The Princess Of Darkness
แก้วแห่งความรู้แจ้ง --by The Ink

ตอนที่ 1 การมาเยือน
"อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านเครอน"
เสียงใสๆของหนุ่มน้อยวัย10ปีที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้สนใจต่อสายตาดุๆของเจ้าของบ้านที่มองผ่านหน้าหนังสือออกมาก่อนจะหัวเราะอย่างเอ็นดู
"ไงวิช มาแต่เช้าเชียว"
ชายหนุ่มวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วหันไปมองผู้มาเยือนตัวน้อยที่บัดนี้กระโดดมานั่งอยู่ข้างๆเขาเรียบร้อยพลางเล่นกองหนังสือตรงหน้า
"ท่านเครอนนี่หล่อเหมือนเดิมเลยนะครับ" หนุ่มน้อยกล่าวแซว "ไม่รู้ว่าตอนผมอายุ17ปีเท่าท่านเครอนตอนนี้จะหล่อสู้ได้หรือเปล่าน้า"
"ไม่ต้องนอกเรื่องเลย" เครอนพูดตัดบทพลางเอามือปัดผมสีน้ำตาลทองยุ่งไม่เป็นทรงให้เข้าที่เข้าทางก่อนดวงตาสีเขียวมรกตจะจ้องไปยังหนุ่มน้อยตรงหน้า "มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า หรือว่าจะมาขอขนมกินอีกตามเคย"
"ท่านเครอนฉลาดจริงๆ" วิชยิ้มให้พร้อมกับส่งตะกร้าใบโตที่ใส่ผลไม้ต่างๆจนเต็มให้เครอนแล้วกล่าว "คุณซัคเซสเค้าฝากให้ผมเอานี่มาให้เป็นการขอบคุณที่ช่วยรักษาอาการของแกจนหายดี" ก่อนจะไม่วายกล่าวย้อน "ความจริงขนมก็ดีเหมือนกันนะครับ"
คนตัวโตกว่าได้ยินก็ยิ้มๆพลางลูบผมเด็กน้อย
"โชคดีจริงๆนะครับที่ท่านเครอนมาที่นี่ เมืองเราเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรจะรักษาคนแต่ละทีก็ต้องพาไปถึงเวสต์แลนต์แถมยังต้องจ่ายค่าหมอซะแพงแสนแพง พอท่านเครอนมาอยู่ที่นี่เรามีอะไรเดือดร้อนก็มาหาได้เสมอโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเลยแม้แต่น้อย" หนุ่มน้อยยิ้มหันมาถาม "ทำไมท่านเครอนถึงเลือกมาอยู่ที่นี่หรอครับ"
คนถูกถามชะงักก่อนจะเอามือที่กำลังลูบหัววิชเบาๆออก "ก็เพราะเป็นเมืองเล็กๆไงเล่าฉันถึงชอบ ไม่ต้องคอยแก่งแย่งชิงดีกับใครเหมือนที่อื่นๆ อยู่อย่างสงบแบบนี้มีอะไรก็แบ่งปันกันออกจะดีไม่ใช่หรอไง"
"งั้นแสดงว่าท่านเครอนเคยไปเมืองอื่นมาแล้วจริงหรือครับ"
"ก็ฉันเป็นนักเดินทาง ต้องเดินทางไปทั่วมันเป็นงานของนักเดินทาง"
"เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับ"

พระอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของบ้านเข้ามาแต่เจ้าตัวเล็กกลับนั่งฟังคนตัวใหญ่กว่าเล่าเรื่องราวอย่างตั้งใจโดยไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง เขาฟังประสบการณ์ต่างๆของเครอนราวกับฟังนิทานผจญภัยอันแสนจะตื่นเต้น ดวงตาสีน้ำตานจ้องอย่างจดจ่อไปยังคนตรงหน้าอย่างนับถือ เครอนเล่าถึงดินแดนน้ำแข็งแห่งไอส์แลน คนแคระเคราแดงแห่งอิสตัน เทพผู้อารักษ์แห่งเมืองเกาะมัสลิน และยังเล่าถึงทะเลสาบมรณะในดินแดนอาถรรณ์แห่งเกรย์ดอฟนครที่ได้ชื่อว่านรก จนในที่สุดผู้เล่าที่เล่ามานานกว่า4ชั่วโมงเต็มก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน พลางมองเจ้าตัวน้อยที่ยังคงสดใสไม่รู้จักเหนื่อย

"ไว้วันหลังผมมาใหม่นะครับ"
วิชกล่าวเมื่อมาถึงหน้าบ้านของตนพร้อมกับยิ้มให้อย่างเคยทำเอาคนมาส่งแทบไม่อยากให้กลับแต่ต้องแข็งใจก่อนจะตอบ
"อืม"
"แล้วอย่าลืมเล่าเรื่องเมืองไอซอริสให้ผมฟังต่อด้วยนะครับ" วิชเตือน
"อืม"
"บายครับ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็เปิดประตูกลับเข้าบ้านของตนเองไปทิ้งคนมาส่งส่ายหัวพลางอมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะหันหลังเดินกลับไปแต่…
"ท่านเครอนครับ ถ้าโตขึ้นผมอยากจะเป็นอย่างท่านเครอนบ้างผมจะทำยังไง"
เครอนยิ้มก่อนจะตะโกนตอบกลับว่า
"ก็ลองออกเดินทางหาเส้นทางของตัวเองดูสิ"
เขาอธิบายแต่พอเห็นหน้างงของเด็กน้อยเขาก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปลูบหัวเบาๆตามประสาผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็ก
"พอโตขึ้นก็จะเข้าใจเอง" เด็กชายพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็รับฟังและวิ่งจากเข้าบ้านไป เครอนถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดราวกับเสียงกระซิบในสายลม "เพราะฉันไม่อาจอยู่กับนายได้ตลิดไปหรอก วิช สักวันเราต้องจากกัน"

หลังจากนั้นไม่กี่วันหลังจากวันนั้นก็มีข่าวสารให้เครอนต้องออกเดินทางด่วนจากคีฟแลนต์ไป ทางครอบครัวของนักเดินทางผู้นี้เดินทางมารับในทันที เมื่อได้ทราบข่าววิชก็พยายามอ้อนวอนให้ตัวเครอนอยู่ต่อแต่ถึงแม้จะรำบากใจไม่อยากจะจากไปเพียงไรชายหนุ่มก็ปฎิเสธไป
ตั้งแต่นั้นเด็กชายก็เก็บตัวเงียบไม่ออกมาพูดคุยกับใครเหมือนแต่ก่อน เครอนที่เป็นห่วงก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเนื่องจากโดนเร่งจากพี่ชาย คงทิ้งไว้แต่ความหวังดีอละห่วงใยในแววตานั้น

ตอนที่ 2 เมืองเวสต์แลนต์
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเรือเที่ยวสุดท้าย"
ครอสล์พี่ชายตะโกนเรียกเครอสที่กำลังร่ำลาชาวเมืองคีฟแลนต์ที่ต่างพร้อมใจกันมาส่งเขาถึงท่าเรือโดยเฉพาะคิดที่ทำหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ
ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ เป็นพี่ชายบุณธรรมของเครอน ชายหนุ่มวัยประมาณ18ปี ผมสีเงินสวยหน้าตาหล่อเหลาเอาการ มีตาสีฟ้าใสคมเหมือนเหยี่ยวซึ่งถ้าไม่บอก็ยากจะเดาได้ว่าเป็นนักฆ่า
"คุณเครอนช่วยรับนี่ไปด้วยนะค่ะ เอาไว้กันหิว"
"เสื้อนี่เอาไว้กันหนาว"
"พี่เครอนเนี่ย ดูจะดังจังนะครับ" เด็กหนุ่มวัย15ต้นๆผมสีน้ำผึ้งใบหน้าออกจะติดสวย ทอดมองพี่ชายคนกลางผ่านนัยน์ตากลมโตน้ำตาลเปลือกไม้พร้อมกับยิ้ม
"เราต้องรีบมาไหม ฮิวเกอรี่" ครอสล์หันไปถามน้องชายคนเล็ก
"ไม่ต้องรีบมากก็ได้ครับ ยังพอมีเวลา"
"ขอบคุณครับ" เครอนกล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับรับของต่างๆที่ชาวเมืองนำมาให้
"ท่านเครอนไม่ไปไม่ได้เหรอครับ"
วิชที่ยืนอยู่เริ่มพูดเป็นครั้งแรกหลังจากอยู่แต่ในบ้านมานานพร้อมกับก้มหน้าหลบดวงตาสีเขียวนั้นเพราะไม่อยากให้มองเห็นน้ำตา แต่เครอนรู้แก่ใจดีเอามือลูบหัวเด็กน้อยเล่น
"ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะได้เจอกันอีก"
คำพูดนั้นทำเอาวิชเงยมามองคนที่ตนชื่นชมไม่ต่างจากพี่แท้ๆทั้งๆที่น้ำตาคลอ
"ลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆนะรู้ไหม" เครอนกล่าวพร้อมยิ้มให้ "เข้มแข็งไว้สิ ฉันยังไม่ตายนะทำเป็นยังกะจะจากกันชั่วชีวิตเฉยเลย"
แต่พอเห็นเด็กน้อยยังไม่มีท่าทางดีขึ้นเขาก็ถอนหายใจแล้วส่งบางสิ่งให้ คิดมองขวดแก้วขนาดเล็กที่คล้องสายสร้อยในมือตนอย่างสงสัย เพราะภายในขวดนั้นมีหมอกบางอย่างบรรจุอยู่ส่องแสงสว่าง
"เครื่องรางนี้ฉันพกอยู่เสมอยกให้นาย เอาไว้ติดตัว" เครอนบอก "ฉันต้องไปแล้ว"
ว่าแล้วตนก็กระโดดขึ้นเรือลำเล็กๆที่ติดต่อไปยังเมืองการค้าเวสต์แลนต์ เรือกำลังออกจากท่าห่างจากเด็กน้อยเรื่อยๆ คิดรวบรวมความกล้าตะโกนไปยังเรือที่ไกลออกไปทุกทีก่อนที่จะหายรับไปกับสายหมอก
"ท่านเครอน โตขึ้นผมจะเป็นนักเดินทางที่เก่งอย่างท่านให้ได้เลย"
ดูเหมือนคนฟังอาจจะไม่ได้ยินแต่ความตั้งใจแน่วแน่ของเด็กน้อยยังคงตั้งใจมั่น ถึงเครอนจะจากไปแต่ได้ทิ้งความกล้าและความหวังเอาไว้ให้แก่เด็กน้อยผู้นั้นเสียแล้ว

