ?" เครอนตะโกน "ไม่มีวันที่ฉันจะไปขอโทษไอ้เจ้าชายหน้าชั่วนั้น"
"แล้วนายจะเอาไง" เสียงจากกัส "ไม่งั้นนายก็ต้องถูกโทษอาจถึงขั้นประหารเลยนะเฟ้ย"
"ประหารได้ก็ประหารไปสิ ระดับอย่างฉันมันสิที่ต้องตายก่อน"
"เครอน"
เสียงเรียบๆดังลั่นจากจอมเวทย์ผู้ที่ไม่เคยตวาดใครมาก่อนเล่นเอาคนหลายคนถึงกลับตัวสั่น คารอสที่ถึงแม้จะคงความนิ่งได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายแต่น้ำเสียงยิ่งเย็นลงเรื่อยๆจนน่ากลัว
"ฉันเป็นคนเซนเทอรัส จะลองเจรจากับเจ้าชายเฮนคัสให้เอง"
เสียงจากเวล์เซนที่พึ่งชนะประลองหมากรุกเสร็จสดๆร้อนๆว่าขึ้นเสียงเอาสายตาทุกคู่หยุดที่มันเป็นตาเดียว บุรุษที่ได้ชื่อว่าปราชญ์

ผู้รอบรู้ แห่ง ริสมาฟอรัส
"ถึงจะเป็นทางที่ไม่ค่อยจะรอดเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่านะค่ะ" เรนเห็นด้ว
"นั้นสิ รอให้เวล์เซนมันพูดดูก่อนถ้าไม่ได้ค่อยว่ากันอีกทีเป็นไง" โซรามอสสรุปแล้วหันไปถามความเห็นจากเจ้าสองฝาแฝดคู่กัดประจำสายที่เอาแต่จ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้
"จ้องมากเดี๋ยวก็ท้องพอดี" ดอฟว่าขึ้นลอยๆแต่รู้สึกว่าจะได้ผลเกินคาด
"คนนะ ไม่ใช่ปลากัด"
เสียงประสานของสองแฝดที่ว่าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรียกเสียงหัวเราะลั่นจากบยรรดาเพื่อนๆตัวดีเมื่อคู่กัดกลายมาเป็นคู่หูคู่รู้ใจกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่หนิ
เครอนแยกเขี้ยวใส่ให้ระหว่างที่คารอสกลับนิ่งไร้ความรู้สึกเช่นเคย
"เป็นอันตกลงเรื่องนี้" เอนนาเรียสรุป "ว่าแต่คุณเวล์เซนชนะการแข่งขันแล้วเหรอค่ะ"
น้ำเสียงหวานของหญิงสาวทำเอาอลิสซ่าแทบคลั่งเมื่อรู้ว่ามีคนจะมาแย่งเหยื่อรายเดียวกันกลับเธอ ถ้าไม่ได้ริสโซเรียฉุดไว้เสียก่อนมียำ
"เออ แล้วการแข่งเป็นไงบ้าง เล่าๆหน่อย" เครอนเข้าไปร่วมแจมกับเขาด้วย
"ก็ไม่มีอะไร หมากรุกนะเดินผิดก็เหมือนติดลบ จะชนะจะแพ้ขึ้นอยู่กับว่าใครติดลบมากกว่ากัน"
"แกอย่ากล่าวอะไรให้มันยุ่งยากมาได้ไหม" ดอฟมีร่วมวงสุมหัวโวยวาย
"แล้วยังไงถึงชนะ" กัสถามใหม่
"วะ ถามมาได้" เครอนว่าบ้างด้วยน้ำเสียงรำคาญแกมสั่งสอน "ก็กินคิงสิฟะ ไม่งั้นจะชนะได้ไง"
…..ตุบ….
ฝ่าเท้าจะลูกศิษย์ผู้ถูกสั่งสอนก็ตืบเข้าให้
ใครบ้าจะไม่รู้ว่ากินคิงถึงจะชนะ
"กินควีนมั้งไอ้นี่" กัสว่าให้เพื่อนๆหัวเราะเล่น
"ตกลงว่าไง เวล์เซน" คารอสถามขึ้น "ทำไมวันนี้เล่นเสร็จเร็ว"
"ก็ฉันจับฉลากได้รอบรองชนะเลิศเลยไม่ต้องแข่งมาก ดวลแค่ครั้งเดียวก็ผ่านแล้วเหลือแต่รอชิงอย่างเดียว" เวล์เซนว่าพร้อมกับยักไหล่ "ก็ดีเหมือนกันจะได้มาดูนายแข่ง"
จริงสิ วันนี้มันใกล้จะถึงรอบมันแข่งแล้วนี้หว่า รอบชิงชนะเลิศของการดวลเวทย์
"คารอส นายขึ้นตอนไหน" โจนัทถาม
"รอบต่อไปนี้แหละ"
"แล้วยืนอยู่ทำไมเล่า ไปเปลี่ยนชุดสิฟะ" เครอนว่าพร้อมกับกระโดดไปผลักให้คนตัวสูงให้ขยับแต่ไม่เป็นผล
ความจริงทางโรงเรียนไม่ได้บอกว่าห้ามใส่ชุดนักเรียนลงแข่งขันแต่ส่วนใหญ่เค้าจะไม่ใส่กันเพราะอาจะโดนเวทย์อาคมจำพวกดาบ

ฉีกขาดหรืออาจเปื้อนเลือก

จนล้างไม่ออกอะไรประมาณนี้เป็นเหตุให้ต้องซื้อเสื้อใหม่
"ไม่จำเป็น" เสียงเรียบๆว่าขึ้น
มันรวยมาจากไหนฟะ ชอบหาเรื่องซื้อเสื้อใหม่นักเหรอไง ถ้ามีติดที่ว่าเสื้อมันมีขริบขาวคนอย่างเครอน ทันเรอเรนหรือจะปล่อยให้เสียของ พ่อจะจิ๊กสักตัวสองตัว
"แล้วคทาแหละคารอส ไม่มีเอาของฉันไปใช้ก่อนก็ได้" ว่าแล้วเจ้าหญิงเจ้าเห็นแต่ตัวประจำสายก็วิ่งโล่มาพร้อมกับมอบคทาให้อย่างเป็นห่วงเป็นใย
นึกแล้วอยากจะให้คนมีวาดภาพเก็บไว้เป็นที่สุด ยังกะถ่ายเอ็มวีตอนนางเอกให้ของหมั่นพระเอกยังไงยั่งงั้น

คทาใหญ่แบบไม้เท้าสีขาวอมแดงหัวคทาประดับอัญมณีก่อนโตสีชมพูดูไม่เข้าเลยกับคนหล่อเท่ มาดแมนอย่างไอ้คารอส เพราะมันทำให้คนอย่างเครอนนึกถึงตู๊ดยังไงไม่รู้ แล้วอีกอย่างคทาของคุณเธอออกจะเล็กเหมาะมือพวกผู้หญิงก้จริงแต่คงไม่เหมาะมือชาย

"ไม่จำเป็น" เสียงตอบที่ราวกับไม่มีอยู่ในสายตาทำเอาเจ้าหญิงหน้างอกระแทกเท้าเดินมายื่นให้ตรงหน้า
"ไม่มีคทาแล้วจะชนะได้ยังไง คารอส" น้ำเสียงออกคำสั่งราวกับเป็นเจ้า "คทาวิเศษแห่งนอร์เบอรินรับไป นี้เป็นคำสั่ง"
"ขอปฏิเสธ ของอย่างนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใช้" คารอสว่าแบบไม่สนใจมองหน้า "องค์หญิงติดคทามากไป เวทย์ที่แม้จริงขึ้นอยู่กับจิตไม่ใช่ของวิเศษ คนที่จิตฝุ่งซ่านก็ไม่มีคุณสมบัตินักเวทย์"
คำพูดสั่งสอนของจอมเวทย์แห่งโครนอสทำเอาเจ้าหญิงไม่พอใจอย่างมาก
"นายกล้าขัดฉันงั้นเหรอ" ริสโซเรียตวาดลั่น
"อย่าเอาแต่ใจตัวเองไป ถึงเธอจะเป็นเจ้าหญิงแต่ที่นี่ไม่ใช่นอร์เบอรินและคนที่นี่ไม่ใช่เบี้ยล่างของเธอ ริสโซเรีย"
"ครั้งสุดท้ายนี้เป็นคำสั่งฉัน รับคทาไป" น้ำเสียงแหกปากอย่างกับคุณหนูที่ไม่เคยถูกขัดใจดังสนั่นชนิดโทรโข่งบวกโฮมเทียเตอร์ยังอาย
"ขอปฏิเสธ" เสียงเรียบเช่นเดิมกล่าวก่อนจะปลีกตัวจากไปแบบไร้เยื่อใยสุดๆ
เท่านั้นเองคทาวิเศษของเจ้าหญิงก็ถูกนายของตัวเองขว้าใส่ตู้ไม้โครมอย่างไม่ปราณีพร้อมด้วยเสียงกรี๊ดร้องอาละวาดจากเจ้าหญิงคนสำคัญที่ถูกตามใจ

มาตั้งแต่ยังเล็ก เลี้ยงมาแบบที่ทำให้เจ้าตัวคิดว่า
อยากได้อะไรก็ต้องได้
ไม่เคยรู้ถึงความรำบากหรือแม้แต่การถูกขัดใจมากก่อน คงต้องโทษคิงแอนควีนแห่งนอร์เบอรินที่เลี้ยงลูกตามใจเกินไป
"ไปเหอะวะ" เครอนว่าให้เพื่อนข้างๆพร้อมกับเดินตามคารอสจากไป

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเป็นนัดหยุดโลกเลยก็ว่าได้ การแข่งที่ใครๆต่างก็จับตามองเมื่อเป็นการปะทะกันระหว่างบุรุษตำแหน่งเต็งหนึ่งฉายาเจ้าชายแห่งริสมาฟอรัสกับเต็งสองจากสายนักบวช
คารอสขอแข่งด้วยมือเปล่าไร้ซึ่งอาวุทประดับกาย เสื้อคลุมประจำสายเวทย์สีดำตัดกับเสื้อเชิ้ดสีขาวของคู่ต่อสู้ตัวแทนสายนักบวชที่ใช้คทา ถ้าไม่เพราะเจมส์ถูกทำลายอาการหนักพวกเขาเองก็เชื่อว่ามันมีสิทธิลุ้นเข้ารอบชิงเช่นกัน
"เวล์เซนนะ ขอฉันไปดูใกล้ๆสนามหน่อยได้ปะ" เสียงหนึ่งร้องขึ้นทลามกลางกองทัพผู้ชนผู้มาชมการแข่ง
เจ้าตัวแสบเข้าอ้อนเพื่อนข้างๆอย่างไม่อายปากจนปราชณ์บางคนถึงกับขนลุก
"ไม่" เสียงตอบจากกัสอีกข้างตอบแทน "พวกฉันต้องอยู่คุมประพฤตินายที่นี่ห้ามนายไปก่อเรื่องอีก"
ถูกต้องนะคร้าบ… คำสั่งคุมประพฤติจากเจ้าชายแห่งริสมาฟอรัสให้คนอย่างเครอนต้องระเห็ดไปนั่งที่แทนที่จะได้เป็นจิ้งจกเกาะสนาม แถมยังไม่พอแค่นั้นยังส่งเจ้าเวล์เซน กัส โจนัท และเอนนาเรียมาเป็นผู้คุมนักโทษอีกกระทง
"โถ ก็ตรงนี้มันดูไม่มันหนิหว่า" เครอนโวยแล้วหันไปทางเอนนาเรีย "น้าช่วยหน่อยสิ ฉันแค่อยากดูใกล้ๆเองรับรองไม่ก่อเรื่องก่อราวอีกเอ้า"
"ไม่" สี่เสียงประสานใส่เข้าให้
โห…น้ำจิ้ม
เครอนผู้โชคร้ายเจอน้ำจิ้มสี่ทิศสูตรเด็ดตราคิงคองยักคิ้วเข้าไปเต็มๆรีบเช็ดหน้าตัวเองยกใหญ่ก่อนที่เสียงประกาศจะดังขึ้น
"การแข่งย่อยรอบชิงชนะเลิศปี1 เต็งหนึ่งคารอส คิลเซเรียส โครไรอิเซล ไลท์เวสท์ แห่ง โครนอส ปะทะเต็งสอง เจ้าชาย

วอลเตอร์ ไซริส แห่ง ไซร์ลัส" พีธีกรประกาศเปิดการแข่งดังก้อง
"เจ้าชายแห่งไซร์ลัส?" โจนัททวนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
"อาณาจักรเดท" โซรามอสว่าต่อ
"ทำไมถึงมาอยู่สายนักบวชได้แหละ" เอนนาเรียคิ้วขมวด
เป็นอย่างที่เอนนาเรียกล่าว อาณาจักรแห่งความตายคือเดท ที่ตั้งตะหง่านขั้นกับอาณาจักรลีฟด้วยมหาทะเลสาบฮาร์ฟเป็นที่สุดท้ายถ้าใครคิดจะเข้าไปในเดทโดยเฉพาะนครแห่งความตาย เกรย์ดอฟ ที่กล่าวเป็นนรกแห่งความมืด ไซร์ลัสเองก็คือหนึ่งในประเทศของอาณาจักรนั้น
เครอนในฐานะนักเดินทางดูจะไม่แตกตื่นที่สุดในกลุ่ม เพราะคิลเลียสของเจ้าพี่งี่เง่าก็เป็นหนึ่งในเดทเช่นกันสำหรับนักเดินทางจึงเป็นเรื่องธรรมดา
"เจ้าชายจากเดทกับการเป็นนักบวช ดูไม่ค่อยเข้ากันเลย" เครอนว่า
"ได้ข่าวมาว่าเจ้าชายวอลเตอร์เป็นว่าที่คิงคนต่อไปของไซร์ลัส งานแต่เห็นว่าเป็นคนที่เป็นพระเจ้าหลานเธอไม่ใช่ลูกหนิ" เวล์เซนว่า
"ใช่ ลูกชายของคิงแห่งไซร์ลัสหายสาบสูญไป" คำกล่าวของนักเดินทางมากประสบการณ์
"แต่ทำไมถึงไปอยู่สายนักบวชได้" โซรามอสถามอย่างสงสัย
"เพราะมีคุณสมบัติ"
เสียงที่เครอนคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมๆกับการปรากฏตัวของสองคู่ซี้ปาท่องไก๋อาจารย์เดินมานั่งที่นั่งข้างๆพวกเขา