หลังจากเสียเวลากับด่านตรวจบ้าแห่งเวสต์แลนต์เป็นอย่างมากเนื่องจากพี่ครอสล์ของเราดันมีอาชีพเป็นถึงนักฆ่าคนสำคัญแห่งคิลเลียส เครอนและฮิวเกอรี่ที่ผ่านตั้งนานแล้วจึงต้องรอผลการสอบสวนนานกว่าครึ่งวันเต็มๆ จนในที่สุดเราก็ได้มาเดินเล่นในนครหลวงแห่งเมืองซะที
เมืองเวสต์แลนต์เป็นเมืองทางการค้าสำคัญแห่งหนึ่ง ผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งมนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ เทพ แม้แต่ปีศาจต่างสามารถพบได้ที่เมืองนี้ แต่กลุ่มคนหรือจะสู้ร้านค้าที่เนืองแน่นสมกับแดนการค้า สินค้าทุกชนิดทุกประเภทตั้งแต่ไม้จิ้มฟันถึงมังกรไฟขนาดใหญ่เท่าบ้านเรือน
"พี่เครอนไปดูตรงนั้นกัน" ฮิวเกอรี่กล่าวอย่างตื่นเต้น
"เดี๋ยวก่อนๆ" ครอสล์ขว้าตัวน้องชายไว้ได้ทันก่อนที่จะวิ่งหายไป "ฉันยังไมเข้าใจเหตุผลที่นายอยู่ดีๆก็มาบอกให้พวกเราจัดกระเป๋าแล้วย้ายมาที่เวสต์แลนต์เลยนะ"
"ใช่ฮิวเกอรี่ ข่าวดีอะไรของนายกันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการย้ายข้าวของมาที่นี่ด้วย"
ฮิวเกอรี่หัวเราะก่อนจะกล่าวสั้น "พี่ครอสล์ พี่เครอน และผม ได้รับสิทธิให้เข้าศึกษาในโรงเรียนแห่ง
ริสมาฟอรัสครับ"

คำพูดนั้นทำเอาคนทั้งสองหยุดชะงักมองหน้ากันสลับกับน้องชายด้วยสายตาแบบอ่านได้ว่า ล้อเล่นใช่เปล่า
"ไอ้โรงเรียนริสมาฟอรัสที่3ปีจะรับนักเรียนครั้งแล้วแยกให้ศึกษาตามสายถนัดพอจบก็มีงานใหญ่ๆรองรับนั้นแน่หรอ" ครอสล์ถามอย่างไม่แน่ใจ
"โรงเรียนอันดับหนึ่งแห่งลีฟ?"
"ใช่ครับโรงเรียนนั้นเลย ผมได้รับจดหมายมาเมื่อวานนี้มีทั้งของพี่สองคนอยู่ด้วยเลยรีบมาหาทันทีเลย" น้องคนสุดท้องว่าแล้วหยิบซองจดหมายขึ้นมาให้ดู ครอสล์ใช้มือที่ไวกว่าฉวยไปได้ก่อนน้องแต่ยังไม่ทันได้อ่านก็ถูกแย่งไป เครอนอ่านจดหมายอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งให้พี่ที่ทำหน้าบูดกำลังได้ที่
"เป็นไงบ้างพี่"
"อืม เรียนก็เรียนไม่เป็นไงหรอก" เครอนกล่าวนิ่งๆ "ที่นายพาพวกเรามานี่ก็คงมาหาซื้อของที่ใช้เรียนใช่ไหมฮึก"
"เปิดรายงานตัววันไหน" ครอสล์ถามหลังจากอ่านจดหมายจบ
"มะรืนนี้ครับ"
ฮิวเกอรี่ยิ้มก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้น "ไปหาซื้อของกันเถอะพี่"
"ไว้ทีหลัง เราต้องหาที่พักก่อน" เครอนกล่าวเรียบๆพลางขว้าร่างน้องชาย
เมื่อเดินหาที่พักได้แล้วสามพี่น้องก็จัดแจงพร้อมใจพากันออกมาดูของต่างๆตามทางด้วยกัน มีทั้งร้านค้าอุปกรณ์ช่าง หนังสือ ขายดาบ อุปกรณ์เวทย์ และของต่างๆที่น่าสนใจอีกจนลายตา
"เครอน พี่ขอไปดูร้านนั้นหน่อยนะ"
"พี่ครับผมเองก็ขอตัวไปดูหนังสือนะครับ"
"อืม ตกลงแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน ถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็กลับไปที่พักเลยนะ"
ว่าแล้วกลุ่มสามพี่น้องก็สลายตัวไปตามทางของตนเอง เจ้าพี่บ้านั้นก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกวิ่งไปจีบสาวทันทีต่อหน้าต่อตา เครอนส่ายหัวอย่างเซ็งๆกับนิสัยของพี่ตนเองก่อนจะเดินจากไปตามถนน
ถนนนี้ยิ่งค่ำยิ่งคึกคัก กลิ่นอาหารหอมลอยมาจากร้านอาหารใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่การเมืองร้านขนมรูปร่างน่ากินที่อยู่ข้างๆก็มีขนมมากมายให้เลือกซะจนไม่รู้จะเลือดชิ้นไหน
"พี่ชายค่ะ ลองชิมขนมดูสิค่ะ"
พนักงานสาวของร้านขนมนั้นทักขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานทำให้เครอนต้องเดินไปหาตามมายาท ที่จริงเขาเองก็หิวอยู่เหมือนกันเนื่องจากตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย
"นี่อะไรหรอครับ" เขาชี้ไปที่ขนมที่สวยเด่นรูปร่างคล้ายพระจันทร์ขนาดพอดีคำ
"นี่คือขนมขึ้นชื่อของเมืองเวสต์แลนต์ค่ะ เป็นสินค้าที่ทำรายได้สำคัญให้เมืองนี้นะค่ะ" พนักงานสาวอธิบายยิ้มๆให้กับหนุ่มหล่อตรงหน้า "ถ้าไม่ได้กินไม่เรียกว่ามาถึงเวสต์แลนต์"
"เหรอครับ ผมพึ่งเคยมาเลยไม่รู้" เครอนแกล้งทำหน้าซื่อๆทั้งๆที่ตัวเองมาเป็นรอบที่ประมาณพันกว่าแล้ว
"ขนมชนิดนี้ทำด้วยแป้งพิเศษนะค่ะ" พนักงานอธิบายต่อ "ถ้าหิวก็ช่วยให้หายหิว ถ้าเหนื่อยก็ช่วยให้หายเหนื่อย และถ้าบาดเจ็บยังช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บด้วนนะค่ะ เป็นสูตรเฉพาะของร้านเราเรียกว่าขนม ปารักษ์จันทร์"
"ปารักษ์จันทร์ งั้นเหรอครับ ชื่อแปลกจัง"
"ค่ะ ปารักษ์มาจากคำว่า ปารถนา ตามตำนานเวสต์แลนต์บอกว่า เคยมีหญิงสาวที่ขอพรจากดวงจันทร์ให้ชายผู้เป็นที่รักพื้นคืนจากความตายค่ะ นางนั่งคุกเข่าขอร้องดวงจันทร์นานกว่า5วันเต็มในที่สุดชายผู้นั้นก็กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง และกลับสู่อ้อมกอดของคนรัก ขนมนี้เลยชื่อ ปารักษ์จันทร์ แปลว่า คำปารถนาที่ดวงจันทร์ประทานให้" แล้วพนักงานก็ยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์อีกครั้ง "หรือเรียกอีกชื่อว่า ขนมคู่ครองค่ะ ทานแล้วอาจจะได้พบคู่ครองก็ได้นะค่ะ"
"ครับ งั้นผมเอากล่องหนึ่งแล้วกัน" ชายหนุ่มยิ้มให้พนักงานสาวใจละลายเล่น "ถ้ามันทำให้หายหิวจริงนะครับ"
พนักงานสาวหัวเราะก็มุขของเครอนก่อนจะรับเงินค่าขนมกล่องนั้นมา50เทรน
"คือตอนนี้เรามีโปรโมชั่นพิเศษนะค่ะในหนึ่งกล่องจะมีคำทำนายอยู่ด้วยนะค่ะ" พนักงานตะโกนเมื่อ
เครอนกำลังเดินจากไป
"ครับ"
ถึงปากและท้องจะบอกว่าหิวแต่รูปร่างมันสวยจนเสียดายไม่กล้ากิน เขาจึงเดินเข้าร้านอุปกรณ์เวทย์ร้านใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งใกล้เพื่อหาอะไรทำเล่นให้ลืมความหิว
ข้าวของในร้านนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กันถึงเครอนจะเคยมาตั้งหลายครั้งแต่ร้านนี้จะมีของใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้นมาเกือบทุกวัน เขาหยิบใบรายการของใช้ที่ฮิวเกอรี่ส่งให้ก่อนออกจากที่พักขึ้นมาดูก่อนจะเดินไปที่พนักงานร้าน
นักเดินทางนั่งลงแกะกล่องขนมก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษรู้ร่างคล้ายๆซองจดหมายขนาดเล็กขึ้นมาดึงแผ่นจากซอง นั้นคือไพ่ที่ใช่ในการทำนานศาสตร์จากดวงดาว เป็นรูปของนักรบ พร้อมคำทำนายว่า
'ยามนี้ จงเดินทางไปให้มั่น แต่การเดินนั้น เจ้าจักพบความเปลี่ยนแปลง
จะแถลงไขจุดหมายในใจ ให้พาลพบ ทางออก'

ตอนที่ 3 รายงานตัว
"ถึงซะที"
"อืม อากาศดีจัง"
สามพี่น้องที่ตอนนี้เหยียบอยู่บนแผ่นดินแห่งริสมาฟอรัสหลังจากต้องนั่งมาเป็นเวลายาวไกลกว่า1วัน1คืนบนรถม้าที่โหยกเหยกไปมา แต่การเดินทางก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียว
อากาศแจ่มใสยามเช้าของวันรายงานตัว สิ่งที่ทำให้จิตใจอันเป็นกังวลหายไปทันใดคงหนีไม่พ้นรอยยิ้มต้อนรับที่แสนจะเป็นมิตรจากชาวเมือง ผู้คนมาหน้าหลายตาจากเมืองใกล้ไกลทั้งหลายพากันมาอย่างล้นหลามเพื่อเข้าคัดเลือกตัวที่รับเพียงแค่60คนสร้างบรรยากาศคึกครื้นจนน่าตกใจ ยกเว้น…เจ้าพี่ชายตัวแสบของเราที่นั่งบอกบุญไม่รับอยู่ในรถ อาการปางตายซะจนแทบอยากกระโดดเตะสักครั้งให้รู้แล้วรู้รอด
"ดีบ้าอะไร" คนป่วยการเมืองกล่าวตวาดหน้าซีดเป็นไก่ต้ม "แค่คิดก็น่าจะรู้ว่าซวยแค่ไหน"
"แค่เรียนไม่เห็นเป็นไรเลยครับ" ฮิวเกอรี่แย้ง
"ประสาท"
คำพูดสั้นๆของเครอนเล่นเอาคนป่วยหายป่วยทันที่อย่างน่าตกใจ สีซีดเริ่มขึ้นสีด้วยความโกรธจัดถลึงตาใส่น้องชายที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ถ้าอยู่กับเด็กเครอนอาจจะดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแต่หากอยู่กันเองนิสัยเปลี่ยนไปตามแต่ละคน ดังเช่นที่ครอสล์ชอบว่า จิ้งจกเปลี่ยนสีนั้นแหละ
"พวกนายจะไปรู้อะไร เกียติของนักฆ่าที่ต้องมาเรียนในโรงเรียนบ้านี่มันปนปี้ไม่มีชิ้นดีหมดแล้ว ทั้งรายได้ที่เสียเปล่า ทั้งชื่อเสียง ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน…"
"ก็ไว้บนหัวดิ"
อึ้ง…..จอมปีศาจแห่งคิลเลียสหรือจะสู้นักเดินทางแห่งคีฟแลนต์ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือพี่ยังมีน้องสงสัยจะจริง
"พวกแกไม่เข้าใจ"
"ก็ไม่เข้าใจสิวะ แค่ลามาเรียนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำยังกะจะตายไปได้"
"ใช่ครับพี่ครอสล์ อีกอย่างเราแค่มาลองสอบดูเท่านั้นเองใช่ว่าจะได้นะครับ" ฮิวเกอรี่กล่าวหวังยุติสงคราม แต่ทว่า…
"คนอยู่ฉันได้อยู่แล้ว"
จอมปีศาจปากเสียก็ยังคงปากเสียวันยังค่ำไม่ได้รับรู้ถึงความหวังดีจากน้องชายเลย แต่กลับพูดโม้ยั่วโมโหคนข้างๆเข้าไปอีก สงสัยปลาหมอจะตายเพราะปากแน่ๆงานนี้
"ไม่ต้องมาพูดมากเลยพี่ถ้าคิดว่าตัวเองแน่นักแล้วทำไมถึงไม่กล้าทดสอบ หรือว่าจะดีแต่ปาก" เครอนที่รู้ใจเจ้าพี่ตัวดีที่ยุง่ายเพียงกระดิกนิ้วมือก็สำเร็จ
"ท้าฉันงั้นเหรอ"
รอยยิ้มปีศาจของเครอนปรากฏบนใบหน้า ชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือแต่ครอสล์กลับไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเครื่องมือของน้องชาย
"หรือมันไม่จริง"
"ฉันจะแสดงให้แกเห็นเอง" ว่าแล้วแผนการยุของเครอนก็สำเร็จอย่างสวยงาม จากคนที่ทำหน้าซังกะตายมาตลอดทางตอนนี้ถูกอารมณ์ครอบงำเดินนำไปลงทะเบียนรายงายตัวเรียบร้อย ดังที่กล่าวว่าสงครามหาได้ชัยชนะจากกำลังไม่แต่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าคือปัญญาอันประเสริฐ
"พี่เครอนฉลาดชะมัด" ฮิวเกอรี่เอ่ยชมพี่ชาย
"เปล่าหรอก" เขากล่าว "พี่ไม่ได้ฉลาดแต่พี่ครอสล์ต่างหากที่ใช้อารมณ์จนมองไม่เห็นทางออก"
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ฮิวเกอรี่ก็ได้เรียนรู้อะไรจากพี่ชายคนนี่มามากกว่าที่คิด พี่เครอนเป็นคนที่น่านับถือเสมอพี่ครอสล์ก็เช่นกัน ดูผ่านๆคงดูไม่ออกว่าถึงจะทะเลาะกันมากเท่าใดความสัมพันธ์ของพี่ชายทั้งสองยิ่งรักกันมากขึ้นทุกที ถ้าพี่เครอนเป็นผู้หญิงปานนี่คงได้แต่งงานกันแล้วแน่ๆ
…ฮัดเช้ย…
เครอนจามออกมาทันทีเล่นเอาน้องชายสะดุ้งก่อนจะกลบเกลื่อนไปว่า "พี่เรารีบไปลงทะเบียนกันเถอะครับ"
"ขอทราบชื่อหน่อยครับ"
เสียงจากเจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนวัย20กว่าๆเอ่ยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือรายชื่อเลยแม้แต่น้อย เหงื่อไหลอาบหน้าซะจนเหมือนทนทุกข์ทรมานมากเล่นเอาเครอนนึกส่งสารในใจ
"เครอน ทันเรอเรน"
เจ้าหน้าที่ได้ฟังก็ก้มหน้าหาชื่ออย่างขมักเขม้นจนใบหน้าแทบจะทาบไปบนแผ่นกระดาษด้วยซ้ำ รายชื่อกว่า300หน้าที่เบียดติดกันยิ่งเพิ่มความหดหู่แก่คนสมัครยิ่งขึ้นไปอีก
"ลงชื่อตรงนี้" ในที่สุดเขาก็กล่าวพร้อมกับชี้จุดที่ลงให้ เมื่อลงชื่อเสร็จแล้วก็ได้รับเอกสารมาหนึ่งปึกเล่นเอาขาแทบทรุด "รายละเอียดการสอบแล้วกำหนดเวลา รวมทั้งรายชื่อคนสมัครทั้งหมด"

คำอธิบายเล่นเอาเครอนอึ้งแต่ก็ไม่ถามต่อจำต้องเดินออกจากแถวมาแต่โดยดี เอกสารที่ทั้งหนาและหนักอยู่ในมือแต่ที่ไม่เข้าใจคือการต้องให้รายชื่อนักเรียนมาแบบนี้ทำไมกันแค่เอกสารจำเป็นใบเดียวไม่ได้เหรอไงแต่ก็ดีอย่างจะได้เอาไป

ชั่งกิโลขายคงได้หลายตังค์

แล้วเขาก็ต้องรู้เหตุผลภายหลังว่า หนังสือเล่มหนานี้คือหนังสืออ่านเล่นฆ่าเวลารอคิวอันยาวแสนยาวได้เป็นอย่างดี รายชื่อคนมากมายจากแต่ละประเทศมีทั้งพ่อมด แม่มด ท่านเซอร์ ท่านลอร์ด ท่านบารอน เจ้าชาย เจ้าหญิง อัศวิน พ่อค้า นักแสวงบุญ นักฆ่า และจากอีกหลายหลากอาชีพที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจนลายตา แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงหนีไม่พ้นชื่อพี่ชายเขาเองที่เล่นซะเต็มยศยาวเป็นเมตรจนน้องชายเอือมเต็มที ยังโชคดีที่ไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกันไม่งั้นมีหวังไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ชื่อฮิวเกอรี่ก็เขียนแบบธรรมดาไม่ได้ประสาทแบบพี่งี่เง่า แต่ใครอะเนี่ยเขียนซะเต็มยศเหมือนกันกับพี่บ้าเลย สงสัยจะบ้าพอกัน

"เขียนลงไปได้แบบนี้สงสัยจะประสาท"
เครอนบ่นพึมพำเบาๆก่อนจะได้ยินเสียงตอบกับมาจาคนข้างๆหัวใจหยุดเต้นกระทันหัน
"เออ"
นายคนที่ยืนตอ่ข้างหลังนั้นเองหน้าตาดีทั้งหล่อทั้งเท่ ดวงตาสีม่วงคมชนิดที่ว่าพี่ครอสล์เทียบไม่ได้จับจ้องมาที่เขาผู้เป็นคนหาเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแห้งๆแล้วหันหน้าหนี
ก็ใครจะไปรู้ว่าไอ้บ้านั้นมันต่อแถวอยู่ข้างหลังวะ รูปก็ไม่มีเลยไม่รู้ไอ้หนังสือ บ้าโทษหนังสือเฉยเลยคนเราอะนะ แต่ก็ราวโชคช่วยคนหน้าตาดีเพราะว่า
"คารอส คิลเซเรียส โครไรอิซิส ไลท์เวสท์ เชิญครับ"
ชื่อคู่กรณีที่ถูกประกาศเหมือนดังเสียงสวรรค์ นายคนน่ากลัวด้านหลังจึงต้องเดินออกจากแถวเข้าไปยังห้องทดสอบด้านในยังไม่วายส่งสายตาน่าขนลุกมามอง
"รอดหวุดหวิดวะเรา"


ตอนที่ 4 แก้วแห่งความรู้แจ้ง

"เครอน ทันเรอเรน เชิญ"
ในที่สุดเสียงประกาศก็เรียกชื่อของเขาหลังจากผ่านไปนานกว่าชั่วโมงเต็ม เครอนก้าวช้าๆตรงไปยังประตูใหญ่เบื้องหน้าความตื่นเต้นก็ถูกความกังวลกลบทับจนมิดเมื่อเท้าก้าวเขาสู่ห้องกว้างด้านใน

หอหนังสือที่บรรยากาศน่าอึดอัดเสียจริงๆทั้งๆที่การตกแต่งภายในทั้งปราณีตสวยงาม ชั้นหนังสือสูงถึงเพดานเต็มไปด้วยหนังสือ เอกสาร และจดหมายต่างๆจัดเป็นระเบียบ โคมไฟใหญ่มโหรานให้แสงสว่างได้ทั่วทั้งห้องนอกจากนี้สายลมเย็นๆพัดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาทำให้หายร้อนได้อย่างน่าตกใจ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น…ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้คุมสอบ อาจารย์ผู้ทดสอบหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่แจ้งข่าว โต๊ะตรงกลางห้องมีกระดาษวางอยู่แผ่นหนึ่งเขียนข้อความสั้นๆไว้เพียงว่า

' ขอต้อนรับผู้มาทดสอบ '

ทันใดนั้นห้องทั้งห้องก็เปลี่ยนแปลงเป็นสุสานที่รกร้างกลางป่าเขา หมอกลงจัดจนมองอะไรไม่เห็นแต่กลับมีเสียงดังอยู่โดยรอบสร้างบรรยากาศน่าขนลุกจะแทบช็อก ลมหนาวทำให้เขาสั่นๆไปถึงกระดูกมาพร้อมกับไอเย็นที่เต็มไปด้วนกลิ่นไอแห่งความตาย ท่องฟ้ามืดมิดไร้ซึ่งดวงดาวกันเสียงประหลาดที่ชวนให้ขวัญหวา

นี่มันบททดสอบอะไรกันนี่ เครอนคิดพลางกวาดตามองโดยรอบ แต่ถ้ามันเป็นบททดสอบเขาก็ไม่มีวันแพ้เวทย์ลวงตาหรอก
เงาคนตรงหน้าปรากฏลางๆก่อนจะชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเห็นชัดก็ถึงกลับตกใจสุดขีด ชายตรงหน้าผมเงินที่เขาชอบเล่นประจำกำลังถือดาบใหญ่ แววตาคุ้นเคยยังจ้องมองราวกับไม่รู้จักทำเอาน้องชายชะงัก
"พี่…พี่มาอยู่นี่ได้ไง"

เงียบ….ไม่มีคำตอบจากชายตรงหน้าราวกับเขาไม่ได้ยิน หน้าไร้ความรู้สึกยังคงมองเขาอย่างเย็นชาทำเอาใจน้อยชายรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก

"พี่เป็นไรหรือเปล่า"
ยังไม่ทันจะกล่าวจบผู้เป็นพี่ก็พุ่งตรงเข้ามาแทงน้องหมายเอาชีวิต เครอนกระโดดหลบได้อย่างเฉียดฉิวแต่พลังทำลายของดาบเล่นเขาเจ็บไม่ใช่น้อย ความไม่เข้าใจยังคงแล่นอยู่ในหัวเขาแทบระเบิด นัยน์ตาวางเปล่า ความเย็นชานี่มันอะไร พี่ครอสล์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมอยู่ดีๆถึงจะฆ่าเขา