เวลล์ อาจารย์แอนเพื่อนของเครอนคือผู้กล่าวตอบคำถาม ใบหน้าเรียบๆแฝงเฉียบคมและความเป็นผู้ใหญ่ในตัวยิ้มให้บรรดานักเรียนที่ทำหน้างงนัยน์ตาสีน้ำเงินมีแววเป็นมิตรนั่งลงข้างๆเวล์เซน อีกคนคืออาจารย์เอ็ตวอลต์ที่พวกเขาเจอคนั้งสุดท้ายคือเมื่องานเลี้ยงปิดเทอมครั้งนั้นตอนนี้ที่เลือกนั่งลงข้างโจนัท
"ใครเหรอเครอน" กัสกระซิบถาม

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพื่อนๆของเขาจะไม่รู้จักเวลล์ ก็แน่แหละเมื่อการเรียนเวทย์เฉพาะสายมันแยกกันเรียนแล้วพวกนี้มันจะไปรู้จักอาจารย์เวทย์แห่งความมืดไหมแหละ และอีกอย่างเขากับเวลล์รู้จักเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำเลยยิ่งไม่เหมือนศิษย์อาจารย์
"พี่เวลล์ อาจารย์เวทย์แห่งความมืด"
คำตอบที่ทำกัสสีหน้าปั้นยาก
"ที่ว่าคุณสมบัติมันยังไงกัน" เวล์เซนเป็นคนแรกที่กว่าถามเวลล์
"สายนักบวชไม่ใช่ว่าจะมีแต่นักบวชที่ดี นักบวชเองก็มีได้ทั้งดีทั้งชั่ว ชั่วก็อยู่ได้" เวลล์กล่าวเรียบๆ "ถ้าเป็นนักบวชดีก็คือไวท์ ชั่วก็เป็นแบล็ค เหมือนอาชีพอื่นๆนั้นแหละ"
"งั้นเจ้าชายคนนี้เป็นขาวหรือเป็นดำแหละค่ะ"เอนนาเรียถาม
"คิดว่าเป็นอะไรแหละ" เวลล์ว่าพร้อมกับยิ้ม
แบล็ค…
เจ้าชายวอลเตอร์แห่งไซร์ลัสเป็นนักบวชดำแน่นอน
"วายุวาตะ"
เสียงประกาศก้องเรียงพายุมนต์ดำลูกมหึมาซัดตรงมายังคู่ต่อสู้ทันทีที่สิ้นเสียงพิธีกรประกาศเริ่มแข่งโดยไม่ได้ดูหน้าดูหลังเลยว่าเค้ายังไม่ได้ลง

จากเวทีเลยด้วยซ้ำ

พิธีกรผู้โชคร้ายเป็นอันต้องกระโดดลงจากเวทีก่อนชีวิตจะเป็นอันหาไม่ ในใจคงคิดว่าโช ซ้ำซวยซ้อนเสียเหลือเกิน

แต่พายุใหญ่ก็ต้องเป็นอันต้องดับวูบเมื่อคนเข้ากับกำแพงจิตเวทย์ที่มองไม่เห็นของคารอสทำลายอาคมแห่งความมืดของเจ้าชายเสียสิ้นอย่าง

รวจเร็วเกินคาด แรงโทสะของวอลเตอร์ยิ่งประทุพึมพำอาคมชั่วอึดใจเดียวท้องนภาเหนือสนามแข่งก็ดำมืดลงทั้งๆที่เป็นตอนกลางวันแสกๆ
บัลดาลสายอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงตรงจุดหน้าไอ้จอมเวทย์บ้าไปเพียงไม่กี่เมตรอย่างข่มขู่ก่อนที่สายที่สองจะตามมาหวังสังหารปิดกระดาน
……ตูม…..
สายฟ้าปะทะกับเกราะพลังต้านทานเข้าอย่างจัง
"ว่าไงจอมเวทย์ผู้โด่งดังแห่งโครนอส ทำได้แค่ป้องกันตัวเองงั้นเหรอไง" คำพูดยั่วโทสะจากปากของวอลเตอร์
แต่คารอสไม่ได้สนใจอะไรกับคำกล่าวของเจ้าชาย โบกมือเพียงครั้วเดียวก็ทำลายอาคมนั้นให้หายไปในพริบตาเดียวท่องฟ้าก็กลับมาเป็นแบบเดิมทลามกลางสายตานับหมื่นของคนดู
ห่างชั้น ห่างชั้นมากเกินไป
เจ้าชายผู้สูงศักดิ์เริ่มตะหนักขถึงจุดยืนของตัวเอง คนตรงหน้าชนะทั้งด้านพลังสมาธิทั้งด้านความแข็งแกร่งทางจิตใจ แม้เวทย์ที่ตัวเขาเองคิดว่าแน่ที่สุดยังถูกทำลายอย่างง่ายดายขนาดนี้
"มหาเวทย์แห่งความมืด ข้าขอเชิญพลังแห่งธิดาเทพนางหญิงผู้ปกครองเหนือหัวข้า โปรดขอยืมพลังทำลายความสว่าง

ขอมอบชัยอันครค่าแก่ความตาย โปรดทรง…."
วอลเตอร์เริ่มบริกรรมเวทย์มนต์ใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นเป็นทางเดียวที่เจ้าตัวคิดว่ามีสิทธิที่จะชนะคนอย่างคารอสโดยการขอเชิญพลังแห่งธิดาผู้อยู่เหนือหัว

ความมืด เจ้าหญิงแห่งเกรย์ดอฟ
"เครอน นายเป็นอะไร" โซรามอสเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าเจ้าตัวแสบเริ่มหน้าซีดลงจนน่ากลัว
เครอนก้มหน้าลงอย่างเจ็บแสบ หัวใจของเขากำลังบีบรัด ดวงตามรกตที่ก้อมหลบสายตาเพื่อนๆเริ่มออกอาการเปลี่ยนเป็นสีเลือด
"อาคมความมืด" เวลล์ว่าคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ "ใช่ไม่รู้จักประเมินตัวเอง"
"อาคมที่สืบทอดในราชวงศ์ เจ้าชายวอลเตอร์แอบฝึกงั้นเหรอ" เวล์เซนต่อ
"เฮ้ย เครอน" โซรามอสว่าพร้อมกับเขย่าตัวเพื่อนซี้อย่างเป็นห่วง
……อ๊าก……
เสียงกรี๊ดร้องโหยหวนจากเจ้าชายผู้ริอาจท้าทายอำนาจของสตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด บทลงโทษอันสาสมกับผู้ไม่เจียมตัวคือพลังความมืดที่รุนแรงพุ่งเข้าปะทะอย่างรวดเร็วจากที่ใดก็ไม่อาจรู้
"บังอาจท้าทายอำนาจฉัน" เสียงที่ออกจากปากของวอลเตอร์กลับกลายเป็นเสียงกร้าวแฝงพลังอำนาจของหญิงสาว
"ขออภัยเจ้านาง กรุณาไว้ชีวิตข้าน้องด้วยเถิด" วอลเตอร์ร้องขอชีวิตร่างกายดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน
"ไม่มีคำว่าแก้ตัวสำหรับฉัน" คำประกาศสุดท้าย
เจ้าชายแห่งไซร์ลัสดิ้นพร้อมกับร้องอย่างทุกข์ทรมานก่อนจะสิ้นใจตายไปตรงหน้าพยานนับพันนับหมื่น ตำนานถึงธิดาเทพแห่งเดทที่ใครๆก็เกรงกลัวประจักความตายต่อหน้าต่อตาให้ทุกคนลืมหายใจ
"เครอน"

เสียงแหกปากลั่นของโซรามอสคือเสียงแรกในความเงียบนั้น เจ้าตัวแสบที่อาการย้ำแย่ตอนนี้หมดสติลบไปกับพื้น


ตอนที่ 33 นารีผู้ผูกพันธะแห่งความมืด
"ว่าไงนะ" สองเสียงประสานลั่น
"พันธะแห่งความมืด"
จอมเวทย์แห่งโครนอสกล่าวขึ้นเบาๆในห้องพยาบาลที่คนป่วยนอนหมดสติอยู่ในร่างผู้ชาย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไหวตัวทันร่ายเวทย์แปลงกายให้ก่อนที่มันจะกลับร่างเดิมความลับของเครอนคงเป็นอันต้องแตก
สองนัยน์ตาประสานกันของสองเพื่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลเฉียบแหลมเป็นผู้ใหญ่ดูไม่ค่อยแตกตื่นกับอะไรมากนักราวกับรู้อยู่แล้วตรงข้ามกับดวงตาสีเขียวน้ำทะเลที่ส่อแววตื่นอย่างเห็นได้ชัด
"แกจะบอกว่าเครอนที่ส่วนเกี่ยวข้องกับธิดาเทพงั้นหรือ" โซรามอสถามอย่างไม่แน่ใจ
"เป็นไปได้สูง" คารอสว่า "ฟังจากที่นายเล่ามาฉันว่าต้องมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับธิดาเทพหรือพลังแห่งความมืดไม่มากก็น้อยนั้นแหละ"
"ใช่ แต่งานนี้เรายังสรุปได้ไม่แน่ชัด" เวล์เซนเหลือบมองเพื่อนที่อาการดูดีขึ้น
"บอกคณะอาจารย์ดีไหม"
ข้อเสนอจากโซรามอสเรียกเอาความเงียบปกคลุมห้อง การจะบอกคณะอาจารย์แห่งริสมาฟอรัสไม่ใช่เรื่องยากแต่ถ้าเกิดเครอนมันมีพันธะกับความมืดจริงๆคงต้องถูกจำกัดทิ้งก็ว่าได้
"ฉันว่าไม่ดีกว่า" เวล์เซนพูดทำลายความเงียบ "ไม่ว่าเครอนมันจะรู้ตัวเองหรือไม่ถ้าจะนำไปบอกคณะอาจารย์มันอาจถูกกักตัวตลอดชีวิตก็ว่าได้ เพราะคนที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันธ์กับธิดาเทพส่วนใหญ่จะถูกสั่งเก็บทิ้งทั้งสิ้น"
คำกล่าวที่เล่นเอาโซรามอสกลืนน้ำลาย
"ฉันเห็นด้วยกับเวล์เซน งานนี้เราจัดการกันเองง่ายกว่า" คารอสสนับสนุน
"เอางั้นก็ดี" โซรามอสถอนหายใจ "ฉันยังไม่อยากเสียเพื่อนไป ไอ้หมอนั้นมันคงโกรธมากแน่ๆถ้าฉันทำกับมันแบบนั้น"
"ว่าแต่คารอส" เวล์เซนหันมาถาม "ทำไมต้องตื่นขนาดนั้นด้วยตอนที่เครอนมันเป็นลมไปอยู่ดีๆนายก็กระโดดลงจากเวทีไปอุ้มมันเฉยเลย"
เป็นคำถามยิงเข้าเต็มประตูคนอย่างคารอสเกือบมาดหลุดถ้าไม่ใช่เพราะตีหน้านิ่งขึ้นมาทัน
"ถ้าปล่อยไว้แบบนั้นอาจารย์อาจจะสงสัยเอาได้" คำตอบเลี่ยงๆแต่ก็ฟังดูมีเหตุผล
"จริงสิ ฉันต้องลงไปดวลดาบแล้ว" โซรามอสโพลงขึ้น "นายก็ต้องไปแข่งหมากไม่ใช่เหรอเวล์เซน"
"อืม" เวล์เซนรับแล้วทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามโซรามอสจากไป "นายอยู่เฝ้าเครอนไปก็แล้วกัน"
เมื่อเพื่อนทั้งสองจากไปความเงียบก็โรยตัวเข้ามา อาจารย์ประจำห้องพยาบาลตอนนี้ไปดูแลภาคสนามอยู่ที่สนามประลองด้านล่างห้องพยาบาลจึงไม่มีใครยกเว้นพวกเขาสองคน

จอมเวทย์หนุ่มโบกมือทำลายอาคมแปลงร่างของตัวเองเผ่ยให้เห็นร่างอันงดงามของหญิงสาวเข้ามาแทนที่ชายหนุ่มตัวแสบคนก่อน ใบหน้าอันงานราวเทพแม้ยามหลับผมยาวระบ่าต้องแสงอาทิตย์ส่องเป็นประกายกับริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบชวนให้หลงใหล

แม้ความงามตรงหน้า แม้เป็นเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนสนิทที่อยู่ใกล้แล้วไม่เคยเบื่อ เพื่อนที่ทำให้ไม่เคยเหงา เพื่อนคนแรกในชีวิต แต่คำสั่งย่อมเป็นคำสั่ง
….จะมีสตรีผู้มีพันธะแห่งความมืดมาเรียนในริสมาฟอรัส จงฆ่าทิ้งเสียเพื่อตัดภัยอันจะเป็นสาเหตุแห่งหายนะ…..
คำสั่งที่อยู่ในจดหมายจากอานอส ท่านอาผู้สูงศักดิ์แห่งโครนอสเมื่อหลายเดือนก่อนเขายังจำได้ดี ช่วงเวลาหลายเดือนที่เขาใช้อาคมตามหาหญิงคนนั้นแต่เธอกับอยู่แค่ปลายจมูกของเขาเองหรือนี่ ชีวิตช่างเล่นตลกจริงๆ
คารอสพึมพำเวทย์ดาบสั้นเล่มหนึ่งก็ปรากฏที่มือขวา ดาบที่จะสังหารสตรีเบื้องหน้า แค่แทงครั้งเดียวเท่านั้นแต่มันช่างยากเสียเหลือเกิน ยากจะข่มใจให้กล้าพอจะลงดาบ
"ถ้าของแพงๆมีค่ามากกว่าเพื่อนแหละก็นะ แต่ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย วัตถุสักวันก็ย่อมสลายไปตามกาลเวลาแต่มิตรภาพนั้นมันไม่มีวันสลาย ระยะทางก็มิอาจพรากจาก" รอยยิ้มบางๆปรากฏที่มุมปากก่อนจะหันมาสบนัยน์ตาสีม่วง "สำหรับฉันเพื่อนย่อมมาก่อนเสมอ"
คำพูดของใครบางคนดังขึ้นในความทรงจำราวกับภาพย้อน
"เพื่อนงั้นเหรอ" เขาพึมพำกับตัวเอง "นายพูดถูกเครอน กษัตริย์ไม่ได้ต่างอะไรจากปีศาจนักหรอก"
ฉับพลันดาบสั้นก็แทงลง
"แต่ฉันเป็นจอมเวทย์ไม่ใช่กษัตริย์"
"เครอน"
เสียงเรียกที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท
"เครอนๆ"
เปลือกตาค่อยๆเปิดออกจากความมืดช้าๆ
ภาพแรกที่เห็นคือชายหนุ่มผมสีเงินผู้เอามือเขาไปกุมแน่นทอดสายตามองด้วยแววตาที่ทั้งอ่อนโยนและห่วงใย นัยน์ตาสีฟ้าคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันนานราวกับเป็นปีทั้งๆที่ห่างกันแค่เอื้อมมือ
"พี่"
ครอสล์พลายยิ้มบางๆที่มุมปากก่อนที่เครอนจะสังเกตุว่ามีสตรีอีกคนข้างๆพี่ชายของเธอ หญิงสาวที่ใบหน้าสาวใสมองเขาจากดวงตาสีชมพูทั้งน้ำตารีบตรงปรี่เข้ามาหา ผมยาวสีบานเย็นที่มักเรียบร้อยอยู่เสมอตอนนี้ยุ่งเหยิงราวกับคนละคน
"ไดอาน่า" เครอนว่าอย่ายากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงที่เนี่ยบที่สุดดูโทรมลงมาก
"พี่ครับ"