"พี่คิดจะทำอะไร"
เขาถามแต่ดาบก็ตวัดฟาดลงมาก่อนที่เขาจะหลบได้ทัน มันไม่ทางเลือกแล้วนอกจาก….
……เคร้ง……
ดาบใหญ่ของนักฆ่าแปลกหน้ากระทบกับม่านพลังเวทย์เล็กๆที่เครอนใช้เป็นกำแพงกำบัง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะสู้กับพี่ตรงๆเพื่อยืดเวลาไว้ ทั้งๆที่รู้ว่าอาจเป็นภาพล่วงตาแต่ท่ามันไม่ใช่ขึ้นมาจะทำยังไง ไม่กลายเป็นว่าเขาฆ่าพี่ชายตัวเองหรอกหรือ ทางเลือกเดียวตอนนี้คือหาคำตอบให้ได้

"พี่ ไหนบอกว่าไม่อยากสอบไง" เขากล่างขณะที่หลบดาบครั้งที่สามที่เริ่มจะเพิ่มรังสีความตายมากขึ้นแต่เจ้าตัวไม่วายก่วนประสาท "แล้วคิดจะให้น้องคนนี่สอบตกเป็นเพื่อนหรือไง"

ยังคงไม่มีคำตอบเหมือนเดิม ดวงตาและสีหน้าก็ไร้ความเปลี่ยนแปลงแต่ทว่ารอยยิ้มกับปรากฏบนใบหน้าของผู้เป็นน้อง
"ไม่ดีนะพี่" เจ้าตัวกล่าวต่อ "หรือแค้นที่อีฟคนสาวของพี่มาหลงเสน่ห์ผม เรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้วยังจะจำฝังใจอีก พี่นี่จริงๆเลยน้า"

สีหน้าเฉยเหมือนเดิมไม่รู้ไปกระตุกต่อมฮาส่วนไหนยิ่งทำให้คนพูดยิ้มกว้างขึ้นไปอีกถึงจะโดนฟันเข้าไปหลายแผลจนแทบยืนไม่ไหวแต่ก็กล่าวต่อ

"ที่หลังพี่ก็ลองๆเปลี่ยนจากนักฆ่ามาเป็นนายแบบดูดิ รับรองสาวติดตรึม"
แรงดาบตัดผ่านร่างไปเฉียดฉิวก่อนจะตั้งท่าฟันอีกครั้ง คราวนี้รอยยิ้มของเครอนหายไปแล้วเพราะคำตอบนั้นเขารู้แล้ว

"ว่านายไม่ใช่พี่ครอสล์"
ทันใดนั้นพลังเวทย์อันแกร่งกล้าก็ก่อตัวบนท่องนภา สายฟ้าพุ่งลงทะลวงร่ายของคนแปลกหน้าตรงทันที ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บพลางร้องลั่นก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นละอองหายไป น้องชายปีศาจนั้นกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านกลับภาพตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย พลางโบกมืออาคมรอบตัวก็ถูกทำลายหมดสิ้น

เขามายืนอยู่ในห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่มีชายแก่นั่งอยู่ บรรยากาศแบบเดิมกลับมาแล้วแต่คราวนี้กลับปลอดโปล่งสบายกว่าครั้งที่แล้วมาก ถึงห้องนี้จะไม่ได้ใหญ่แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกและดูจากข้าวของในห้องแล้วสงสัยจะเป็นห้องทำงาน

"เชิญนั่งสิ เครอน ทันเรอเรน"
ชายแก่กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน เครอนเดินเข้านั่งช้าๆแล้วยิ้มให้กับชายแก่ตรงหน้าเพื่อแสดงความเป็นมิตรไว้ก่อน

"คุณคงรู้สินะว่านี้ก็คือหนึ่งในการทดสอบของเราเช่นกัน" ชายแก่กล่าว
"ครับ ผมทราบ"
"งั้นก็ดี" ชายผู้นั้นตอบสั้นๆพลางจ้องมองเขา "ผู้เข้าสอบกว่า2ใน3ของทั้งหมดจะไม่สามารถผ่านด่านเมื่อกี้มาได้ ท่านคือหนึ่งในกลุ่มคนผู้โชคดีกลุ่มนั้น แต่ขอคำตอบหน่อยสิว่าทำไมท่านจึงไม่ฆ่าชายผู้เสียนั้นแต่แรกกันเล่า"

คำถามทำให้เครอนยิ้มกว้างก่อนจะตอบ
"ผู้เป็นน้องย่อมรู้จักพี่ชายของตนดี คนขี้โมโห อารมณ์ร้อนแถมงี่เง่าไม่เข้าท่าแบบนั้นไม่มีทางมีความอดทนได้ถึงขนาดนั้นหรอก แต่รอบคอบไว้ก่อนก็ดีกว่าไม่ใช่หรือท่านผู้เฒ่า เกิดฆ่าพี่บ้าขึ้นมาแล้วจะหาใครที่บ้าเท่ามาแทนกันเล่า เสียดายแย่"

รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของชายแก่ ก่อนจะถามต่อ "แล้วถ้าเกิดเป็นพี่ตัวจริงจะทำยังไง"
"ก็มีเรื่องสิ ถามก็ไม่ตอบแบบนี้ไม่ยั่วโมโหกันชัดๆถ้าเป็นตัวจริงปานนี้ได้ต่อยกันตายไปแล้ว"

ถึงเหตุผลจะไม่เข้าท่านักแต่เขาก็คิดแบบนี้จริงๆ ความสัมพันธ์ของพี่น้องย่อมมาก่อนเสมอแล้วเขาเองก็ไม่มีทางยอมเอาพี่มาแกล้งเล่นละครหวังผลหรอก ถึงตกก็ไม่เป็นไร

"ถ้าจะเป็นพี่น้องที่รักกันดีนะ" ชายแก่กล่าวพลางยิ้ม
"ใช่ครับ รักมาก"

เสียงหัวเราะดังเบาๆจากผู้ทดสอบสร้างบรรยากาศสบายใจขึ้นกว่าเดิม ความเป็นกันเองปรากฏอย่างเด่นชัดในแววตาสีฟ้า

"บททดสอบสุดท้าย"
เขากล่าวพร้อมกับยื่นลูกแก้วใสลูกเหมาะมือมาวางตรงหน้า เครอนก้มมองอย่างสงสัยก่อนจะส่งสายตาเชิงถามไปหาคนตรงหน้าที่อมยิ้ม

"อะไรหรือครับ"
"แก้วแห่งความรู้แจ้ง"
แก้วแห่งความรู้แจ้งงั้นหรือ? บททดสอบสุดท้ายของเขาคือลูกแก้วลูกนี้
"หยิบไปถือสิ"

เครอนมองหน้าผู้เฒ่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอย่างไม่แน่ใจ เหมาะมือใช้ได้เลยแต่มันหนักกว่าที่คิดไว้หน่อย เขาค่อยๆยกมันขึ้นมองก่อนจะจดจ้องมองลึกเข้าไป ลึกเข้าไป

ความมืดเข้าปกคลุมจนมองอะไรไม่เห็น เสียงคนร่ายเวทย์ดังแว่วมาในความมืดนั้นแต่กลับหาต้นเสียงไม่ได้ราวกับมันมาจากทุกทีรอบตัว แต่แล้วก็มีมือที่มองไม่เห็นกระชากตัวเขากระเด็นปะทะบางสิ่งที่น่าขนลุกที่สุด มือเย็นๆขว้าเข้าที่ไหล่เขากลิ่นไอความตายอยู่รายล้อมตัวเขา ทูตมรณะแห่งแดนนรกปรากฎล้อมรอบตัวต่างยื่นมือมาสัมผัสร่างที่ยังอุ่นของมนุษย์ตรงหน้า เสียงกระซิบแผ่วๆดังขึ้นก่อนจะดังกังวาล

"เห็นอะไร"
เครอนนั่งกระพริบตาปริบๆมองชายแก่คนเดิมตรงหน้าที่เรียกสติกลับมา เมื่อกี้มันอะไรกัน หรือเขาฝันไปแต่ก็ไม่น่าจะใช่ อยู่ดีๆเขาจะหลับได้ไงกัน

"เห็นอะไรหรือ" ผู้เฒ่าทวนคำ
"เออ….เมื่อกี้ผมเห็นความมืด" เครอนกล่าวตอบอย่างไม่แน่ใจ พลางกล่าวต่อ "แล้วก็เสียงร่ายเวทย์ในความมืดครับ"
"งั้นหรือ"
เครอนพยักหน้าแทนคำตอบ

ชายแก่ตรงหน้าจ้องมองเขาก่อนจะหยิบเอกสารส่งให้พลายยิ้มให้แก่คนหน้าซีดเผือกเป็นการปลอบใจแล้วกล่าวคำเรียกขวัญที่ทำเอาอึ้ง
"สอบผ่าน เครอน ทันเรอเรน ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนริสมาฟอรัส"

ตอนที่ 5 ฝาแฝด

"ไอ้ฮิวเกอรี่ทำไม่มันนานนักฟะ"
เสียงโวยวายจากครอสล์ที่ยืนหน้าบูดอยู่หน้าร้านขายหนังสือร้านเดียวในเมืองที่ตอนนี้กำลังอัดแน่นไปด้วยกลุ่มลูกค้าที่แห่กันมาซื้อกันจนล้นร้าน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เจ้าฮิวเกอรี่ผู้น่าสงสารต้องบุก ผจญ ฝ่ากำแพงมนุษย์ทั้งหน้าร้านและในร้านไปจัดหาหนังสือตามรายการกว่า3หน้าให้พี่ตัวแสบ

"พี่ก็ไม่ต้องมาบ่นเลย ทำไมไม่เข้าไปเองเล่า" เครอนต่อว่า
"โถ เจ้าฮิวเกอรี่มันตัวเล็กให้มันไปไม่ดีกว่าหรอกหรือไง"
"ก็ดีแต่ใช่คนอื่นเค้าตัวเองก็มาทำปากดี"

นับตั้งแต่วันที่มาสอบคัดเลือกก็ผ่านมาแล้ว5วัน เอกสารที่ชายแก่เป็นผู้ส่งให้เขียนให้ว่าเขาได้รับคัดเลือกเป็นสายจอมเวทย์ จอมเวทย์แห่งความมืด พร้อมกับแนบใบรายการข้าวของเครื่องใช้และใบกำหนดการเข้าเรียน

"ไงครับพี่ เป็นไงบ้าง"
ฮิวเกอรี่ทักเมื่อเครอนเดินออกจากห้องทดสอบพลางยิ้มให้ก่อนจะแจ้งข่าวว่าเขาและพี่ครอสล์ได้รับคัดเลือกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน พี่บ้าได้สายนักรบ นักดาบ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรกับคนที่ชอบใช้กำลังไม่ใช่หัวคิดแบบนั้น ฮิวเกอรี่เองก็ได้สายนักบวช เข้าดีกับบุคลิกของมัน

แต่ตอนนี้ช่วงเวลากลับทำให้ยิ่งกลุ้มใจใหญ่ ทำไมคนมันเยอะจังฟะแล้วน้องเรามันจะได้ออกมาไหมนี่ คงไม่ได้ขาดอากาศหายใจตายไปในร้านแล้วหรอกนะ