เสียงหนึ่งเรียกเธอจากอีกด้านที่คอสล์นั่งอยู่ ฮิวเกอรี่ตอนนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยสบายใจแม้แต่น้อย ผมสีเหลืองเต็มไปด้วยเหงื่อไม่แพ้ดวงตาน้ำตาลมั่วหมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เป็นอะไรไป" เครอนว่าพร้อมกับยิ้ม "พี่ยังไม่ตายซะหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ"
มือข้างซ้ายไม่วายโคลงหัวน้องชายไปมาอย่างเอ็นดูแกมปลอบใจ
"แกสิเล่นไร" ครอสล์ว่าขึ้น "รู้หรือเปล่าว่าสลบไปนานแค่ไหน"
เครอนไม่ตอบได้แต่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"นี้มันจะเที่ยงคืนแล้วเฟ้ย นึกว่าแกจะไม่ฟื้นแล้วฉันกำลังจะโทรไปจองวัด…"
…ผั้ว…
ฝ่ามือจากท่านหญิงแห่งอิสตันฟาดเข้าให้คนปากไม่ค่อยดีอย่างไม่ปราณีปราศัยจนเจ้าของฉายาคิงออฟริสมาฟอรัสถึงกลับตกเก้าอี้ชักหงิกๆ หมดสภาพ
"ศาลาแปดวัดดอนนะพี่เดี๋ยวจะไปจองให้"

ห้องพยาบาลที่เขาพึ่งจะสังเกตเป็นครั้งแรกว่าไม่ได้มีเพียงพวกเขา ดอฟ กัสและโซรามอสนั่งหลับอยู่โซฟาข้างๆเตียง ส่วนรุ่นพี่เจอลาวัตกำลังคุยกับคารอสและเวล์เซนที่มุมห้องว่างไกลออกไป เจมส์ตอนนี้นอนพักอยู่ที่เตียงข้างๆ ยังไม่นับโจนัทกับเอนนาเรียที่ช่วยมาดูสภาพของไอ้เจ้าครอสล์ยกใหญ่
แต่ความสงสัยที่แรงกว่าคือ ร่างเขาตอนนี้เป็นผู้ชาย
ทั้งๆที่เวลาหมดสติหรือหลับจะต้องกลับร่างเดิมแท้ๆแต่คราวนี้เขาคงร่างได้คงต้องขอบคุณมันซะหน่อยหลังจากมันคุยเสร็จอะนะ
"แล้วการแข่งเป็นไงบ้าง" เครอนตะโกนถามฮิวเกอรี่แข่งกับเสียงครอสล์ถูกว่าที่ภรรยาตืบเพราะดูจะได้เรื่องที่สุด
"ก็สรุปมาแล้วครับ ปีหนึ่งตัวแทนคือพี่คารอส และก็รุ่นพี่สายนักบวชอีกสองคน ส่วนดาบก็มีพี่ครอสล์ พี่โซรามอส แล้วก็รุ่นพี่สายดาบอีกหนึ่งคน ตัวแทนหมากรุกก็พี่เวล์เซนนั้นแหละครับ"
"แล้วเจมส์.." เครอนขมวดคิ้วแฝงความไม่พอใจ
"ไม่ผ่านครับ เพราะอาการบาดเจ็บคงหายไม่ทันการแข่ง"
เพราะไอ้เจ้าชายนั้นมันขี้โกงแท้ๆ รู้งี้ไม่แค่หมัดเดี๋ยวพ่อจะร่างเวทย์สาปให้เข็ดคอยดู
"เล่าเรื่องการแข่งดาบให้พี่ฟังหน่อยสิ"
"ก็ไม่มีอะไรมากครับ ตอนนี้พี่โซรามอสดูจะเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในการแข่งขันแต่พี่เขาแพ้พี่ครอสล์ไปอะครับ"
เหอะๆ จอดที่เจ้าพี่บ้าจริงๆด้วย กะไว้แล้ว
"แล้วเวทย์อะ" เครอนถาม
"นายก็อยู่ดูไม่ใช่เหรอ" เสียงของผู้มาเยือนคนใหม่ว่าขึ้น
เวลล์กับเอ็ตวอตล์ สองศรีคู่อาจารย์ปาท่องโก๋นั้นเอง เพียงวันนี้อาจารย์สายเวทย์ดูสีหน้าซีดลงไปอย่างบอกไม่ถูก
"แสดงว่าคารอสมันชนะใช่ไหม" เครอนเริ่มแหกปากถาม
เอ็ตวอลต์พยักหน้ายิ้มๆ
เท่านั้นเองคนป่วยก็ลืมป่วยไปถนัด ลุกพรวดกระโดดลงจากเตียงชนิดที่พวกเพื่อนๆแทบรับกันไม่ทัน เครอนย่างสามขุมไปยังเวลล์ที่ยิ่งทวีความหน้าซีดเป็นยกกำลังสองเมื่อเขาเดินเข่ามาใกล้
"จ่ายมา พนัน500เทรนคืนต้องสามเท่าตัวรวมเป็น1500เทรน"
เครอนแหกปากทวงเจ้ามือตรงหน้าอย่างไม่ปราณี

เท่านั้นเองไอความเย็นที่รู้สึกไม่ได้เห็นมานานก็เริ่มออกฤทธิ์อีกรอบ คารอสที่ตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับไอ้นิสัยชอบแหกกฏระเบียบของแฝดผู้น้องตัวเองแล้วแท้ๆเป็นอันต้องพังเมื่อเจ้าตัวแสบเล่นทวงกันต่อหน้าต่อตา ในใจพลางคิดว่า
ต้องจับสองศิษย์อาจารย์ตัวแสบไปดัดสันดารทั้งคู่อย่างเร็วที่สุดเป็นดี
เพื่อความอยู่รอดของริสมาฟอรัส


ตอนที่ 34 ผู้กุมความลับของเครอน

"น้องๆ มาช่วยยกนี้หน่อย"
"ครับพี่"
"น้อง ไปช่วยเก็บกวาดเวทีตรงนั้นให้ที"
"ครับ"
"น้องๆ" เสียงตะโกนจากรุ่นพี่บนกำแพง "จัดธงที่พันกันตรงนั้นให้พี่ด้วย"
"คร้าบ…"
โอ้ย..ปวดหัวจะตายวันละสามเวลา เจ้าตัวแสบต้องการสภาพมาเป็นเบ๋โดยปริยายเมื่อหายป่วย นึกๆไปชักอิจฉาไอ้เจมส์มันซะแล้ววะที่ไม่ต้องมาหลังขดหลังแข็งทำงานหนักมหากาฬนรกแตกนี้

การจัดงานครั้งที่แล้วยังพอเบาะๆเพราะเป็นการแข่งขันลอบคัดตัวเฉยๆแต่คราวนี้งานช้างสารสิบตัวยังอายขี้หดตดหายเมื่อมีข่าวสายฟ้าฟาด

ลงมาแจ้งว่าจะมีบรรดากษัตริย์และผู้สูงศักดิ์ชนิดดังกระช่อนโลกจอร์ดบู๊ดชิดซ้ายมารวมชมการแข่ง ความจริงแล้วทุกปีมันก็เป็นแบบนี้แหละน้าแต่ปีนี้ได้ข่าวว่ากษัตริย์คนสำคัญของโครนอสจะมาด้วยก็เลยยิ่งยุ่ง
ทั้งการรักษาความปลอดภัยต้องเพิ่มคนทั้งๆที่คนก็น้อยอยู่แล้ว แถมการวางแผนก็ต้องเปลี่ยนแผนพิธีการใหม่หมดจดเพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
หรือเรียกอีกอย่างว่าให้หลับยาวขึ้นกับไอ้คำกล่าวเปิดงานที่เป็นเพลงกล่อม

แต่อะไรไม่ว่าเลย งานดันทุรังก็เข้ามาที่ฝ่ายดูแลสถานที่รอบนอกประสาท เนื่องจากโปรแกรมต์เก่าคือให้แค่ตกแต่งและดูแลความเรียบร้องของสวนกับลานหน้าโรงเรียนแต่พอมีสารนั้นมาทุกอย่างทั้งลานประลอง เวที กระโจมที่พักก็ถูกสั่งให้ออกมาอยู่ด้านนอกให้หมดเพราะเกรงว่าภายในปราสาทจะจุคนได้มีพอ งานที่ง่ายๆก็ยากขึ้นเป็นร้อยๆเท่า พูดได้ว่าต้องดูแลเกือบครึ่งของงานทั้งหมด

ในใจเครอนทำไปบ่นไป
ไอ้เรื่องทำก็ทำได้ แต่ที่รับไม่ได้ที่สุดคือ
ค่าจ้างก็ไม่มี ตังก็ไม่ได้สักแดง โอ้จอร์ดจ๋า
"น้อง กวาดลานประลอง" คำสั่งที่มาอีกทำเอาเครอนอยากจะเป็นลมตาย
เจ้าตัวแสบหยิบไม้กวาดมาปัดกวาดพื้นลานประลองดาบแต่โดยดี เหงื่อที่ไหลหยดลงบนพื้นสนามอย่างไม่ขาดสายทลามกลางแดดร้อนเปรี้ยงตอนเที่ยงพอดิบพอดี นึกแล้วก็สงสารไอ้เพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆอยู่เหมือนกันถ้าไม่ติดที่ว่าพวกมันได้ทำงานในปราสาท ทำงานหนักแต่อยู่สบาย
กลับไปต้องขอกราบเจ้าเวล์เซนงามๆแล้วถีบสักยกสองยก
อยู่ฝ่ายวางแผนซะเปล่า ทิ้งเพื่อนซี้ไว้แบบนี้ได้ไงฟะ
"เป็นไงบ้าง" เสียงทักจากหัวหน้าฝ่ายดังขึ้นข้างๆ ทำเอาคนที่งกๆทำเงยหน้าขึ้นมอง
"ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมว่าพี่ดูเหนื่อยมากกว่าซะอีก พักหน่อยเหอะ"
เจอลาวัตไม่ตอบได้แต่ยิ้มทั้งๆที่ใบหน้าหล่อๆเต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคล เสื้อนักเรียนปี4ที่สวมอยู่ท่วมไปด้วยเหงื่อราวกับพึ่งผ่านการเล่นสงกานรต์มาสดๆร้อนๆ
"นายก็ไปพักหน่อยก็ดี เดี๋ยวฉันเปลี่ยนกับพวกรุ่นน้องคนอื่นก็ได้"

"ไม่ดีหรอกพี่ เดี๋ยวเขาจะหาว่ากระผมเส้นใหญ่ ขอเป็นก๋วยจั๊บน้ำใสดีกว่า"
"ช่างเหอะ อีกอย่างนายทำหนักมาตลอดทั้งวันแล้วหนิ" เจอลาวัตพูดปัดๆพลางกลั้นหัวเราะ
"หน่า ผมอยากทำ" เครอนก้มหน้ากวาดต่อ

นี้ก็เป็นเวลาไม่นานตั้งแต่เขาเกิดเป็นลมที่สนามประลองเวทย์รอบคัดตัว ไม่มีใครปิรปากถามหรือสงสัยอะไรเขาแม้แต่น้อย แต่เขาคิดว่าอย่างน้อยคนอย่างเวล์เซนหรือไม่ก็คารอสคงรู้แล้วว่าเครอน ทันเรอเรนมีพันธะแห่งความมืด และคงอีกไม่นานตัวเขาคงต้องถูกเรียกไปถามอย่างแน่นอน

"อยากทำก็ตามใจ" รุ่นพี่ผู้คุมถอนหายใจกับความหัวดื้อของรุ่นน้อง "อย่าหักโหมนักแหละ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพี่รังแกเด็ก"
"คนแก่รังแกเด็ก" เครอนย้อนเล่นๆ
"มิทราบว่ามีรุ่นน้องชื่อเครอน ทันเรอเรน อยู่ฝ่ายนี้หรือเปล่า" เสียงถามดังขึ้นจากรุ่นพี่คนหนึ่งกล่าวถามเจอลาวัต
เสื้อนักเรียนสายนักดาบ ดูแล้วน่าจะอยู่ปีห้าฝ่ายคุ้มกันความปลอดภัย มาทำอะไรที่นี่
"ผมเองครับ" เครอนว่าขึ้นก่อนที่เจอลาวัตจะได้ตอบ
คนถามเลิกคิ้วนิดหน่อยประมาณไม่แน่ใจก่อนจะกล่าวต่อ
"ถ้าอย่างนั้นเชิญที่หอคอยกลางด้วย มีคนรอเธออยู่"
ว่าไงนะ… เชิญที่หอคอยกลาง โอ้ชูวิทย์ ไอ้เราไปก่อเรื่องอะไรไว้ตอนไหนอะเนี่ย แค่ขโมยกะตังเจ้าคารอส แอบย่องไปลอกการบ้านมันอีกหน่อย แล้วก็กระทืบเตียงมันเล่นอีกนิด ไม่ยักจะรู้ว่ามันทำเรื่องฟ้อง

เครอนรีบสงสายตาขอความช่วยเหลือไปยังรุ่นพี่หัวหน้าฝ่าย
"เออ.. เรามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ" เจอลาวัตถาม
"เป็นคำสั่งของหัวหน้าฝ่าย ฉันไม่รู้ว่าเรื่องอะไรหรอก" นักเรียนดาบพูดตัดบท "น้องรีบไปเลยดีกว่า"
เครอนที่จนปัญญาต้องเดินคอตกผละออกจากสนามไปแต่โดยดี
มันเรื่องอะไรกันนักกันหนาฟะเนี่ย คนยิ่งโมโหหิวอยู่เดี๋ยวเจอคนเรียกเมื่อไหร่มีมวย ยิ่งคิดท้องยิ่งร้องเพราะตอนเช้าเครอนถูกเรียกตัวมาช่วยงานตั้งแต่ไก่ยังหลับ ข้าวยังไม่ได้ตกถึงท้องสักกะเม็ด
เดินไปปากก็บ่นไม่หยุดยั้ง
"ทำไมบันไดวนมันยาวนี้ฟะ" ตัวแสบไม่วายแหกปากด่าบันไดเฉย
บันไดวนที่ทอดยาวตั้งขึ้นไปยังหอคอยกลางอันเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในริสมาฟอรัสย่อยยาวเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงแม้ตัวหอคอยจะสูงอับเพียงไรก็ยังดูโล่งสะอาดตา

ช่างเป็นหอคอยที่ต่างจากปราสาทอื่นๆ ตรงข้างกับภาพภายในหอคอยที่เครอนเคยเจอมาอย่างสิ้นเชิง พื้นและกำแพงทำด้วยหินอ่อนสว่างตาพอๆกับบันไดวนที่มีราวเป็นทองเหลืองวาววับ แถมยังตกแต่งไว้ด้วยรูปภาพที่น่าจะเป็นอาจารย์รุ่นต่างๆของโรงเรียนอยู่เป็นระยะๆภายใต้กรอบทองคำแท้ๆ

โรงเรียนนี้ไม่ได้บ่อจี๋อย่างที่เคยคิดซะแล้ว
สุดทางบันไดประตูใหญ่ไม้ขัดเป็นเงารออยู่ เครอนเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับการเคาะประตูเล่นเปิดประตูพรวดพลาดเขาไปเฉยเลย

ภายในห้องรูปวงกลมขนาดใหญ่มีเพียงหน้าต่างบานมหึมาสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานหอคอยรับแสงและลมจากด้านทะเลหลังโรงเรียน ชั้นหนังสือสูงไม่แพ้หน้าตาถูกตั้งไว้ที่กำแพงอีกฟากหนึ่งเรียกได้ว่าเป็นห้องสมุดย่อมๆเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ทำจากไม้ชั้นดีวางเอกสารหลายฉบับไว้ราวกับพึ่งตรวจเสร็จ แต่ความสนใจของเครอนอยู่ที่ชายสามคนในห้อง คนแรกหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยกำลังยืนพิงหน้าต่างไม่สนใจอะไรกับชาวบ้านเขาเลยตามนิสัย ข้างๆคืออาจารย์แอนเพื่อนของเขาเองที่กำลังอ่านหนังสือเหลือบขึ้นมามองเครอนก่อนจะยิ้มทักทายให้ สุดท้ายเจ้าพี่บ้ากำลังดูเอกสารบนโต๊ะอย่างเมามันไม่สนใจน้องคนนี้สักกะตี๊ด

"นายมีเรื่องอะไรถึงเชิญฉันมา" เครอนเริ่มถามคนแรก
"เรื่องธุระของนาย" คารอสตอบสั้นๆพร้อมกับหันมาสบตา
"เรื่องของฉันงั้นเหรอ" เครอนทวนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
แต่เจ้าเพื่อนร่วมห้องประหยัดน้ำลายไม่ยอมตอบกลับสงสายตาเป็นเชิงให้ออกไปให้เวลล์และครอสล์ ทั้งสองคนคงมาประชุมเรื่องฝ่ายการดูแลความปลอดภัยสินะ
"ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันเป็นผู้หญิงแหละก็สองคนนี้รู้เรื่องแล้ว" เครอนะพูดเรียบๆที่ทำเอาคารอสเกิดแววประหลาดใจเขาจึงอธิบายเสริม "ในเรื่องนี้มีสามคนที่รู้คือ พี่ ที่เป็นพี่ชายของฉัน เวลล์ที่รู้จักกันมาก่อน และก็นายนั้นแหละที่บังเอิญมารู้"
"ใช่ พวกฉันรู้เรื่องยัยนั้นมาตั้งเป็นปีแล้ว" เวลล์ว่าขึ้นส่วนครอสล์พยักหน้ารับนิ่งๆ
"ช่างเหอะ" คารอสกล่าว "ที่ฉันจะพูดกับนายคือเรื่องพันธะแห่งความมืด"

ไม่มีสีหน้าประหลาดใจแต่อย่างใดปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของบุคคลทั้งสามคนตรงหน้าแม้แต่น้อย ดูท่าพวกนี้คงจะรู้เรื่องมาก่อนแล้วทั้งนั้น
"อืม นายคงรู้แล้วสินะ" เครอนพยักหน้ารับเฉยๆ
"ใช่"
"ถ้าเป็นจอมเวทย์แห่งโครนอสอย่างนายคงไม่ใช่เรื่องยาก" เวลล์เสริม
"นายคงจะรู้สินะว่าผู้ที่มีพันธะแห่งความมืดจะต้องถูกสั่งเก็บ" คารอสเริ่มเปิดหัวข้อที่สร้างความเครียดได้ทั้งห้อง "ฉันกับเวล์เซน และโซรามอสตรงลงกันว่าจะไม่บอกเรื่องกับคณะอาจารย์หรือคนอื่นๆ แต่ฉันต้องการคำตอบจากนายว่านายเป็นใครกันแน่ ได้พลังธิดาเทพแห่งความมืดมาได้ยังไง"

"เปล่า" เครอนตอบ "ฉันไม่ได้ได้พลังจากธิดาเทพ"
เป็นคำตอบที่คารอสกระตุกคิ้วนิดนึง
"ฉันได้พลังและพันธะแห่งความมืดมาจากจ้าวแห่งเดท เฮนเทียล"
คำตอบที่เรียกเอาความเงียบปกคลุมหอคอยกลาง จ้าวเฮนเทียล จ้าวแห่งมหาอาณาจักรเดทบิดาของธิดาเทพ พลังอำนาจที่ครั้งหนึ่งเคยกลืนกินความสว่างทั้งหมดเลือนหายไปในโลกแห่งหดหู่ ทรมาน และความตาย
"พันธะกับเฮนเทียล"
เครอนยิ้มกวนๆแบบเคย ขัดจัดความเครียดหายไปทันที

"นายคงจะเข้าใจที่ฉันพูดแล้วสินะ พันธะแห่งเวทย์คือการใช่พลังชีวิตครึ่งหนึ่งแบ่งให้จะทำได้แค่ครั้งเดียว ยิ่งสร้างพันธะแห่งเวทย์กับคนที่พลังอำนาจมากเท่าใดย่อมได้พลังเวทย์มากเท่านั้น" เครอนพูดเฉยๆอย่างที่ไม่ค่อยพูดมาก่อน "หรือจะพูดง่ายๆคือ ฉันเป็นคนสนิทของเฮนเทียล เป็นหนึ่งในผู้ปกครองความมืดไงเล่า"

ความจริงในใจของคารอสกระจ่างชัด คนที่ยืนตรงหน้าเขาคือ ธิดาเทพ

เคยมีตำนานมากมายว่าเกี่ยบกับเจ้าหญิงผู้นี้ไว้มาก ทั้งเป็นผู้ยำหายนะ มือขวาของจ้าวความมืดผู้ทรงอำนาจ เป็นรองเพียงคนเดียวนับว่าเป็นสตรีที่น่ากลัวที่สุดในลีฟและเดทก็ว่าได้

"นายคือลูกของจ้าวเฮนเทียลสินะ"
"ทั้งใช่และไม่ใช่" คนตอบคือเวลล์
"ธิดาเทพคือด้านมืดที่แฝงอยู่ในจิตใจของน้องฉัน" ครอสล์เอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรก
"หวังว่านายคงจะเข้าใจที่ฉันว่ามา" เครอนต่อ "ว่าฉันไม่ใช่สตรีผู้ปกครองความมืด ฉันคือฉัน"
คารอสถอนหายใจ บอกไปใครเขาจะเชื่อว่าธิดาเทพที่ใครๆก็เกรงกลัวนิสัยจะกวนส้นเท้าเป็นงานอดิเรก
ใครเค้าจะไปเชื่อ
"ตกลง เรื่องนี้ฉันจะไม่บอกใคร"

"งั้นฉันขอไปทำงานต่อ เดี๋ยวเขาหาว่าอู้งาน เสียเครดิตหมด" ว่าแล้วก็หันหลังกระแทกประตูเดินออกไปเฉยโดยที่เจ้าของห้องยืนหัวโด่ดเป็นหัวใชเท้าอยู่ตรงนี้แท้ๆ
ธิดาเทพหรือนี้
"โว้ย ทำไมบันไดมันยาวอย่างนี้"
เสียงแหกปากบ่นลั่นดังมาจากด้านล่าง เล่นเอาเวลล์กับครอสล์หัวเราะฮากลิ้ง


ตอนที่ 36 ธิดาเทพ กับ เบื้องหลังของความมืด
"พูดจริงๆว่าฉันไม่เข้าใจที่หมอนี่พูด"
คารอสหันมาพูดกับสองคนที่ยังเหลืออยู่ทันทีที่เสียงฝีเท้าของเครอนหายไปพร้อมความหวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดกว่าไอ้เจ้าคนที่รีบออกไป
"ไม่แปลก" เวลล์ว่าพร้อมกับยักไหล่
"นายเข้าใจสิถึงแปลก เพราะกว่าฉันจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดของมันก็ปาไปเกือบสามวัน" ครอสล์ต่อ
"ที่ฉันเข้าใจคือ มันคือธิดาเทพ แต่คนสูงศักดิ์อย่างนั้นมาทำอะไรในร่างคนพเนจร"
คำถามแรกจากคารอสที่ต้องการคำตอบชัดเจนจากหนึ่งนักฆ่ากับหนึ่งอาจารย์ตรงหน้า ตอนนี้สมองของเขาต้องยอมรับว่ากำลังสับสนเข้าขั้นหนัก อยู่ดีๆมีผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเพื่อนร่วมห้อง ยังไม่พอผู้หญิงคนนั้นดันมาเป็นธิดาเทพอีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
"นายคงยังไม่รู้สินะ" ครอสล์เป็นคนแรกที่ตอบ "พวกลีฟช่างไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลย"
"หมายความว่าไง" คารอสถามเสียงเรียบแต่จ้องตาอย่างไม่ลดละ
"พวกลีฟอย่างนายคงยังไม่รู้เบื้องหลังของธิดาเทพใช่ไหม" เวลล์พูดห้ามเพราะกลัวจะเกิดสงคราม "พวกเดททุกคนเองก็รู้เพียงว่า

องค์ธิดาเทพชื่อ เคริเอน่า ส่วนเรื่องการหายสาบสูญของพระนางเมื่อ2ปีก่อนถูกปกปิดเป็นความลับภายในเท่านั้น คนจึงคิดว่าพระนางยังอยู่ในเกรย์ดอฟ"
"เครอนถูกจับตัวออกมาจากเกรย์ดอฟงั้นหรือ"
"เปล่า" ครอสล์เป็นคนตอบพร้อมกับมองขึ้นสบตาเยือกเย็นนั้น "มันหนีออกมาเอง"
ความเงียบโรยตัวเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับความไม่เข้าใจที่เพิ่มมาขึ้น
ตั้งแต่เล็กจนโตมา ตำนานที่กล่าวถึงธิดาเทพคือเป็นเจ้าหญิงที่อยู่ในเกรย์ดอฟ มีชีวิตที่ร่ำรวยและมีอำนาจฆ่าคนเป็นผักปลา ฝักใฝ่แต่อำนาจมืดเพื่อนกลืนกินความสว่างมิใช่หรือ แล้วเหตุใดต้องหนีออกจากนครนั้นด้วย
"พวกลีฟชอบแต่งละครหลอกเด็ก" ครอสล์ว่าพ้อมกับหันออกไปทางหน้าต่าง "เจ้าหญิงที่มีชีวิตแสนสบายในวังงั้นหรือ เหลวไหลทั้งนั้น"
"นายยังไม่รู้จักโลกนี้ดีพอ คารอส" เวลล์กล่าว "เคริเอน่าคือเจ้าหญิงที่ทรมานที่สุด เจ็บปวดที่สุด ไม่ได่สุขสบายหรือต้องการอำนาจเลยแม้แต่น้อย"

"ถ้าฉันบอกนายจะเชื่อไหมว่าเคริเอน่า ธิดาเทพที่ใครๆก็กลัวฝันแค่อยากเป็นคนธรรมดา" ครอสล์กัดฟันพูดอย่างเจ็บแค้น "เครอนไม่ได้เป็นปีศาจ แต่คือมนุษย์ที่โตมากับปีศาจ ความตาย และความมืด นานมาแล้วที่จ้าวเฮนเทียลจับตัวเธอมาอยู่ในนครแห่งความตาย สั่งสอน

บังคับให้เรียนรู้จักการฆ่าคน แม้ตัวเองจะไม่ต้องการแต่ถ้าไม่ทำก็ต้องตาย นานกว่า12ปีในโลกแห่งความมืดที่เสมือนนรกทั้งเป็น หัวใจที่สมควรเป็นเปลี่ยนเป็นปีศาจกลับไม่ย่อมทำเช่นนั้น เครอนต่อต้านอำนาจมืดที่ถูกสอนแต่ถึงจะต้านเพียงไรก็ไม่อาจหมด ทำให้กลายมาเป็นด้านมืดที่แฝงอยู่ในหัวใจแทน"