"เครอน ไอ้ทูตของแกที่ชื่อ รอน มันหายหัวไปไหน " ครอสล์ถามพลางกวาดตามองไปรอบๆ
ทูตเป็นหนึ่งในผู้ช่วยของเด็กที่เรียนสายเวทย์ เป็นทูตร่างเล็กเท่าฝ่ามือรูปร่างทุกอย่างเหมือนคนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนใหญ่ทำหน้าที่ส่งจดหมายหรือข่าวสาร

"ส่งไปช่วยฮิวเกอรี่" เครอนตอบสั้นๆ
"ตัวแค่นั้นแน่ใจเหรอว่ามันจะไหว ปานนี่ไม่รู้ถูกหนังสือทับตายไปแล้วก็ได้"
"ประสาท"
ผู้ผิดซะที่ไหน คนสมองกลวงก็ยังคงกลวงอยู่ดีมันคงจะกลายเป็นนิสัยไปแล้วแก้ไม่ได้ ตอนนี้ยังมีหน้ามีอารมณ์ขันระหว่างที่น้องกำลังจะตายอยู่ในร้าน

"พี่…ผม…ได้หนังสือ..มาแล้ว"
ในที่สุดร่างเล็กๆก็ตะโกนเรียก จากใบหน้าใสๆกับชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับตกน้ำมาก็ไม่ปานในมือถือกองหนังสือที่ดูแล้วคงหนักน่าดูทำเอาพี่ทั้งสองต้องรียวิ่งไปช่วยพยุงมันก่อน

ที่มันจะเป็นลม รอนเองก็ต่างจากฮิวเกอรี่ไม่มากเพียงแต่ยังคงบินได้อยู่ถึงแม้จะเอียงจนน่ากลัว

"ฮิวเกอรี่นายกับรอนกลับห้องพักไปก่อนเถอะ" เครอนกล่าว "พี่ไปช่วยมันด้วย"
"อ้าว แล้วของฉันจะทำยังไง"
"ไปช่วยมันเสร็จแล้วค่อยมาซื้อสิ"
ครอสล์อ้าปากจะเถียงแต่ฮิวเกอรนี่มันดันเป็นลมซะก่อนทำให้เจ้าตัวเถียงไม่ออก
"เอาวะ งั้นแยกกันตรงนี้เลย ซื้อของใครของมันไป"

หลังจากแยกทางได้ไม่นานเครอนตัดสินใจเข้าร้านเสื้อผ้าที่อยู่ไกลออกไปเพื่อตัดปัญญาหาจากเรื่องกลุ่มคน ถึงจะเป็นร้านเล็กๆแต่ก็ดูมีคุณภาพไม่ต่างจากร้านอื่นๆ

"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ"
เจ้าของร้านผู้เป็นหญิงวัยกลางคนทักเมื่อเครอนก้าวเข้ามาในร้าน ข้าวของจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางเสื้อผ้ามีทั้งแบบชุดทั่วไป ชุดทำงาน และมีกระทั่งชุดไปงานราตรี

"ผมต้องการเครื่องแบบนักเรียนริสมาฟอรัสครับ"
"สายไหนเหรอจ๊ะ" หล่อนถามพลางยิ้ม
"จอมเวทย์ครับ จอมเวทย์แห่งความมืด"

เจ้าของเจ้าเดินไปหยิบเสื้อจากชั้นมาให้เขา เนื้อผ้าใส่สบายเป็นสีดำล้วนทั้งเสื้อเรียบๆและเสื้อคลุมยาวที่ปักตราโรงเรียน ด้ายสีเงินบรรจงปักเป็นลวดลายแห่งริสมาฟอรัสที่ส่วนบริเวณอกซ้าย ปกเสื้อด้านขวาเองก็มีตราคทาไขว้กันเป็นเอกลักษณ์ของสายจอมเวทย์

"ลอมสวมดูได้" เจ้าของร้านกล่าว
เครอนค่อยๆสวมเสื้อคลุมแล้วจัดให้เข้าที่ อืม…พอดีตัวไม่ยาวหรือสั้นไป ใส่สบายดี เขาหันไปมองกระจกบานใหญ่ในร้านภาพที่สะท้อนกลับมา เด็กหนุ่มตรงหน้าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าคนเดิมนิดหน่อยแถมยังดูภูมิฐานมากขึ้นจนน่าตกใจ

"อืม ใช่ได้" หล่อนกล่าวพลามมองลูกค้า "ตกลงเอาใช่ไหม"
"ครับ เอา4ชุดครับ"
ระหว่างที่เจ้าของร้านกำลังจัดแจ้งชุดของเขาอยู่นั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นทำเอาคนกำลังเล่นเสื้อผ้าสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันไปมองลูกค้าผู้มาใหม่

"นาย…"
เขาอุทานตาค้าง ไอ้คนที่เจอเมื่อตอนรอคิวนี่หว่ามาซื้อเสื้อที่เดียวกันอีก โธ่โว้ย โชคสองชั้น แต่นายนั้นกลับมองผ่านเขาไปราวกับไม่มีตัวตนเสียนี่

"คารอส? มารับเสื้อเหรอจ๊ะ"
เจ้าของร้านออกมาทักก่อนจะยื่นเสื้อที่เสร็จแล้วให้แก่เครอน แต่แววตาสงสัยปรากฏขึ้นบนตาของหล่อนก่อนจะมองลูกค้าทั้งสองคนสลับกันไปมา

"อะไรหรือครับ"
เครอนถามเจ้าของร้านที่ยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา
"ก็เธอหน้าตาคล้ายๆกันยังไงก็ไม่รู้"
ว่าไงนะ…เครอนรีบหันไปหาคนข้างๆ
จริงด้วย ไอ้คนชื่อยาวนั้นหน้าเหมือนเขาราวกับพิมพ์เดียวกัน ผิดก็แต่ความสูงที่ไอ้หมอนั้นสูงกว่าและดวงตาที่เป็นสีม่วงกับผมสีทอง

"คารอส เธอมีแฝดหรือ แล้วเธอชื่ออะไรกันจ๊ะ" หล่อนถาม
"เครอนครับ"
"ชื่อก็คล้ายๆกันอีก มิน่าต้องเธอเข้ามาฉันยังเกือบทักผิดเลย"
เวร…เขาอยู่ดีๆแล้วฝาแฝดนี่มันโผล่มาจากไหนกันนี่ แถมยังชื่อเหมือนๆกันอีกต่างหาก โอ๊ยจะบ้าตาย เป็นใครก็ได้ไม่ว่าแต่ทำไมต้องมาเป็นไอ้บ้าที่ชื่อคารอสด้วย เครียดโว้ย………

"ผมไม่มีแฝดหรอกครับ"
คนหน้าตายยังคงหน้าตายซะจนอยากกระโดดเตะ สีหน้ามันไม่เปลี่ยนเลยสงสัยจะฉาบปูนไว้แน่ๆเพราะถ้าไม่ใช่มันคงเกินมนุษย์ไปหน่อยแล้วที่จะมีแค่สีหน้าเดียวคือ
…ตายด้าน….

ตอนที่ 6 จอมเวทย์ และ จอมเวทย์

"ตื่นโว้ย"
เครอนตะโกนเสียงดังสนั่นห้องพลางใช้สองเท้ากระทืบแล้วกระทืบอีกแต่คนนอนก็ยังนอนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเขาเลยยังคงกรนได้จังหวะ
และแน่นอนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณชายที่นอนกินบ้านกินเมืองที่สุด พี่ชายงี่เง่า

"ตื่นสิวะ"
"หืม"
ร่างของคนตัวโตกว่าตรงหน้าขยี้ตาแล้วปัดเท้าเขาออกจากหน้าก่อนจะกลับตัวแล้วหลับต่ออย่างสบายอารมณ์จัด ทำเอาคนปลุกควันออกหูกระโดดเข้าไปบีบคอมันอย่างเอาเป็นเอาตาย

"ไม่ตื่นใช่ไหมๆ"
"โอ๊ย… อะไรเครอน" คนพึ่งตื่นกล่าวอย่างเบลอๆ "ยังเช้าอยู่เลย"
เท่านั้นเองจอมเทวะแห่งคีฟแลนต์ก็เส้นความอดทนขาดกระจาย ต่อยหน้าเจ้าคนขี้เซาแถมกวนบาทาตกเตียงก่อนจะลงไปบีบคอจนหน้าเขียวหน้าเหลืองหวังเอาให้ตาย

"เช้าบ้าอะไร นี่มันเที่ยงโว้ย เที่ยงแล้ว"
วันนี้คือวันแรกที่พวกเขาจะต้องเข้าไปศึกษางานที่โรงเรียนอัดดับหนึ่งแห่งลีฟ ริสมาฟอรัส ที่กำหนดการแจ้งอย่างชัดเจนว่านักเรียนจะต้องเข้าไปก่อนเวลาเที่ยงวัน ซึ่งนั้นก็หมายความว่า

พวกเขาสายเรียบร้อยแล้ว สาเหตุก็ไม่ได้มาจากใครเลยนอกจากไอ้พี่บ้าที่โคตรนอนกินบ้านกินเมือง พาลให้น้องทั้งสองต้องซวยตามไปด้วย เซ็ง…..

"พวกเธอมาสาย"
รุ่นพี่ที่ยืนเฝ้าประตูกล่าวพลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับเด็กใหม่ทั้งสามที่วิ่งจ้ำอ้าว เหงื่อท่วมตัวโทรมตั้งแต่วันแรกของการเรียน

และคนตัวโตสุดในกลุ่มมีรอยช้ำจากการโดนต่อยเข้าเต็มตาจนม่วงเป็นดวงดูคล้ายหมีแพนด้า ผลงานจากน้องชายเจ้าระเบียบคนเดิมเล่นเอารุ่นพี่ที่อ้าปากจะดุเปลี่ยนไปหัวเราะก๊ากดังลั่น

"เพราะแกคนเดียว" ครอสล์โวยวายน้องตัวต้นเรื่องที่อมยิ้มอยู่ข้างๆ
เครอนไม่ยอมตอบเนื่องจากจริงๆแล้วเจ้าตัวกำลังใช่ความอดทนเต็มที่กลั้นหัวเราะจนราวกับว่าซี่โครงเขาคงหักไปแล้วแน่ๆ

แต่ฮิวเกอรี่มันเป็นคนเปิดเผย เล่นหัวเราะมาตลอดทางทั้งแต่เห็นใบหน้าพี่คนโตของตนถูกพี่อีกคนเล่นซะหมดหล่อ

"น้อง…น้องรีบ ฮะ ฮะ ฮะ รีบ ฮะ ไปเลย ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ" รุ่นพี่หัวเราะไปพูดไปจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
"ไปสิวะ เร็วๆ อายเค้า"
ว่าแล้วพี่ครอสล์ก็สาวเท้าจ้ำตรงไปยังลานกว้างหน้าปราสาทใหญ่หินอ่อน ที่เนื่องแน่นไปด้วยนักเรียนมากมายเต็มลาน แบ่งแยกเป็นกลุ่มทั้งหมดสี่กลุ่มแต่ละกลุ่มมีธงต่างสีกัน

"เวร แล้วเราจะรู้ได้ไงฟะเนี่ยว่าอยู่กลุ่มไหน" ครอสล์บ่น
เพราะวันนี้เป็นวันรับนักเรียนจึงยังไม่ต้องแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียนมาได้

"ธงดำของจอมเวทย์ ธงสีเลือดหมูของนักรบ ธงสีขาวของนักบวช และธงสีน้ำเงินของพ่อค้า"
เสียงตอบดังมาจากด้านหลังทำให้สามคนหันไปมอง

เด็กชายร่างสูงผมสีดำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสบายๆเป็นคนเสียง อายุพอๆกับเครอน ใบหน้าอ่อนวัยแต่ความเป็นผู้ใหญ่กลับซ่อนอยู่ในแววตาสีน้ำตาล ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

มันคงกลั้นหัวเราะอยู่แน่ๆ คนอะไรใส่หน้ากากโคตรเก่งเลยถ้าเป็นเขาปานนี่คงหัวเราะเป็นลำโพงแตกแน่ๆเลย สงสัยต้องไหว้เป็นอาจารย์ซะแล้วมั้ง

"อืม ขอบใจ" ครอสล์กล่าวตัดท่อนก็จะหันไปทางเครอน "เดี๋ยวฉันกับไอ้ฮิวเกอรี่ไปก่อนก็แล้วกัน"
"อืม"
เมื่อร่างของพี่น้องทั้งสองหายเข้าไปในหมู่คน เครอนก็หันไปพูดคุยกับชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆแต่ว่าตอนนี้มันหัวเราะซะ………..

"โอ้ย ขอโทษที" เจ้าตัวกล่าวเมื่อหัวเราะเสร็จ
"ไม่เป็นไร" เขากล่าวอย่างไม่ถือโทษ ก็ขนาดเขายังทำเลย "ว่าแต่ชื่อไรเหรอ"
"ฉันชื่อ เวล์เซน อินเทอรัส"
"ฉัน เครอน ทันเรอเรน" เขาหัวเราะแล้วกล่าวต่อ "ส่วนไอ้คนตาม่วงนั้นพี่ชายฉันเอง ครอสล์ แกรนต์คิล ลาเรนเซอร์ ตัวเล็กก็น้องชาย ฮิวเกอรี่ มีสไวส์"
"เหรอ แล้วพี่นายไปทำอะไรมา"
"ก็เมื่อเช้ามันนอนจนตะวันโด่งปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น กระทืบก็ไม่ตื่นเลยอัดเข้าให้เต็มตาถึงยอมตื่น มีพี่แบบนี้โคตรเซ็ง……" เครอนอธิบายพลางส่ายหัวเรียกเสียงหัวเราะจากเวล์เซนอีกกระทง
"แล้วนายอะเรียนสายไหน" เครอนถามเมื่อเพื่อนใหม่เริ่มสงบสติอารมณ์ได้
"ฉันเรียนสายจอมเวทย์ แล้วนายอะ"
"เหมือนกัน"

เครอนกับเวล์เซนเพื่อนใหม่ของเขาเดินไปยังกลุ่มจอมเวทย์พลางคุยสนทนากันอย่างถูกคอ การมาที่ริสมาฟอรัสก็ใช่ว่าจะเลวร้ายเพราะตอนนี้อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อน

"นายมาจากเซนเทอรัส"
"อืม" เครอนพยักหน้าล้อตามเวล์เซน เลยโดนมะเหงกเข้าให้ "แล้วนายอะ"
เครอนที่ที่กำลังยกมือกุมหัวคนเองชะงักมองคนตรงหน้า ดูจากหน้ามันท่าจะไม่เคยออกนอกเมืองแววตาโคตรใสซื่อเลยเล่นเอาเพื่อนผู้มีประสบการณ์หัวเราะเบาๆ

"ฉันอยู่ไม่เป็นแหล่งหรอก" เขาตอบแต่พอเห็นแววตาของเวล์เซนเป็นเชิงถามเขาก็ถอนหายใจ ไอ้นี่มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆด้วย "ฉันเป็นนักเดินทาง ไปเมืองนู่นทีเมืองนี่ทีจะอยู่เป็นหลักแหล่งได้ไงเล่า"
"เป็นอาชีพที่น่าสนใจนะ"
"ไง เวล์เซน"
เสียงจากเด็กชายอีกสองคนที่เดินตรงมาทางพวกเขา
คนแรกแต่งตัวดีภูมิฐาน รูปร่างออกจะใหญ่แบบนักรบ ผิวคล้ำว่าคนข้างๆแต่น่ามองตัดกับดวงตาสีเขียว เรือนผมยาวเกือบถึงบ่าสีเงินสวย ถ้าจะเป็นคนมีตระกูลไม่เบา รอยยิ้มกว้างต้อนรับปรากฏเมื่อหันมาทางเครอนสร้างความเป็นมิตรให้อุ่นใจอย่างมาก

"ไง โซรามอส คารอส"
ชื่อนั้นทำเอาคนฟังสะดุ้ง ชื่อที่สองคุ้นๆชอบกล เครอนจึงหันไปสังเกตุชายผู้มาใหม่อีกคน

ซวย…..นัยน์ตาม่วงมองมาทางเขาอย่างเฉยชาอย่างเคย ผมสีทองตอนนี้ปัดเป็นธรรมชาติยิ่งเสริมราศีความเท่มากกว่าเก่า หน้าตาที่เหมือนเขาราวกับพิมพ์เดียว
ฝาแฝดที่ไม่อยากได้ที่สุด ไอ้คนหน้าตายด้านนั้นเอง…….

ตอนที่ 7 เวรกรรม กับ โชคชั้นที่4

หลังจากการต้องนั่งหลังขดหลังแข็งฟังเทศนาเรื่องต่างๆในโรงเรียนเป็นเวลานานกว่าครึ่งวันซึ่งผู้รับเคราะห์ครั้งนี้ล้วนเป็นนักเรียนใหม่กันถ้วนหน้า บรรยากาศที่มีเสียงพูดเทศผสานกันเสียงกรนทำเอาสองหนุ่มหลับตามไปเรียบร้อย ยกเว้น…
สองฝาแฝดที่กำลังอดทนต่อความง่วงอยู่กันอย่างเต็มกำลังด้วยเกียติและศักศรีดิ์ของตน ซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันทั้งคู่

"นี่ พวกนายจะโกรธกันไปถึงไหนเนี่ย" เวล์เซนถามเมื่องานเลิกหลังจากสังเกตุทั้งสองอยู่นาน "นายก็เกินไปคารอส เครอนมันก็ขอโทษไปแล้วก็ยังเมินกะอีกแค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง"
ไม่มีเสียงตอบจากคารอสทำให้เวล์เซนได้แต่ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆกันนิสัยเพื่อนพลางหันมาทางเครอนที่กำลังพูดคุยอยู่กับโซรามอส แต่ก็ไม่วายเว้นระยะห่างจากแฝดผู้พี่
"เครอนฝากไอ้คารอสด้วย เดี๋ยวฉันกับโซรามอสจะไปเข้าของให้" เวล์เซนกล่าวก่อนจะกระซิบให้เครอนไปชวนคุยหวังให้เข้าใจกัน
"ไปละ"
"เดี๋ยว…"
ไม่ทันซะแล้ว เวล์เซนกับโซรามอสใส่เกียร์ห้าวิ่งโลดไปนู่นแล้วทิ้งเขาไว้กับเจ้าคนหน้าตายด้านที่ยืนถอนหายใจโดนไม่เหลือบตามามองคนข้างๆแม้แต่น้อย

"นายคิดว่ามันจะดีกันได้ไหม" เวล์เซนถามด้วยน้ำเสียงกลุ้มใจ
"เอาน่า มันก็อยู่ที่ไอ้คารอส" โซรามอนตอบก่อนจะหันไปมองเพื่อนทั้งสองที่อยู่ไกลๆอย่างเป็นห่วง
ยังไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างฝาแฝดทั้งสอง เครอนได้แต่มองคนข้างๆที่ทำสีหน้าเฉยชาราวกับไม่เห็นเขามีตัวตน ความคิดจะขอโทษมันก็เปลี่ยนเป็นความโมโหแทนจึงข่มสตินักหนึ่งถึงร้อย
แต่เกือบจะข่มความโมโหได้แล้วเจ้าคนตัวโตก็ถอนหายใจแล้วเดินห่างออกไปราวกับเครอนเป็นอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ ไม่น่าคบหรือยุ่งด้วย ทำให้ความอดทนหายวาวออกจากใจคว้าตัวคนงี่เง่าไว้ก่อนจะต่อยเข้าให้เต็มรักจนร่างใหญ่ๆล้มลง สายตาประชาชีสีกำลังเดินอยู่ทุกคนมองมาทางเดียวกัน

สายตาคมส่งแววตามาทางเขาเป็นครั้งแรก นัยน์ตาสีม่วงที่ตอนนี้เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาก่อนจะยกมือเช็ดเลือกที่มุมปาก ใบหน้าหล่อๆเป็นรอยช้ำจากฝีมือคนตรงหน้า

"ไอ้บ้า จะทำตัวงี่เง่าแบบนี้ไปถึงไหน" เครอนว่าอย่างเกรี้ยวกราด "กะอีกแค่เรื่องชื่อทำเป็นจะตายไปได้ พูดด้วยก็ไม่พูด ขอโทษก็ทำเมิน คิดว่าฉันเป็นคนตายด้านเหมือนนายหรือไง คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเค้าบ้างไม่ได้ใช่ไหม"
ยังไม่มีคำตอบจากคารอสเหมือนเดิมยิ่งเพิ่มขีดความเดือดของเครอนมากขึ้นอีก แต่แล้วเขาก็ข่มสติหันหลังจากไปโดยไม่สนใจสายตาของอีกคนที่มองตามหลัง

"นี่คือส่วนที่พักของนักเรียนสายจอมเวทย์ทั้งหมดเรียกว่าตำหนักเหนือ จะอยู่ทางทิศเหนือของปราสาทแดงเสมอ" รุ่นพี่อธิบายให้กับกลุ่มนักเรียนใหม่ แล้วพามายังที่พัก "รวมๆตัวกันตรงนี่" ห้องกว้างใหญ่เป็นวงกลมที่มีเก้าอี้รับแขกตั้งอยู่ตามจุดต่างๆแต่ก็ยังมีที่กว้างให้กลุ่มนักเรียนยืนได้สบาย ด้านขวามีบันไดกว้างไล่ขึ้นไปตามชั้นที่ระเบียงเปิดโล่งให้มองเห็นด้านล่าง "ที่นี่คือห้องนั่งเล่นรวมของสายจอมเวทย์เรา ชั้น2เองก็เป็นห้องหนังสือทั้งชั้นแล้วตั้งแต่ชั้น3ขึ้นไปเป็นส่วนที่พักทั้งหมด"

รุ่นพี่กล่าวจบก็พาพวกเขาไปยังชั้น5 ก่อนจะอธิบายต่อ "ชั้น5คือชั้นของนักเรียนใหม่ อย่างที่รู้กันว่าครั้งนี้โรงเรียนกำหนดรับสายเวทย์ไว้12คน เราได้ตกลงแบ่งห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และหัวหน้าของชั้นครั้งนี้ด้วย"