คำอธิบายจากครอสล์เริ่มสร้างความกระจ่างแก่จอมเวทย์
"หมายความว่า.."
"เครอนไม่ใช่ลูกของเฮนเทียล นางเป็นแค่เด็กที่เอามาเลี้ยง" เวลล์สรุป "และก็ไม่ใช่คนบ้าอำนาจ ไม่ใช่ปีศาจแต่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ธิดาเทพชื่อยศที่ผู้มัดตัวเธอกับโลกแห่งความมืด เฮนเทียลต้องการให้เธอไปไหนไม่ได้ ต้องการให้มีแต่คนเกียจเพื่อให้เธอไม่สามารถออกไปจากเดทได้ ลีฟล้วนแต่กลัวไม่กล้าเข้าใกล้เธอจึงต้องเปลี่ยนร่างเป็นหนุ่มนักเดินทางธรรมดา"
"อย่างนี้ที่ว่ากันว่า.."
"คารอส ตำนานนั้นโกหกทั้งเพ" ครอสล์ตวาดเข้าให้ "นายก็เห็น ว่านั้นคือตัวแสบแห่งริสมาฟอรัส นั้นคือนิสัยจริงๆของมันแล้วนายยังจะสงสัยในตัวมันอีกหรือ พวกนายเป็นเพื่อนกัน แล้วทำไมไม่ไว้ใจกันบ้าง"
"เอาน่าครอสล์ โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์" เวลล์ห้ามทัพ
"นายจะให้ฉันไว้ใจได้ยังกัน"
คำตอบที่ทำเอานักฆ่าเกือยจะได้ฆ่าคนจริงๆถ้าไม่เพราะไอ้เวลล์มันดึงไว้
"คารอส อย่างที่เครอนบอกว่า มันคือมัน ที่นายเห็นคือตัวจริงของธิดาเทพ ไม่ใช่คำหลอกลวงจากพวกขี้โม้ นายรู้จักมันดีไม่ใช่เหรอไง" เวลล์ถาม
ใช่เขารู้จักมันดี คนที่ชอบกวนชอบคุยเฮฮาปาตี้อยู่เสมอ คนที่อาศัยร่วมห้อง หรืออีกอย่างที่มันเรียกเขาว่า
เพื่อน…
การโตที่โครนอสถูกสั่งสอนให้อยู่คนเดียว ถูกท่านอาสองเสมอว่าไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน มีเป็นตัวถ่วงงานไม่แปลกที่คนอย่างเขาจะ

ไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอย่างไร

"เครอนคือเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ" เวลล์ทวน "แล้วนายจะใจร้ายขนาดส่งเพื่อนเข้าแดนประหารเพียงเพราะเธอเป็นคนที่ถูกบังคับ

ให้เป็นธิดาเทพงั้นเหรอ"
"พวกนายไม่รู้หรือว่าฉันเป็นทายาทตระกูลคิลเซเรียส" คารอสถามสวน

ตระกูลคิลเซเรียสคือตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในลีฟ กษัตริย์แห่งเทพผู้ซึ่งก่อตั้งอาณาจักรลีฟคือเทรนนอส คิลเซเรียส ลูกชายคนโตเทรนไลท์ปัจจุบันคือกษัตริย์แห่งเทรนนอส อานอสกษัตริย์แห่งโครนอสคือลูกคนสุดท้อง และคารอสคือลูกชายของโครอส ทายาทผู้สืบทอดมหาตระกูลแห่งเทพ
เรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้
"นายคือทายาทแห่งความสว่าง ส่วนยัยนั้นคือผู้สืบทอดแห่งความมืด อยู่ร่วมกันไม่ได้สินะ" เวลล์หัวเราะเบาๆ "แต่ตอนนี้ไม่หนิ นายคือจอมเวทย์แห่งโครนอสระหว่างที่เครอนคือนักเดินทางพเนจรไม่ใช่เหรอ ทำไมจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้"
"อย่างที่บอก หมอนั้นคือหมอนั้น เป็นเครอน ทันเรอเรนวันยังค่ำ กับอีแค่ยศบ้าบอไม่คิดว่าจะทำให้บุรุษฉายา เจ้าชายแห่งริสมาฟอรัส ต่อถอนตัวจากเพื่อนได้" คำยั่วออกจากปากของครอสล์ที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ตั้งแต่น้องถูกหาว่าไม่น่าไว้ใจ
"นายไปดูด้วยตาของตัวเองเถอะ คารอส" เวลล์ว่า "แล้วนายจะเห็น"
ไปดูด้วยตาตัวเองงั้นหรือ

คารอสคิดระหว่างที่ก้าวเดินลงจากหอคอยกลางตรงไปยังปราสาทแดงเพื่อทานข้าวเย็นที่คิดว่าไม่น่าจะมีแล้วเพราะตอนนี้มันคงเลยเวลา

อาหารไปเรียบร้อย คำพูดของอาจารย์สายเวทย์แห่งความมืดมีความในแฝงอยู่ที่คนอย่างเขาตีความไม่ออก คำพูดที่ต้องการบอกอะไรสักอย่าง บางสิ่งที่ต้องการให้เขารู้
คารอสก้าวเดินต่อไปผ่านห้องอาหารที่ปิดแล้วกลับไปที่หอนักเรียนสายจอมเวทย์ เวลาตอนนี้คงห้าทุ่มกว่าแล้วห้องนั่งเล่นรวมเงียบสงัด
คงนอนไปหมดแล้ว
เขาถอนหายใจพร้อมกับขึ้นบันไดไปยังห้องนอน รู้สึกว่าห้องนอนเข้าจะเป็นห้องเดียวที่ยังเปิดไฟอยู่หรือดีไม่ดีอาจหมายถึงเจ้าเครอนเรียกไปเย็นอันเป็นวิชาใหม่ที่อาจารย์สอนหลังจากสอบ

จุดเทียนมาเล่นจนไฟไหม้ห้องแล้วก็เป็นไปได้
"ไงคารอส ประชุมอะไรจะหนักปานนี้" เสียงทักทันทีที่เขาเปิดประตูมาพบภาพตรงหน้า
จอมเวทย์แห่งโครนอสเป็นอันต้องสะอึ้งเมื่อเครอนในร่างเดิมที่เป็นหญิงสาวแสนสาวนั่งอ่านหนังสืออยู่ทัก แต่ข้างๆกลับมีเวล์เซนและ

โซรามอสนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองมองเขาแล้วยิ้มๆ
"ทำไมร่างนาย" คารอสเริ่มถาม
"ก็ฉันคิดว่าบอกนายคนเดียวมันไม่ยุติธรรมกับไอ้พวกนี้เลยตัดสินใจบอกพวกมันไปแล้ว" เครอนยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่ผู้มาเยี่ยมห้องทั้งสองที่พยักหน้าพร้อมเพียง
"คารอส เดี๋ยวนี้แกพัฒนาวะ มีสาวมาอยู่ร่วมห้อง" โซรามอสแซว
"แล้วแกบอกเรื่อง…"
"เรื่องที่ฉันเป็นธิดาเทพงั้นหรือ" เครอนตัดหน้า "บอกไปเรียบร้อยแล้ว"
"ใช่ๆ" โซรามอสยิ้ม "แต่จะเป็นใครก็ช่างเป็นเพื่อนฉันก็พอ"
"อืม" เวล์เซนเห็นด้วย

เพื่อน… คนอย่างเขาไม่เข้าใจหรอกว่าเพื่อนเป็นยังไง แต่ดูแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
"ฉันบอกนายแล้วว่ายังไงฉันก็เพื่อนนาย พวกเรามันเพื่อนกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้วจริงไหม" เสียงแหกปากลั่นจากตัวแสบแห่งริสมาฟอรัส
"ถูกต้องนะคร้าบ"
"ว่าแต่คารอส" เครอนทำเสียงเครียดพร้อมกับยื่นมือออกมา "มีตังให้ยืมบ้างไหมฟะ พอดีกระเป๋าตังลืมไว้ที่ห้องอาหาร"
…ผั้ว…
ฝ่ามือของไอ้แฝดผู้พี่ฟาดเขาให้กลางกระบานโดยไม่ได้สนเลยว่าอยู่ในร่างผู้หญิง ทำเอาเจ้าเครอนบ่นโอดครวนไม่หยุดปาก
"ยืมหน่อยทำงก หน้าเลือก เหนียว เชอะ"
"เรื่องของนาย"
เสียงหัวเราะกลับมาสู่ห้องนอนของสองฝาแฝดอีกครั้ง นี่หรือคือสิ่งที่เวลล์บอกให้เขามาดู
เพื่อน มิตรภาพที่ยืนอยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้ง เพื่อนไม่สนใจเรื่องในอดีตไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ยอมรับได้เสมอ และจะก้าวฝ่าฟันอนาคตไปพร้อมกัน
เครอน ทันเรอเรน เวล์เซน อินเทอรัส และ โซรามอส อีฟเซอรัส คือ เพื่อนของเขา


ตอนที่ 37 การมาเยือนของแขกผู้สูงศักดิ์
"ร้อน"
เสียงแหกปากแข่งกับเสียงพูดคุยเซ็งแซ่จากด้านลงของกำแพงปราสาทใหญ่ดังขึ้นจากเจ้าตัวแสบที่นั่งพิงกำแพงถือม้วนกระดาษมาพัดไป

พัดมาดับร้อนจากแสงแดดยามเที่ยงในฤดูใบไม้ร่วง

นานหลายวันตั้งแต่ความลับเรื่องที่เขาคือธิดาเทพแตก แต่ดูถ้าทุกๆคนยังปฏิบัติกับเขาเหมือนอย่างเดิมเหมือนเขาคือเครอน ทันเรอเรน เสียมากกว่าเป็นเคริเอน่า แต่เรื่องนี้มันก็ดีอยู่หรอกถ้าไม่ติดที่ว่างานที่ต้องทำมีท่วมหัวปานจะตาย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาฝ่ายดูแลบริเวณรอบนอกของเขาทำงานแทบไม่ได้หยุดเพื่อนรอวันนี้

วันที่กษัตริย์แห่งโครนอสจะมาเยือน
"มันจะทำไมนี้" เครอนบ่นอุบอิบเพื่อนไม่ให้ใครได้ยิน "มาแล้วยิ่งยุ่ง"
ความจริงตามกำหนดการแล้วกษัตริย์อานอสจะต้องมาตอนแปดโมงเช้าแต่ไปๆมาๆรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มาซะทีจนตอนนี้ปาเข้าไปเที่ยง ข้าวก็ยังไม่ได้ตกถึงกระเพาะ ได้แต่ให้ยืนรอปล่อยธงโครนอสเป็นเบ๋อยู่ที่กำแพงปราสาทอยู่ได้
"ไม่เคยได้ยินหรือไงว่ากองทัพเดินด้วยท้อง" เขาว่าต่ออย่างไม่ค่อยพอใจ
"แต่ฉันว่าแกคนเดียวนะฟาดเรียบทั้งเสบียงกองทัพแน่" เสียงจากกัส ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันข้างๆ
"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าฉันเครียดแค่ไหน" เครอนถอนหายใจ "เครียดมาฟาดมากเครียดน้อยก็ฟาดน้อย ไม่เห็นจะยากอะไรฟะ"
"เอาเหอะๆ" กัสบอกปัดๆเพราะไม่อยากเถียง

นั้นขณะที่พวกเขาต้องยืนรอปล่อยธงต้องรับให้แก่กษัตริย์เรื่องมากจากโครนอส พวกไอ้โซรามอส ดอฟ โจนัทก็ถูกใช้ไปตรวจตราดูสนามที่ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร ห้องน้ำ เพื่อความเรียบร้อยไปพลางๆ ยังดีกว่าต้องมาตากแดดเป็นเนื้อไหม้ไฟรนอยู่ตรงนี้ตั้งหลายขุม ไอ้เวล์เซนก็พอกัน รู้ก็รู้ว่าไอ้เราได้งานนี้แท้ๆยังไม่ยอมช่วยกันบ้างเลย แต่ยังไม่พอพวกผู้หญิงอย่างเรน และเอนนาเรียมีหน้าที่ไปโปยดอกไม้ตามทางให้ขบวนกษัตริย์ สองเจ้าหญิงนั้นยิ่งดีใหญ่ได้ไปต้อนรับอยู่ในห้องโถงใหญ่สบายๆ แค่เอาหน้าอย่างเดียว
แค่คิดก็อยากถีบคนจัดวางแผนแล้ว อย่าให้เจอนะเฟ้ย
"ไอ้ธงนี้มันหนักชะมัด" กัสกล่าวพร้อมกับถือธงประจำชาติโครนอสที่ใหญ่กว่าตัวถึง3เท่าไว้ในมือ
ธงแห่งโครนอสสองผืนที่พวกรุ่นพี่วางแผนว่าจะปล่อยลงมาจากกำแพงปราสาททั้งสองด้านตรงทางเข้าห้องโถงถูกวัดแล้วก็ตัดไว้ได้ระยะงามพอดี ผ้าผืนยาวสีดำล้วนปัดด้วยลวดลายมงกุฎใหญ่กลางผืน ภายในมงกุฎมีดาบและคทาไขว่กันอยู่ทั้งหมดปักด้วยดิ้นสีเงิน
แม้มันจะดูสวยแฝงความขลังแต่ว่าไอ้ความหนักนี้ใครจะจะไปรู้ดีเท่าสองคนที่ต้องแบกมาปล่อยกันเล่า ให้ทายก็คงประมาณหลายโลเหมือนกัน อานอสจะรู้ไหมว่าการมาเยือนนั้ทำเอาคนอย่างเครอนอยากจะเอาหัวโขกตัวกำแพงตายวันละหลายสิบรอบ
"เจ้าชาย รอเปวิส อาดาลิน แห่ง เซนเทอรัส เสด็จ" เสียงประกาศก้องดังจากด้านล้างดังขึ้นตามด้วยขบวนของเจ้าชายหน้าลาวๆคนหนึ่งขี่ม้าผ่านเข้าประตูกำแพงปราสาทมา
ดูท่าจะเป็นเจ้าชายชั้นล่าง
"เจ้าหญิง…"

คนอ่านประกาศชื่อแขกผู้มีเกียติต่อไปอย่างไม่ลดละโดยมีเพียงเสียงแหกปากดังลั่นที่เริ่มออกอาการแหบอย่างน่าสงสารยิ่งนัก ก็เล่นไม่เปลี่ยนตัวมาตั้งแต่เช้านี่หน่า
รายชื่อทั้งเจ้าหญิง เจ้าชาย ท่ายลอร์ด เซอร์ เลดี้ หรือแขกผู้มีชื่อเสียงทยอยกันมาประดังจนคนประกาศถึงกับเป็นลมต้องขอเปลี่ยนตัว แต่แล้วเสียงสวรรค์ของใครบางคนก็ดังขึ้น
"กษัตริย์อานอสกำลังมาแล้ว" รุ่นพี่ตะโกนขึ้นเป็นการบอกให้เตรียมพร้อม
กษัตริย์มาเท่ากับงานเสร็จ เท่ากับ
กินข้าวได้
เครอนออกอาการดีใจออกนอกหน้ากระโดดไปเตรียมปล่อยธงยังจุดของตัวเองทันทีจนเพื่อนข้างๆชักขนลุกสงสัยว่ามันแอบจิตหลงรักกั