เครอนถอนหายใจ ความเหนื่อยล้าทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะฟังเนื่องจากตั้งแต่ช้าหลังจากฟังเทศนาก็ต้องเดินสำรวจทั้งโรงเรียน

อีกทำเอาคนที่แทบจะไม่ได้กินข้าวอย่างเขาจะเป็นลมหลายครั้งจนเพื่อนอีกสองคนเกือบรับตัวไว้ไม่ทัน
ที่แย่กว่านั้นตั้งแต่มีเรื่องกับคารอสไปก็ไม่เห็นหน้ามันอีกเลย อยากจะไปขอโทษมันเหมือนกันตอนที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ไม่เห็นมันแม้แต่เวล์เซนกับโซรามอสยังหามันไม่เจอเลย

"ห้องแรกสายจอมเวทย์วายุ กัสดัส โครัส กับ เวล์เซน อินเทอรัส"
เวล์เซนหยิบกระเป๋าก่อนจะโบกมือลาเพื่อนแล้วหายเข้าไปในห้องพัก ไม่นานชื่อของโซรามอสก็ถูกประกาศทำให้เหลือแต่เครอนที่ยืนรอการประกาศต่อต่อไป จนในที่สุด…

"ห้องที่6 ห้องสุดท้าย จอมเวทย์แห่งความมืด เครอน ทันเรอเรน …"
เครอนหยิบของเตรียมจะเข้าห้องแต่แล้วอีกชื่อที่รุ่นพี่ประกาศก็เล่นเขาชะงักอย่างไม่เข้าใจสุดขีด โชคชั้นที่4 ชื่อของมัน ชื่อ…ชื่อของ……………
"และหัวหน้าชั้นปี จอมเวทย์แห่งความสว่าง คารอส คิลเซเรียส โครไรอิซิส ไลท์เวสท์"

คนตาค้างยืนแข็งเป็นหินให้คนอีกคนเดินผ่านร่างเข้าห้องไป ความไม่เข้าใจปรากฏบนใบหน้าก่อนที่จะวิ่งปราดเขาหารุ่นพี่ผู้ประกาศชื่อทันทีเมื่อได้สติ
"พี่ๆ ทำไมผมต้องอยู่ห้องเดียวกับสายเวทย์ธาตุอื่นด้วยทั้งๆที่คนอื่นๆเค้าอยู่สายเวทย์เดียวกันไม่ใช่เหรอพี่ พี่ดูผิดเปล่า ไหนๆดูหน่อย"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ฉกใบรายชื่อมามองอย่างเอาเป็นเอาตาย
จริงๆด้วย ชื่อเขาอยู่ห้องเดียวกับแฝดผู้พี่จริงแท้แน่นอน เสียงหัวเราะดังเบาๆมาจากรุ่นพี่ทำให้เครอนหันไปมองอย่างงงพี่คนนั้นจึงหยุดแล้วอธิบาย

"ก็สายเวทย์ทั้ง5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม้ จะรัยมา2คนอยู่ห้องเดียวกันยกเว้นสายความมืดและความสว่างที่จะรับมาแค่ปีละคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นนายต้องอยู่ห้องเดียวกับคารอสไม่ผิดแน่"
"ขอย้ายๆ" เครอนประท้วงเสียงแข็ง
"ไม่ได้หรอก อาจารย์ใหญ่เป็นผู้จัดการจะย้ายต้องทำเรื่องย้ายกับคณะอาจารย์นู้น" รุ่นพี่กล่าวพลางมองแววตากระวนกระวายอย่างไม่เข้าใจ "อยู่ห้องเดียวกับคารอสออกจะดี ทำไมไม่อยากอะ ไม่เข้าใจจริงๆ"
"อ้าวพี่รู้จักมันด้วยเหรอ"
รุ่นพี่ได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะเดินลงบันไดจากไปทิ้งรุ่นน้องที่กำลังงงงวยกับตนเอง ตกลงมันเป็นใครกันแน่นะนายนี่
"โอ้ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว" ในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมแพ้เดินลากข้าวของเข้าห้องไป

ห้องใหม่ดูดีไม่ใช่น้อย เตียงใหญ่สองเตียงกันตู้เก็บของเล็กๆตั้งอยู่ตรงปลายเตียงอยู่ราวกับเก้าอี้ยาวเล็กๆ ข้างๆเตียงเองก็ยังมีโต๊ะหนังสือพร้อมน่านั่ง มุมอีกมุมหนึ่งของห้องก็สะดุดตาเช่นกัน ตู้หนังสือตั้งอยู่ติดผนังพร้อมกับโต๊ะนั่งเล่นที่นั่งสองคน

แต่ห้องมันจะน่าอยู่กว่านี้ถ้าไม่มีไอ้คนหน้าตายนี่อยู่แถมแย่งที่ดีตัดหน้าไปก่อน โว้ย……คารอสกำลังจัดวางเข้าของลงในกล่องโดยเมินเขาอีกเช่นเคยแต่เครอนก็เริ่มชินเสียแล้วกับนิสัยประหลาดๆของมัน เขาค่อยๆขนของไปเก็บไว้ในตู้บ้าง หลังจากเสร็จก็กินเวลานานพอควร
ตอนนี้คารอสกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะอย่างไม่สนใจใยดี แต่ว่ามีบางอย่างตัวเล็กๆกำลังกินคุกกี้อยู่ข้างๆ ร่างเล็กๆของทูตนั้นขยับตากลมโตเขียวมรกตมาทางเขาพลางยิ้มให้

"ไง" เครอนทักทูตตนนั้นเมื่อลงไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะยืนขนมให้ "มากินด้วยกันไหม"
ทูตสาวสวยพยักหน้าก่อนจะบินมายังโต๊ะเขารับขนมจากมือไปนั่งกินอย่างมีความสุข ท่าทางน่ารักทำเอาเครอนยิ้มอย่างเอ็นดูจนเกือบลืมไปว่ามันเป็นทูตของไอ้คนงี่เง่านั้น
"ชื่อไรเหรอ"
ทูตเงยหน้าขึ้นมามองแล้วตอบ "อีฟ"
"ชื่อดีนะ" เครอนกล่าวก่อนจะตะโกนเรียกทูตของตนเบาๆ "รอน"
ว่าแล้วรอนก็มาปรากฏตัวบนโต๊ะพลางนั่งลงกินขนมแล้วเริ่มพูดคุยกับเพื่อนใหม่ พูดไปกินไปทำเอาคนนั่งดูหัวเราะไปจนในที่สุดก็ตัดสินใจหาหนังสืออ่านเล่นพลางเหลือบตามองคารอสที่ตอนนี้นั่งสัปปงก

ไปมาบนโต๊ะของตัวเองทำเอาเครอนแอบยิ้มในใจ

"นี่คารอส นายอย่างห่วงมาดนายนักเลย จะนอนก็นอนไปฉันไม่ทำอะไรนายหรอก" เสียงนั้นทำเอาคนฟังสะดุ้งก่อนจะหันมามอง
"นี่ ฉันมันนอนดึกนะ กว่าจะนอนก็เกือบเช้านายนอนไปเหอะ ถ้ายังห่วงมาดจะไม่ได้นอนนะ" เครอนเตือนพลางหัวเราะเบาๆแล้วหยิบหนังสือจากชั้นไปอ่านต่อทิ้งอีกคนที่สงสายตาดุๆแต่แฝงคำขอบคุณไว้
"เสร็จซะที" เครอนกล่าวพร้อมกับปิดหนังสือเล่มหนาตรงหน้า
นี่ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าๆทูตทั้งสองนอนหลับไปเรียบร้อยบนที่นอนของทูตที่ทางห้องจัดเตรียมให้แต่ที่สำคัญกว่านั้น….
คนมาดมากตอนนี้หลับไปเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าสงบยังคงความเท่แม้แต่ตอนนอนทำให้เครอนยิ้มกว้างพลางกล่าวกับคนที่หลับไม่รู้เรื่อง
"นายอะนะความจริงก็ดูเท่ดี ตอนหลับก็น่ารักแต่ไม่น่ามัวแต่ทำหน้าบูดเลย"

ตอนที่ 8 บทเรียน

"ตื่น"
หมอนใบใหญ่ถูกขว้างข้ามเตียงไปโดนร่างที่กำลังหลับให้ตื่นขึ้น นัยน์ตาสีม่วงหันมามองคนปลุกที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้วอย่างเบลอๆก่อนจะปัดผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงให้เข้าที่เข้าทาง
"นายนี่ตื่นง่ายดีนะ ก็ดีไปอย่างจะได้ไม่เสียเวลา" เครอนกล่าวพลางมองเพื่อนร่วมห้อง "ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วนายไปอาบต่อได้เลย แล้วขอยืมตารางเรียนของนายหน่อยนะ"
"อืม จาเอาก็เอาไปเดี๋ยวฉันไปเอาใหม่เอง"
เสียงตอบแรกดังมาจากปากของคนตรงหน้าทำเอาเครอนตะลึงก่อนจะหัวเราะเบาๆ สายตาดุๆถลึงมองเขาแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
"พูดก็พูดได้แต่ไม่ยอมพูด ฉันนึกว่านายพูดไม่เป็นซะอีก" เครอนว่า
คารอสได้แต่ถอนหายใจแล้วเข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรอีกแต่เครอนเริ่มชินแล้วจึงไม่ได้โวยวายแบบครั้งก่อน ปล่อยให้มันทำธุระของมันไปแล้วเขาก็เดินไปยังปราสาทแดง
ปราสาทแดงคือโรงอาหารใหญ่ของโรงเรียนนั้นเอง ที่เรียนว่าปราสาทแดงก็เพราะทั้งตัวปราสาททำจากศิลาแดงที่มีเพียงแห่งเดียวในอาณาจักร ทุกวันจะมีนักเรียนและอาจารย์กว่า321คนมารับประทานอาหารกันที่นี่โดยแบ่งเป็นชั้นหนึ่งเป็นส่วนร้านค้าอาหารทั้งชั้น ชั้น2เป็นของสายพ่อค้า ชั้น3นักสู้และชั้น4ของนักบวช ส่วนชั้นสุดท้ายของสายจอมเวทย์และบรรดาอาจารย์

"เครอน ทางนี้"
เสียงตะโกนเรียกจากเวล์เซนที่นั่งอยู่โต๊ะแยกในมุมๆหนึ่งของห้อง ดูเป็นที่ๆสงบและบรรยากาศดีมาก มันเลือกเก่งแฮะ และเนื่องจากตอนนี้พึ่งเป็นเวลาเช้ามืดยังไม่มีคนมา มีเพียงฉันกับมันแค่สองคนเท่านั้นเอง
"ไง ตื่นเช้าชะมัด" เครอนทัก
"นายก็เหมือนกัน" เวล์เซนพูดก่อนจะยกชาขึ้นมาดื่ม "ตอนแรกฉันคิดว่าน่าจะเป็นคารอสตื่นก่อนซะอีก แต่ไปๆมาๆกลับเป็นนายไปได้"
"ก็เมื่อคืนมันไม่ยอมนอนซะที สงสัยกลัวฉันปล้นมันมั้งกว่าจะยอมนอนก็ปาไปเกือบ5ทุ่ม"
"นิสัยมันก็เป็นแบบนี้แหละ" เวล์เซนหัวเราะ "อยู่กับมันไปนานๆเดี๋ยวก็ชิน"
"ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน เพราะฉันเริ่มชินแล้ว" เครอนว่าพลางกัดขนมปัง "จริงสิ ไอ้คารอนมันเป็นใครกันแน่นะ ทั้งรุ่นพี่ทั้งคนแถวนี่รู้จักมันกันหมด แถมยังได้รับเลือกจากคณะอาจารย์ให้เป็นหัวหน้าชั้นอีก"
ทันใดนั้นเวล์เซนก็ชะงักกวาดตามามองเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย พลางสงสัยว่ามันเป็นนักเดินทางจริงหรือเปล่า แต่ก็ตอบคำถามเจ้าคนช่างถามกลับไป