กษัตริย์แห่งโครนอสหรือเปล่าวะ แค่คิดก็สยิว…
อลิสซ่าในฐานะลูกสาวของกษัตริย์อานอสออกมายืนต้อนรับหน้าประตูใหญ่ทางเข้าปราสาททันทีเมื่อขบวนของโครนอสผ่านประตู

กำแพงเข้ามาตามทางเดิน

จากด้านบนเครอนและกัสสามารถสังเกตเห็นใบหน้าของกษัตริย์อานอสที่ทรงม้าอยู่กลางขบวนได้อย่างชักเจน คิงอานอสคือบุรุษผม

สีเขียวอ่อนๆรูปร่างกำยำ ใบหน้ายาวที่ดูเหมือนไม่พอใจอยู่ตลอดเวลาไม่รับใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าอายุสักเท่าไหร่ ดวงตาน้ำตาลส่องแววรำคาญกวาดมองไปมาตามกลุ่มนักเรียนที่มารับเสด็จแบบดูแคลน ไม่น่าสงสัยเลยว่าอลิสซ่าได้นิสัยบ้าอำนาจมาจากใครในเมื่อพ่อออกจะเป็นแบบนี้

ข้างกายของกษัตริย์คนสำคัญจากโครนอสคือชายหนุ่มผมทอง นัยน์ตาสีม่วงคุ้นเคยที่ถูกส่งตัวไปคุ้มกันอานอสที่ท่าเรือตั้งแต่เช้า คารอสยังคงใบหน้าเรียบเฉยแบบเคยแต่ดูเหมือนจะเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาสาวได้ได้ตามเคย ยิ่งบวกตำแหน่งหัวหน้าองค์รักษ์เข้าไปอีก สาวใจไม่ละลายตอนนี้แล้วจะไปละลายตอนไหน

"กษัตริย์ อานอส คิลเซเรียส แห่ง โครนอส เสด็จ"
รุ่นพี่ตะโกนก้องก่อนที่เครอนและกัสจะปล่อยผืนธงให้รูดลงมาตามกำแพงปราสาทปรากฏเป็นสัญลักษณ์แห่งการต้องรับที่ดูน่าเกรงขามพร้อมๆ

กับเสียงโห่ร้องจากประชาชนและนักเรียนดังกึกก้อง

ขบวนของโครนอสมาหยุดยืนที่หน้าซุ้มประตูทางเข้าปราสาทใหญ่ที่โอ่อ่า อานอสกระโดดลงจากม้าโดยมีคารอสลงมายืนข้างกาย ชั่วแวบหนึ่งที่อานอสหลือบมองขึ้งมาสบตาเครอนก่อนจะกลับไปทันลูกสาวที่ยืนต้อนรับอยู่ ชั่วแวบเดียวนั้นเองที่เครอนเห็นถึงแววตาระแวงที่มองเขา เพียงแค่เสี้ยววินาที
"ว่าไง คิงอานอสเป็นไงบ้าง" กัสถามเมื่อกษัตริย์คนสำคัญเดินเข้าไปภายในปราสาท
"ฉันว่าดูเป็นคนขี้รำคาญยังไงไม่รู้ ตีหน้ายักย์มาอย่างเดียว" เครอนยักไหล่
"พวกคิงก็ต้องตีหน้าแบบนี้ทั้งนั้นแหละ" กัวยิ้ม "จะได้ดูน่ากลัวไง"
"เหอะๆ ช่างเรื่องมันเถอะ" เครอนตัดบท "ไปกินข้าวดีกว่า"
แต่ก่อนที่เพื่อนจะได้พูดอะไรเจ้าตัวแสบก็รีบใส่เกียร์ผีโกยแน็บไปยังปราสาทแดงอันเป็นห้องอาหารอย่างไปรอช้าโดยไม่หัดดูตาม้าตาเรือเสียเลย

ว่าทางที่ตัวเองกำลังวิ่งไปมันเป็นทางสวนกับขบวนกษัตริย์อยู่

เมื่ออาหารรออยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างตัวแสบจะชะลอฝีเท้า
ยิ่งดับเบิ้ลใส่โฟวิวลุยโลดอย่างเดียว
…..โครม…..
เครอนกระแทกเข้ากับใครบางคนเข้าเต็มจังชนิดที่กระเด็นกันคนละทาง คนหัวทองกับหัวน้ำตาลต่างล้มกลิ้งกันไป
"โอ้ย……" เครอนร้องเอามือกุมหัวตัวเองที่บวมเป็นลูกมะนาว "แกเดินภาษาอะไรฟะ ไอ้คารอส"
"แล้วนายมาตัดขบวนเสด็จทำไม"
"ขบวนเสด็จ?" เครอนหัวเราะคิดว่าเพื่อนรักอำเล่น "เหอะๆ ขบวนบ้านแกอะด…."
จ๊าก……….
เจ้าตัวแสบเป็นอันต่อช็อกหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ้มเมื่อมองขึ้นไปพบว่าคนที่ตัวเองล้มไปทับเท้านั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล
กษัตริย์อานอส แห่ง โครนอส
กษัตริย์ที่เขากำลังนั่งทับเท้าอยู่สีหน้าออกอาการไม่พอใจอย่างยิ่ง
"กระหม่อมขออภัย โปรดทรงอภัยข้าผู้น้อยด้วย" เครอนรีบกระโดดลุกขึ้นแหกปากตะโกน โดนหารู้ไม่ว่ากำลังโดนข้อหาตะโกนใส่หน้ากษัตริย์เข้าไปอีกกระทง ยังไม่พอ
การกระโดดขึ้นพรวดมากระทันหันเล่นเอาเท้าของตัวแสบแห่งริสมาฟอรัสเหยียบเข้าเต็มเปาที่ฝ่าพระบาทของคิงจนสีหน้าของ

อานอสอมม่วงอย่างเจ็บปวด รวมเบ็ดเสร็จเช็กบิล3กระทง
รับซวยเต็มๆเพิ่มไหมค่ะ
"แว้ก……." เครอนร้องพร้อมกับรีบชักเท้าที่เหยียบอยู่ออกจากบาทของกษัตริย์ "กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแย้ว"
เครอนยิ่งตะเบ็งแหกปากใส่หน้าคิงดังขึ้นอีกเป็นสามเท่าโดยที่ลืมตัวไปว่า
ยังไม่ได้แปรงฟัน
เท่านั้นเองคิงแห่งโครนอสเป็นอันเดินจากไปอย่างรวจเร็วโดนไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ทั้งขบวนก็เดินจากกันไปตามองค์กษัตริย์ทิ้งให้เจ้าตัวแสบยืนงงๆไว้เบื้องหลัง คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าตัวเองรอดได้ยังไง

ตอนที่ 38 เปิดประชุมใหญ่

"หา"
เสียงประสานพร้อมเพียงของนักเรียงปีหนึ่งสายเวทย์แหกปากก้องทั่วหอประชุมใหญ่มาทางทิศเดียว ผู้เล่าเรื่องตรงกลางวงเป็นอันต้องหาไม่ด้วยสุรเสียงแถมยังมีเอ็ฟเฟ็กกระจายมาเป็นละอองๆ
"โว้ย หูจะแตก" เครอนที่เอามือปิดหูโวยใส่
"แกกล้าเหยียบพระบาทของกษัตริย์โครนอส" ดอฟแหกปากถามใส่หน้าเขาเต็มๆ
โอ้จอร์ด…น้ำจิ้ม
ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้พวกนี้มันรุมถามเขาอยู่แหละก็มีมวยกันแน่ๆ
"แล้วแกไปทำอะไรถึงไปทำร้ายร่างกายคิงแห่งโครนอสได้" คำถามต่อมาจากโซรามอส
"ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"เพราะห่วงเรื่องอาหารจนลืมว่ามีขบวนเสด็จมากกว่า" กัสว่าเพราะเป็นคนเห็นเหตุการณ์ ในใจนึกสงสารกษัตริย์อานอสอย่างเต็มหัวใจ เจอใครไม่เจอดันเจอตัวแสบแห่งริสมาฟอรัสคงเข็ดอีกนาน
"โถไอ้กัส ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ" เครอนย้ำคำเดิม
"เอาเหอะๆ" โจนัทตัดบท "ว่าแต่ทำยังไงนายถึงรอดมาได้เนี่ย ใครๆก็ว่าคิงอานอสดุยังกะเสือ กล้าเหยียบเท้าเขาแล้วไม่โดนสั่งประหารแบบนายอะแปลกมาก"
"นั้นสิฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ารอดมาได้ยังไง ทั้งๆที่ตัวเอานึกว่าจะซวยแล้วซะอีก"

ไอ้เครอนนะไอ้เครอน แกไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าตัวเองยังไม่ได้แปรงฟัน แหกปากใส่หน้าคิงองค์ไหนเค้าไม่เป็นลมขาดใจเพราะกลิ่นเน่าเหมือนสุนัขตายยกคอกก็บุญแค่ไหนเล้วฟะ สงสารอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนริสมาฟอรัสคงต้องโดนด่าแทนมันไปอีกนาน
ถึงจะคิดแบบนั้นกัสก็พูดอะไรไม่ได้

เหตุการณ์การหาเรื่องระดับประเทศของเครอนกลายเป็นหัวข้อดังที่เจ้าพวกเพื่อนๆสนใจกันมากโดยไม่ได้ดูเลยว่าวันนี้เป็นวันประชุมใหญ่

เพื่อนเตรียมตัวแทนการแข่งศักดิ์สิทธิ์ ทาร์เร่น ลีฟ อันเป็นเกียติยศสูงสุดของนักเรียนในริสมาฟอรัส สายอื่นๆเค้านั่งหน้าเครียดดูสายเวทย์ที่กำลังเมามันกันเป็นสายตาเดียวประมาณว่า
มันบ้าหรือเปล่าเนี่ย
….ปัง….

เสียงประตูหอประชุมใหญ่เปิดออกดังสนั่นทำเอาเครอนที่กำลังหัวเราะล่ากับเพื่อนเป็นอันต้องสงบ คนแรกที่เดินเข้ามาคือ หัวเงินเหมือน

หม้อของไอ้พี่งี่เง่า ฉายาคิง แห่งริสมาฟอรัส เดินวางมาดเต็มที่ก้าวนำมาก่อนตามติดๆด้วยหัวทองจากไอ้คารอส หรือเจ้าชายแห่งริสมาฟอรัส เดินแบบเฉยชาตามนิสัย มี เวล์เซน ปราชณ์แห่งริสมาฟอรัส ตามมาเดินข้างๆหอบเอกสารชุดหนึ่งไว้ในมือยิ้มทักพวกเพื่อนๆ

สายเวทย์ที่โบกมือโบกไม้ให้ ปิดท้ายก็คือพวกคณะกรรมการการคัดเลือกตังแทนแข่งของปี1อีกประมาณหกเจ็ดคนเดินขึ้นเวทีไป

"คงเป็นที่รู้กัน เนื่องจากวันนี้ทางปีหนึ่งของเราต้องเรียกประชุมประกาศรายชื่อผู้ที่จะได้เป็นตัวแทนนักเรียนของเราไปแข่งขันทาร์เร่น ลีฟ อันเป็นเกียติแก่สายและชั้นปี ฉันและคณะการตัดสินคัดเลือกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยดูจากความสามารถ ความพยายาม อดทน

ความเก่ง และความอึ๋ม เอ้ย….ความเอาใจใส่ในการทำงาน" ครอสล์ แกรนต์คิล รีบแก้ตัวทันควันเมื่อไออำมหิตจากท่านหญิงแห่งอิสตันเริ่มแผ่ออกมาจากกลุ่มนักเรียน เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดานักเรียนในหอประชุมดังขึ้นคลายเครียด"และรายชื่อมีดังต่อไปนี้"

ครอสล์ถอยออกจากแท่นประกาศให้เวล์เซนเข้าไปยืนพูดแทนตัวเอง จอมปราชณ์เปิดดูเอกสารในมือสักพักก่อนจะกล่าวประกาศออกมา

"ตามที่ได้เลือกกันไว้มีสายนักดาบ4คน จอมเวทย์4คน พ่อค้า2คน และนักบวชอีก2คน" เวล์เซนเอ่ยรายงานเริ่มต้น "สายดาบมี ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ แห่ง คิลเลียส เอนทารีดัส คอเล็ค แห่ง ไอซอริส อูราน โทรโรเมีย แห่ง ทาร์รอส และ ฟราน การ์ด แห่ง ทาร์รอส ตัวแทนสายจอมเวทย์ คารอส คิลเซเรียส โครไรอิเซล ไลท์เวสต์ แห่ง โครนอส โซรามอส อีฟเซอรัส แห่ง ทาร์รอส เวล์เซน อินเทอรัส แห่ง เซนเทอรัส และ เจมส์ เอ็นคารอไซร์ แห่ง นอร์เบอริน"

รายชื่อสุดท้ายทำให้เกิดเสียงฮือฮาจากบรรดานักเรียนทั้งหลายในหอประชุม ชื่อที่ใครๆก็จำได้ว่าถูกเจ้าชายจากเซนเทอรัสโกงการแข่งขันลอบทำร้ายในสนามประลองอาการสาหัส แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงได้มาร่วมแข่งในทาร์เร่น ลีฟ ได้ไงกันเล่า

"เจมส์งั้นเหรอ" เครอนทวนอย่างไม่อยากเชื่อหู "หมอนั้นยังไม่หายดีเลย"
"คณะกรรมการคิดยังไงของเขานะ" เอนนาเรียกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ
"เจมส์ยังไม่แข็งแรงเลยนะค่ะ" เรนต่อ

"รายชื่อต่อมาสายพ่อค้า เอ็นทรี่ ฮอตทารี่ แห่ง เวสท์แลนต์ กับ แอนนา ริสโซวารีน่า แห่ง นานิเอล" เวล์เซนยังคงประกาศต่อไปโดยไม่สนใจต่อเสียงของเพื่อนร่วมชั้นในหอประชุม "สุดท้ายสายนักบวช ฮิวเกอรี่ มีสไวส์ แห่ง นานิเอล และ โจนาทา กัสเฟอเรต แห่ง ไอส์แลนต์ ผู้ใดที่มีรายชื่อดังกล่าวหลังการประชุมเชิญอยู่ปรึกษากันก่อนด้วย"

เวล์เซนถอยออกมาจากแท่นแล้วส่งต่อให้ไอ้เจ้าคารอสเข้าแทนที่ตำแหน่ง ความเงียบเข้าปลุกคลุมห้องกว้างของหอประชุมอีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ

อย่างว่าแหละไอ้พวกผู้นำหนิ น่าถีบตกส้วมตายนัก

"เรื่องที่ประกาศไปทุกคนคงทราบดีแล้ว แต่เรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การแข่งขันคือเรื่องความปลอดภัย จากประกาศที่ติดไว้แจ้งข่าวเมื่อเทอมแรกทุกคนคงรู้แล้วว่าเกิดเหตุการณ์ลอบฆ่าที่โรงเรียนและบริเวณใกล้เคียงในริสมาฟอรัสเมื่อในเทอมนั้น ตอนนี้คณะกรรมการและคณะบริหารแห่งริสมาฟอรัสยังตามจับตัวจัวฆาตกรที่ลงมือไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากเตือนถึงแม้การแข่งขันจะสนุกเท่าไหนก็ควรระวังตัวไว้ก่อนเป็นดี"

เครอนที่เกือบลืมเหตุการณ์ในวันนั้นไปแล้วชุดคิดขึ้นมาได้

การโตในมหาราชอาณาจักรเดททำให้เขาเรียนรู้จักโลกแห่งความมืดมากกว่าคนอื่นๆ พวกลีฟคิดว่าคนก่อเรื่องเป็นฆาตกรที่หวังผลจากโรงเรียนแต่ลักษณะการฆ่านั้นมันเป็นของเผ่าพันธ์หนึ่งในเกรย์ดอฟ เผ่าชั้นล่างที่เป็นบริวาลของเฮนเทียล

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งล่าสุดก็ผ่านมาเกือบจะ5เดือนแล้ว ถ้าพวกมันยังคอยอยู่แถวนี้อีกไม่เกินสองสัปดาห์คงจะต้องมีศพเพิ่มอีกศพเป็นแน่ หรือไม่อาจมากกว่านั้น

"และทางโรงเรียนยังคงกฏระเบียบเดิม ห้ามนักเรียกออกมาเดินเที่ยวเล่นยามวิการณ์ และต้องเข้าหอก่อนเวลา3ทุ่มตรงไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น"

"สุดท้ายนี้ ทางเราขอแจ้งเรื่องการมาเยือนของกษัตริย์แห่งโครนอส" เสียงประกาศใหม่เมื่อคารอสเดินออกจากแท่นไป เดินผู้ชายร่างเล็กหนึ่งในคณะตัดสินมากล่าวแทน "เนื่องจากคุณคารอส เป็นองค์รักษ์ของกษัตริย์อานอส ต้องเขาร่วมการฝึกซ้อมและแข่งขันที่จะมีขึ้นทางเราจึงตัดสินใจขอให้รุ่นพี่ปี4และ5ช่วยเป็นองค์รักษ์ดูแลคิงอานอสแทนไปก่อนเมื่อยามท

ี่คุณคารอสไปซ้อมแข่งขัน แต่เนื่องจากพวกรุ่นพี่ปี4และ5ตอนนี้มาได้แค่บางส่วนเท่านั้นเราจึงขอเลือกให้นักเรียนบางคนไปรวมคุ้มกันกษัตริย์ด้วย" เด็กชายพักหายใจก่อนจะเปิดเอกสาร "เราคัดตัวมาไว้เพียงสามคนคือ อิริกซิส คอร์เฟต แห่ง วินเทอคัส แรนดัล จอร์ดีน แห่ง อีสทาร์ว และ…"

คนประกาศคิ้วขมวดเป็นปมอย่างไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะเอ่ยชื่อ ช้าๆชัดๆดังก้อง
"เครอน ทันเรอเรน แห่ง คีฟแลนต์"
"หา…………………….."
หนึ่งในสามผู้คุ้มกันกษัตริย์ถึงกับช็อกขั้นรุนแรงแหกปากดังก้องกลบทุกๆเสียงชนิดที่ไม่ต้องใช้สลิง ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน ชะตาขาด
นำแสดงโดย จาตาย เครอน
"มีใครมีปัญหาอะไรไหมครับ"
"มีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เครอนรีบตะโกน "ไอ้พี่บ้าแกจะส่งน้องที่แสนจะน่ารักไปขึ้นเขียงประหารของกษัตริย์โครนอสหน้ายักย์นั้นเชียวเหรอวะ"
"เรื่องขอแก" ครอสล์ยักไหล่ "แล้วใครใช้ให้แกไปเหยียบเท้าเขาแหละวะ เรื่องนี้ฉันช่วยไม่ได้หรอก"
น้องที่แสนจะน่ารัก มันยังอุตส่าห์พูดมาได้
"ย้ายสิฟะย้าย ฝ่านไหนก็ได้ เชียร์ก็ได้ ให้เป็นหรีดก็ยอมนะๆๆๆๆๆๆพี่ ย้าย"
"ไม่" ครอสล์ยืนยันคำเดิม "ยิ่งแกเป็นหรีดยิ่งสยอง"
โธ่โว้ย…ไอ้พี่บ้า ไม่รู้จักช่วยน้องตัวเองซะบ้างเลย อยู่ดีไม่ว่าดีไอ้เราก็พึ่งก่อเรื่องกับเค้าไว้ไม่ถึงครึ่งวันก็ถูกส่งจัดส่งไปให้ถึงมือ มันจะซวยอะไรกันนักกันหนาเนี่ยฟะ
นั้นเมื่อไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องไม้นี่
"ไดอาน่าๆ" เครอนขวักมือเรียกว่าที่พี่สะใภ้สายพ่อค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
รู้สึกว่าจะได้ผล ครอสล์ถึงกับสะดุ้งหน้าซีด ยิ้มเจือนๆเมื่อหันไปกระซิบกระซากกันไม่นานไดอาน่ามองหน้าเจ้าพี่ตัวดีอย่างไม่พอใจอย่างแรง ขนหลังของนักฆ่าลุกชันขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

"ครอสล์ นายจะแกล้งเครอนไปนานไหม" ท่านหญิงแห่งอิสตันกล่าวน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างขมขวัญ
"เปล่าจ้า" ครอสล์รีบส่ายหน้า
"ส่งน้อยตัวเองไปทำงานหนักแบบนี้ยังจะมาแก้ตัว มานี่เลย" ไดอาน่าเริ่มขึ้นเสียอย่างไม่พอใจก่อนจะขึ้นเวทีไปกระชากหูครอสล์ลากลงมาจากเวทีออกจากหอประชุมไป
อามิตตาพุทธ….
เล่นใครไม่เล่นอย่างเล่นก็เครอน ทันเรอเรน คงได้เข้าไอซียูอีกรอบแน่ๆพี่
"ฉันไม่อนุญาติให้นายย้าย" เสียงแดรกดังขึ้นในความเงียบเป็นเสียงเรียบๆของคารอส
เจ้าพี่ครอสล์ยังพอจัดการได้ แต่ไอ้นี่มันหาจุดอ่อนไม่ได้เลยวะซวยจริงๆ
"แกจะใจร้ายส่งเพื่อนไปรับเคราะห์เชียวเหรอวะ" เครอนเริ่มการเจรจาขึ้น
"ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินให้นายไป"
"งั้นนายก็ค้านก็พอ หน้าอย่างนายถ้าค้านรับรองใครก็ไม่กล้าเหรอ เชื่อเหอะ"
คารอสถอนหายใจก่อนจะชี้แจงสิ่งที่ทำให้คนอารมณ์ดีอยู่เสมออย่างตัวแสบเป็นอันต้องอยากกัดลิ้นตัวเองตายไปตรงนั้นเลย
"ชื่อนาย กษัตริย์อานอสเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง"


ตอนที่ 39 หน้าที่
"คารอส มานี่หน่อยซิ" เสียงจากองค์กษัตริย์แห่งโครนอสว่าขึ้น
"ครับ ท่านอา"
"งานที่สั่งให้ทำเสร็จเรียบร้อยหรืองยัง"
ชายหนุ่มผมทองมีแววตื่นอยู่ในดวงตาก่อนจะตีสีหน้าเย็กชาที่ทำประจำกลบเกลื่อน
"ยังครับ"
"ยังงั้นหรือ" คนถามเริ่มไม่พอใจในคำตอบที่ได้ "หลานก็น่าจะรู้ว่าถ้าปล่อยให้อาณาจักรแห่งลีฟยังมีผู้ผูกพันธะแห่งความอยู่จะมีผลเสียอันจะนำมาซึ่งหายนะแก่เรา แล้วยังจะลังเลอะไรที่จะลงมือกัน คารอส"
"กระหม่อม ต้องขออภัย"
"แล้วตอนนี้ฉันได้ข่าวใหม่มาอีกข่าว" อานอสกล่าวพร้อมกับจ้องหลานชาย "ผู้หญิงคนนั้นที่ฉันให้ฆ่าคือ ธิดาเทพ ยิ่งจำกัดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เพราะตอนนี้เกรย์ดอฟเริ่มมีการเคลื่อนไหว ตัดธิดาเทพออกก็เหมือนตัดแขนขวาของเฮนเทียล ชัยชนะของลีฟอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือเท่านั้นเอง"
"ท่านอา ตอนนี้ธิดาเทพมีครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ มือพิฆาต แห่ง คิลเลียส คอยดูแลอยู่ คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกครับ"
"งั้นหรือ" อานอสนิ่งคิด "น่าสน ใครๆก็ยกย่องว่าธิดาเทพเก่งกาจเวทย์แปลงกาย และมนต์ดำเป็นที่หนึ่ง อยากรู้นักว่าจะแน่สักแค่ไหน"
"แล้วท่านอาว่า ธิดาเทพมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายปริศนาในริสมาฟอรัสหรือไม่"
"ใช่อยู่แล้ว" อานอสตอบอย่างมั่นใจ "เฮนเทียลฉลาดเป็นกรดคงรู้ว่าหลานที่เป็นทายาทของตระกูลมาอยู่ที่ริสมาฟอริสเลยสั่งให้ลูกสาวมาคอยขัดขวางและฆ่าหลานทิ้งมั้ง เพราะถ้ามีคารอส คิลเซเรียส อยู่เดทก็จะเคลื่อนไหวลำบาก"

ที่นายมาตีสนิทฉันเป็นเพื่อนเพื่อรอฆ่าทิ้งอย่างที่ท่านอาว่าจริงหรือ เครอน
"แล้วว่าไง พบตัวธิดาเทพบ้างไหม"
"ยังไม่พบเลยครับ"
"งั้นไปได้แล้ว แล้วฉันหวังว่าหลานจะทำงานสำเร็จโดยเร็ว"
คารอสก้มหัวทำความเคารพองค์กษัตริย์แห่งโครนอสแล้วจึงก้าวออกจากห้องพักของอานอสไป แต่ก่อนที่จะปิดประตูเสียงของผู้เป็นอาก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นแกมสั่งสอนและย้ำเตือน
"อย่าลืมว่าตัวเองมีหน้าที่อะไรคารอส หน้าที่ๆต้องล้างแค้นให้โครอส และจงจำไว้ว่าใครเป็นผู้มีพระคุณของหลานเอง"
"ท่านอาคือผู้มีพระคุณสูงสุดของกระผมครับ" คารอสกล่าวก่อนจะปิดประตูจากไป
ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอา คนอย่างเขาคงจะตายไปแล้วด้วยน้ำมือของจ้าวเฮนเทียล ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่จะต้องขอล้างแค้นให้ท่านพ่อ เฮนเทียลและพระธิดาต้องชดใช้การกระทำในวันนั้น
"ท่านพ่อ"
เด็กชายวัยเพียงสิบขวบร้องเรียกพ่อของตนที่กำลังบาดเจ็บจากการต่อสู้กับจ้าวแห่งความมืด เลือดสีขาวของเทพไหลอาบพื้นน้ำแข็งในดินแดนเหมันต์ ท่านพ่อกำลังเจ็บและจะล้มลง
เด็กน้อยพยายามวิ่งไปหาแต่ก็ถูกผู้เป็นแม่ดึงรั้งไว้
"แอนนาเอล พาลูกหนีไป"
ชายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นพร้อมกับเสกกำแพงเวทย์ป้องกันลูกไฟเพลิงที่กำลังพุ่งเข้าหาตัวเอง แต่แรงปะทะทำเอาตัวเขากระเด็นออกไปไกล อย่างไม่มีโอกาสลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง
โครอสที่กำลังป่วยหรือจะมีแรงสู้ศึกกับจักรพรรดิแห่งเกรย์ดอฟ แม้ตัวเขาจะเป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในอาณาจักรลีฟแต่ยามอ่อนแรงย่อมมีพลาด จอมปีศาจฉวยโอกาสยามนี้เพื่อตัดรากถอนโคนตระกูลคิลเซเรียส
"เร็วเข้า พาคารอสหนีไป" โครอสพยายามลุกขึ้นยืน
แต่ผู้เป็นภรรยาไม่ยอมทำตามกลับเรียกเวทย์วายุเข้าโจมตีเฮนเทียลที่กำลังเดินเข้ามาจัดการโครอส แต่แรงเวทย์ทำได้แค่หยุดฝีเท้าของ

ปีศาจชั่วขณะเท่านั้น
เฮนเทียลยิ้มแสยะให้ก่อนจะเปลี่ยนทิศเดินตรงมายังสองแม่ลูก ฉับพลันมหาเวทย์สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมายังจุดที่เจ้าปีศาจมา ผิวหนังของจ้าวแห่งเกรย์ดอฟไหม้พุพองเรียกเลือดที่ดำเข้มของปีศาจไหลอาบ
"คู่ต่อสู้ของนายคือฉัน" โครอสว่าพร้อมกับโยนคทาในมือให้แอนนาเอล
"มหาเวทย์แห่งลีฟที่หมดสภาพงั้นหรือ" เฮนเทียลหัวเราะ
โครอสเริ่มท่องมนต์ด้วยภาษาแห่งเทพ ก่อตัวความสว่างส่องแสงจากจุดที่เขายืนอยู่เป็นวงกว้างก่อนจะซัดเวทย์แห่งความสว่างเข้าใส่จ้าวความมืด เสียงร้องโหดหวนของเฮนเทียลก้องดังทั่วผืนดินในดินแดนฤดูหนาว
แต่แล้วพลังจากมหาเวทย์ที่อาการป่วยกำเริบ ล้มลงกระอักเลือดในฉับพลัน จอมปีศาจที่น่าจะตายไปด้วยเวทย์จึงรอดมาอย่างหวุดหวิด
รอยยิ้มปีศาจแสยะก่อนที่จะไม่เสียเวลาอันมีค่า ซัดพลังเวทย์ตรงเข้าปริชีพคนที่ล้มให้ไม่มีโอกาศลุกขั้นยืนอีกครั้ง ท่านแม่พยายามปิดตาเขาแต่ก็สายไปเสียแล้ว
"ท่านพ่อ…."
ร่างของมหาเวทย์แห่งลีฟล้มลงกับพื้นหิมะขาวโพล่น เลือดไหลอาบร่างแต่กลับใช้แรงสุดท้ายพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาแต่กลับดังกังวาลในใจอันปวดร้าวของเด็กน้อย

"หนี…ไป"
"พ่อ….."
เด็กน้อยตะโกนลั่นพยายามสลัดให้หลุดจากอ่อมอกของผู้เป็นแม่ไปยังร่างของพ่อ น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างแต่ปากยังตะโกนเรียนชื่อบิดา หวังว่าเขาผู้นั้นจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
"ชัยชนะเป็นของฉัน" เฮนเทียลว่าแล้วหัวเราะดังก่อนจะหันมายังคนที่เหลือ "ถึงเวลาต้องตัดรากถอนโคนแล้ว"
จ้าวแห่งความมืดเดินเขามาใกล้ แต่นางฟ้าฤดูหนาวปล่อยมือจากลูกมายืนขว้างไว้
"ถอนไป แอนนาเอล" เสียงเฉียบขาดจากเฮนเทียล
"ไม่มีวัน"
"ฉันให้โอกาสเธอแล้ว อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายที่ฆ่านางฟ้าแห่งเหมันต์"
เฮนเทียลร่ายมนต์ดำใบมีดนับสิบพุ่งทะยานออกมาจากทุกสารทิศเข้าใส่แอนนาเอล นางฟ้าใช้สายลมหนาวพัดเปลี่ยนทิศของมีดให้กระจายออกแทน
แต่ใบมีดพวกนั้นเป็นแค่กับดักเพื่อดึงความสนใจ เมื่อเฮนเทียลพุ่งลูกไฟขาดใหญ่เข้าใส่นางจากด้านหลัง
"กรี๊ด….."
"ท่านแม่" ลูกชายรีบวิ่งเข้ามา
"อย่างเข้ามา คารอส" แอนนาเอลกล่าว "รีบไปซะ หนีไป"
"รักกันดีจริงๆนะ" เฮนเทียลยิ้ม "น่าเสียดายที่ฉันเกียจความรัก"
เวทย์ไฟถูกปล่อยออกมาหวังฆ่าหญิงสาวที่กล้ามาขว้างทาง เวลาที่เหมือนเดินช้าราวกับภาพที่ค่อยๆเดินไปในสายตาของเขา
ถ้าเพียงเขาเก่งพอ ถ้าเพียงเขาไม่อ่อนแอ ท่านพ่อก็คงไม่ต้องตาย ท่านแม่ก็คงไม่ต้องมาปกป้องภาระอย่างเขา 'หนีไป' ใครๆก็ให้เขาวิ่งหนี หนีแล้วทิ้งพ่อและแม่ของตัวเองไว้เบื้องหลัง กลายเป็นความอัปยศที่ติดตัวเขาไปจนวันตาย
ถ้าเพียงเขาแกร่งพอ คงไม่เป็นแบบนี้
เพราะเขาอ่อนแอ


ตอนที่ 40 ปะทะกษัตริย์
"เฮ้ย คารอส" เสียงตะโกนดังเข้าโสตประสาตของจอมเวทย์ปลุกให้เขาตื่นจากห้วงความคิด
"อะไร"
"ไม่มีอะไรหรอก ก็เห็นนายนั่งเมอไม่พูดไม่จามาตั้งนานแล้วอะดิ" โซรามอสกล่าวก่อนกับเอ่ยถามอย่างสงสัย "วันนี้นายเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นตั้งแต่ถูกกษัตริย์อานอสเรียกตัวไปแล้ว"
"เปล่า ไม่มีอะไร"
โซรามอสยิ่งขมวดคิ้วหนักข้ออย่างสงสัยเต็มทน มันใจลอยมาตั้งแต่กลับมาแล้วนะเฟ้ย
"เอาเหอะๆ " ในที่สุดโซรามอสก็ยอมถอดใจเมื่อรู้เต็มอกว่ามันคงไม่มีทางพูด
"เวล์เซนกับเครอนไปไหน" คารอสเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนอยู่
"ประชุมวางแผน" โซรามอสยักไหล่แล้วหันมากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแกมขอร้อง"ท่าไม่มีอะไรก็ไปช่วยไอ้เครอนมันที่ห้องพยาบาลหน่อยก็แล้วกัน ฉันไม่ว่าง"
"ช่วยเรื่องอะไร"

"ก็….."
"โอ้ย"
"เงียบหน่า อย่าทำสำออยไปหน่อยเลย"
"ก็เพราะแกแหละ" ครอสล์โวยใส่น้องชายที่กำลังใส่ยาให้อย่างเอาเป็นเอาตาย "ฉันเจออะไรบ้างข้างนอกแกรู้ไหม"
"ก็เจอตืบไง"
เจอตืบรอบสอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าโชคดีที่ไม่ได้อาการหนักเหมือนครั้งที่แล้ว แค่แผลเล็กน้อยจำพวกหัวแตกหลายเข็ม แขนหักข้างหนึ่ง ขาอีกข้าง แล้วก็รอยฟกช้ำอีกเต็มตัวไม่นับแผลสด
แผลเล็กน้อยนะเนี่ย
"แกมันแสบจริงๆ" ครอสล์กล่าวอย่างจนปัญญาเต็มทน
เครอนได้แต่ยิ้มทั้งเห็นใจแกมสะใจกับไอ้มาดหมดหล่อของพี่ตัวเอง คิงแห่งริสมาฟอรัส คงหมดความเท่ไปอีกนานถ้ายังมีเฝือกพันแขนและขาหนาเป็นนิ้วอยู่แบบนี้
"โอ้ย……"
ครอสล์ร้องลั่นเมื่อน้องตัวดีใส่ยาที่แผลสดกว้างบนหัวเต็มแรง
"เงียบโว้ย"
"แกเป็นเวทย์ก็หัดใช้สิวะ มาใส่ยาเป็นคนธรรมดาไปได้" ครอสล์ต่อว่า
"ไม่" เครอนยิ้มอย่างที่เล่ห์ "ฉันอยากเห็นพี่ในสภาพหมดหล่อแบบนี้แหละ ใช้เวทย์พยาบาลสมานแผล ต่อกระดูก แล้วก็ลบรอยฟกช้ำมันง่ายไป ไม่หล่อแบบนี้จะได้เข็ดซะบ้าง"
"โธ่เว้ย แกไม่ทำให้อาจารย์พยาบาลทำให้ก็ได้" ครอสล์กล่าวแล้วหันไปเรียกอาจารย์
"เรียกไปก็เปล่าประโยชน์ วันนี้อาจารย์ไม่อยู่ ออกไปช่วยงานที่โรงพยาบาล"
แพ้มันอีกจนได้ ครอสล์นึกในใจโดยไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าเคยมัดมือชกน้องชายมาเท่าไรแล้ว
…..แอ๊ด…..
เสียงประตูห้องพยาบาลเปิดออกก่อนที่ผู้มาใหม่จะเดินเข้ามา ใบหน้าของเจ้าชายแห่งริสมาฟอรัสที่เครอนเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อตอนเช้าวันนี้ดูซีดๆ

ยังไงก็ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่ขอถาม
"โซรามอสมันบอกว่าไม่ว่าง ให้ฉันมาดูแทน"
"นายมาก็ดีเลย" ครอสล์รีบว่า "ช่วยใช้เวทย์รักษาให้หน่อยสิ เอาให้หล่อเหมือนเดิมนะ"
คารอสได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินเขามาดูอาการเจ้าหัวหน้านักฆ่าหมดสภาพจากการโดนว่าที่ภรรยาจัดการ ถ้าให้ใครเค้ามาเห็นมีหวังชื่อเสียงอันเป็นที่เกรียงไกรได้ตกดิ่งมาไม่มีชิ้นดีแน่
"นายก็ให้ไอ้เครอนมันทำสิ"
"มันไม่ยอมทำ"
เดี๋ยวก่อนๆ ทำไม่มันเรียกกันห้วนๆแบบนี้เลยวะ ทั้งๆที่พี่ก็อายุมากกว่าอยู่ปีหนึ่งแท้ๆ อย่างไอ้คารอสมันก็ไม่ใช่คนไร้มารยาทขนาดนั้นหนิ
"คารอส นายอายุเท่าไหร่"
คำถามนอกเรื่องของเจ้าตัวแสบเล่นเอาหนึ่งจอมเวทย์กับอีกหนึ่งนักฆ่าเลิกคิ้ว
"18 ทำไมเหรอ"
โอ้จอร์ด มันแก่กว่า อายุเท่าพี่เลย

"เหอะๆ มิน่า หน้าแก่" ตัวแสบหัวเราะ
"เออ นายหน้าแก่เท่าฉันงั้นสิ เค้าถึงว่านายเป็นแฝดฉัน"
"ไอ้บ้า"
มาหาว่าคนหน้าตาดีอย่างเครอน ทันเรอเรน ว่าหน้าแก่ได้ยังไงฟะ คนออกจะหล่อ เฟี้ยว
"เรื่องรักษาฉันจัดการให้นายเองก็แล้วกัน" คารอสหันไปพูดกับครอสล์ "ส่วนนาย เครอน ได้เวลาเข้าเวณคุ้มกับกษัตริย์แห่งโครนอสแล้ว นายรีบไปดีกว่าเพราะท่านอานอสไม่ชอบคนมาทำหน้าที่สาย"
"รู้แล้ว" เครอนยกมือยอม "ถึงนายจะไม่เตือนฉันก็พอเดาได้อยู่หรอก หน้าออกจะดุแบบนั้น"
เครอนหันหลังเดินออกจากห้องพยาบาลไป ทิ้งพี่ไว้กับแฝดผู้พี่
เจ้าระเบียบน่าดู ไอ้กษัตริย์นี้
คิดไปบ่นไปตลอดทางที่นำไปสู่ห้องพักส่วนตัวของอานอสที่อยู่ชั้นสองของปราสาทขาว ซึ่งปกติรู้จักในนามหอสมุดใหญ่ของโรงเรียน เพราะชั้นหนึ่งคือหอสมุดที่ทั้งใหญ่และสูง มีหนังสือเป็นกองภูเขาอยู่ในชั้นสูงจรดเพดาน บางทีเขาก็ชอบมาหาหนังสืออ่านเล่นอยู่ที่นี่เหมือนกัน
ชั้นสองเป็นชั้นที่ไว้รับแขกสำคัญๆ อย่างครั้งนี้
"นี่น้องไปไหนมา" เสียงจากรุ่นพี่ที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องพักส่วนตัวถามเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
"พอดีติดธุระมาครับ"
"น้อง รีบไปเข้าไปเลย"
"อะไรนะ" เครอนทวนอย่างงง "เข้าไปทำไม"
"องค์กษัตริย์มีรับสั่งให้น้องเข้าเฝ้า"
กรรม… แค่เหยียบเท้านิดหน่อยทำไมจำฝังใจกันนักฟะ เหยียบแค่เบาๆเอง
เบาตายเลย อีกเสียงร้องแย้ง ใส่ซะเต็มบาทาขนาดนั้นเนี่ยนะ
"ขออนุญาติครับ"

เครอนกล่าวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง ภาพตรงหน้าเล่นเอาเขากรี๊ดแปดตลบ ห้องทั้งห้องกว้างใหญ่เกือบเท่าหอเวทย์ทั้งหอมีเตียงนอนสุดห้องขนาดมหึมาทำมาจากทองคำ โต๊ะทรงอักษรอยู่อีกมุมเกี้าดี้ประดับด้วยเพรชพลอย ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมจึงต้องวางการคุ้มกันมากมายขนาดนี้ แล้วยังมีชุดรับแขกไหมแท้ตัวใหญ่ ชั้นหนังสือ และก็ระเบียบกว้างใหญ่รับลมที่แสนจะเย็นสบายเข้ามาในห้อง

ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเขาเล็กลงไปถนัดตา
"ห้องฉันมันมีอะไรแปลกงั้นหรือ" เสียงจากอานอสที่มายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
"ฝ่าบาท" เครอนตกใจก่อนจะรีบก้มหัวเคารพ
"ฉันเรียกเธอมาเพราะต้องการคุยเรื่องของคารอส" อานอสเดินไปนั่งที่โซฟาใหญ่พร้อมกับมองนักเดินทางพเนจรอย่างวางอำนาจเหนือกว่าทำให้เครอนรู้สึกอึดอัด
ไม่ว่าใครเขาว่าคิงอานอสเป็นอย่าง แต่สำหรับเขาเขาว่าเป็นคนที่ไม่น่าคบที่สุด
"อย่างที่บอก เธอก็น่าจะรู้ว่าคารอสเป็นจอมเวทย์ที่มีความสำคัญกับโครนอส" อานอสกล่าวต่อ "ในฐานะจ้าวผู้ปกครองประเทศโครนอสฉันอยากบอกว่า ไม่ต้องการให้เขาต้องไปยุ่งกับพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างพวกนักเดินทางอย่างเธอ หวังว่าคงเข้าใจที่ฉันพูดนะ"
"ฝ่าบาททรงตรัสเกินไป กระหม่อมแม้จะเป็นนักเดินทางพเนจรไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่กระหม่อมมีความจริงใจกับเพื่อนทุกคน"
"เธอกำลังหาว่าฉันไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ" น้ำเสียงของอานอสเริ่มไม่สบอารมณ์
"หามิได้ กระหม่อมแค่กล่าวเฉยๆ"
"คารอส โตมาเพื่อนโครนอส ฉันไม่อยากให้ใครมานำให้เขาเดินทางผิด ไม่ได้งั้นหรือ"
"ทรงวางใจ คารอสไม่ใช่คนแบบนั้นแน่"
"ฉันพูดให้เธอเอาไปคิด และให้เวลาแค่คืนนี้เท่านั้น จงเลิกยุ่งเกี่ยวกับคารอสซะ"
รับสั่งเด็ดขาดของคิงไม่ได้ทำให้คนตรงหน้ากลัวแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ความโกรธที่แผ่อยู่ในตัวกำลังเดือดผลาน ถึงจะเป็นคิงก็ไม่ควรใช้อำนาจข่มขู่ประชาชน คนๆนี้ไม่มีคุณสมบัติกษัตริย์เสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจนายแล้ว คารอส ว่าทำไมนายถึงได้ชอบใส่หน้ากากเย็นชาตายด้านนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หน้า 1-2-3-4-5-6

The Princess Of Darkness
Free Web Hosting