"นายไม่รู้หรือ เป็นนักเดินทางไม่รู้ได้ไง"
"โถ นักเดินทางนะไม่ใช่นักข่าวที่จะต้องรู้ไปทุกเรื่อง ฉันเองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องของชาวบ้านซะเท่าไหล่หรอก" เครอนอธิบาย "แล้วนายจะบอกฉันมาได้ยัง"
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคนถูกถามก่อนจะตอบคำถามที่ทำให้คนกำลังดื่มกาแฟสำลักออกมาทันทีกับคำตอบที่ว่า
"มันเป็นหนึ่งในสามจอมเวทย์อันดับหนึ่งแห่งโครนอส"

ชั่วโมงแรกเริ่มด้วยการเรียนภาษากลางสอนโดยอาจารย์ แองจี้ แห่ง อีสต์ทาวต์ ความน่าเบื่อเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ในห้องเรียนเล่นเอาเด็กสายเวทย์หลับกันเป็นแถวๆตั้งแต่ห้านาทีแรก แต่อาจารย์แกกลับไม่ได้สนใจอะไรนอกจากพูดบรรยายต่อไปโดยไม่ใส่ใจนักเรียนแม้แต่น้อย
คนที่เรียนได้ก็ท่าจะมีอยู่แค่ไม่กีคนซึ่งหนึงในนั้นแน่นอนว่าคือฝาแฝดผู้พี่ของเขานั้นเอง ใบหน้าตั้งใจจดจ่ออยู่กับคำอธิบายจากอาจารย์ตอนนี้สวมแว่นตาเรียบร้อย แต่ก็ยังคงรักษาความเท่ได้อย่างเสมอต้อนเสมอปลายจนน่าตกใจ

"โซรามอสๆ" เครอนสะกิดไอ้คนนอนกรนข้างๆ "ไอ้คารอสมันสายตายาวหรอวะ"
"เปล่า มันสายตาดีกว่าคนปกติเวลาจ้องอะไรในระยะ10เมตรนานๆมันจะเบลอ เลยต้องใส่แว่นชนิดพิเศษของโครนอสเวลามอง"
"แล้ว…อ้าว"
เครอนที่กะจะถามต่อก็เป็นอันไม่ได้ถามเมื่อเจ้าเพื่อนข้างๆฟุบหลับลงไปซะอย่างนั้น ช่างมันขี้เกียจปลุกมันแล้วเห็นมันกำลังหลับสบายเลยไม่อยากขัด คิดแล้วถอนหายใจก่อนจะนั่งฟังอธิบายต่อไป
วิชาต่อมาคือพลังจิต การควบคุมพลังจิตเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของพลังเวทย์อันได้แก่การรวบรวมสมาธิจดจ้องแล้วปล่อยพลังออกไป วันนี้คือการฝึกจุดเทียนไขหนึ่งเล่มที่ดูง่ายๆแต่ความจริงยากสุดขีดสำหรับคนพึ่งเริ่มอย่างโซรามอสและเวล์เซน

"ให้นักเรียนไปเอาของที่ตัวเองคิดว่าถ้ามีมันอยู่แล้วจะมีสมาธิมาจะสร้างพลังจิตได้ง่ายกว่า" นี่คือคำสั่งของอาจารย์พ่อมด อิรายรัส แห่ง โครนอส กล่าวก่อนเริ่มชั่วโมง
"ทำไมเขียนไขมันจุดยากอย่างนี้" เวล์เซนบ่นพึมพำหลังจากพยายามจุดอยู่หลายครั้ง ในมือยังคงคริสตันคู่ใจแน่นก่อนจะลงเพ่งสมาธิอีกครั้งแต่ก็มีเพียงประกายไฟเล็กๆที่พุ่งออกมาก่อนจะหายไป
แต่คนที่จะไปได้สวยงามที่สุดก็หนีไม่พ้นจอมเวทย์ตัวจริงอย่างคารอสอีกเช่นเคยที่จุดเทียนได้โดยแค่มองเทียนเท่านั้นก่อน

จะปรับแต่งแสงไฟจากเทียนเป็นสีต่างๆรูปร่างต่างๆไปมาเล่น เรียกเสียงฮือฮาจากคนในห้องไม่น้อย ส่วนโซรามอสรู้สึกว่าจะมีธาตุไฟมาสมเป็นจอมเวทย์อัคคีจริงๆ เพราะหลังจากลองดูเป็นครั้งที่4มันก็ทำสำเร็จ แต่ไฟเทียนที่เสกออกมามันใหญ่ซะจนเทียนทั้งเล่มละลายเกือบเผาโต๊ะเรียนไหม้โชคดีที่อาจารย์ช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นมันคง

ต้องจ่านค่าเสียหายให้ข้อหาเผาสมบัติโรงเรียนแน่ๆ

เครอนเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ทุกร้อนอะไรมากเพราะเขาเสกให้เทียนไขติดได้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วก็ดับ ติดแล้วก็ดับไปมาหลายรอบอย่างสบายอารมณ์จัดจนหมดคาบ
"ทำไมเทียนของพวกนายติดแต่ของฉันไม่ติด" เวล์เซนโวยวายขณะเดินไปหาอาจารย์ที่ห้องสมุดเพื่อเรียนวิชาต่อไป เขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ติดเทียนไขไม่ได้เลย
"ก็นายธาตุลม เลยมีผลกับการใช้เวทย์ด้วย" คารอสอธิบาย
"ถ้างั้นเป็นตอนดับเทียนนายก็สบายอะดิ" เครอนว่าก่อนจะหัวเราะไปพร้อมๆกับเพื่อน แล้วหันไปถามคนข้างๆ "ว่าแต่นายเหอะ เป็นจอมเวทย์อยู่แล้วทำไมต้องมาเรียนอีกฟะ ไม่เข้าใจ"
"การเรียนเพื่อเอาประสบการณ์" คารอสตอบสั้นๆ
"โคตรเด็กเรียนเลยวะ" โซรามอสแซว

รายวิชาต่อไปคือประวัติศาสตร์ บรรยากาศเย็นๆของห้องสมุดเล่นเอาเด็กทั้งห้องหลับกันเกลื่อนขนาดที่ภาษากลางชิดซ้ายเพราะคุณคารอสมาดมากของเร

ายังสัปงกอยู่บนเก้าอี้ส่วนคนอื่นๆคงไม่ต้องพูดถึงโดนเฉพาะคนที่หลับง่ายที่สุดในกลุ่มอย่างโซรามอสที่ต้องนี้น้ำลายกำลังยืดได้ที่ อาจารย์ผู้สอนคืออาจารย์ ชารอน แห่งอิสตัน ที่เทศนาไม่ยอมหยุด

"ตื่นได้แล้ว"
คารอสเขย่าตัวเพื่อนๆหลังจากอาจารย์ออกจากห้องไป
"เลิกแล้วหรอ" เครอนกล่าวอย่างเบลอๆพลางขยี้ตา
"ใช่ ไปกินข้าวได้แล้ว"
"คารอสหลังกินข้าวแล้วเรียนไรอีกฟะ" เวล์เซนถาม
"เวทย์เฉพาะสาย"

ตอนที่ 9 ความลับของเครอน

"สายอัคคีของนายเรียนที่ไหนอะโซรามอส" เครอนถามให้จากที่ทั้งหมดกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวแยกย้ายกันไปเรียนตามสายต่างๆ
"ฉันเรียนที่ลานหน้าโรงเรียน" โซรามอสตอบ "แล้วพวกนายเรียนไหนกันบ้าง"
"ฉันเรียนที่ห้องโถงกลาง" เวล์เซนพลางยักไหล่ตอบ
"ฉันเรียนที่สวนหลังโรงเรียน" เครอนว่าบ้างจากนั้นก็หันไปทางแฝดของตัวเอง "นายเรียนไหนก็ตอบๆมาซะทีซิ คนเค้ารอฟังอยู่"
คารอสถอนหายใจก่อนจะตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า "หอคอยกลาง"

เท่านั้นเองห้องทั้งห้องก็เงียบกริบหันมามองมันเป็นตาเดียว จะบ้าหรอไง หอคอยกลางมันเป็นที่ฝึกเวทย์ของอาจารย์จอมเวทย์ชั้นสูงของริสมาฟอรัสอย่าบอกว่ามันได้รับสิทธิพิเศษ ไม่น่าเป็นไปได้ก็ถึงมันจะเป็นจอมเวทย์มาก่อนแต่ฝีมือมันจะเก่งขนาดฝึกกับจอมเวทย์ในตำนานเลยหรอฟะ

"อย่างล้อเล่นดีกว่าน้า" เครอนพูดพลางตบบ่าคนที่สูงกว่า คารอสมองลงมาก่อนจะถอนหายใจ
"อืม ฉันล้อเล่น"
ห้องอาหารทั้งห้องถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะแยกย้ายกันทำงานของตัวเองต่อไปโดยไม่ได้สนใจพวกเขาอีกเลย ล้อเล่นก็น่าจะเอาให้มันสมจริงหน่อยสิ
"ฉันได้ข่าวมาว่าพวกสายปฐพีได้เรียนที่ห้องสมุด" เวล์เซนเริ่มกล่าว
"น่าอิจฉาวะ ได้เรียนที่ดีๆ สบายๆ" โซรามอสถอนหายใจ "แล้วเรื่องทูตประจำตนว่าไงบ้าง คารอส"
"เค้าบอกให้ทูตแยกย้ายกันไปตามธาตุของตัวเอง"
"งั้นดี ทูตของฉันธาตุเดียวกับฉันงั้นก็ดีไป"

ในที่สุดสัญญาณบอกเข้าเรียนก็ดังขึ้นพวกเราแยกย้ายกันไปตามที่เรียนของตนเอง รอนต้องไปฝึกที่ปราสาทขาวกับพวกธาตุวารีระหว่างที่เขาต้องไปฝึกกับธาตุความมืด
สวนหลังโรงเรียนเป็นสวนงดงามที่สุดในริสมาฟอรัส ต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงามวลดอกไม้เล็กๆสีขาวขึ้นอยู่ตามทางเดินดูราวกับภาพวาดอันงามวิจิตรและที่งามกว่านั้นคือ ทะเลกว้างทอดยาวสุดสายตา เสียงคลื่นกระบทชายหาดดังลอยมาตามสายลมหอบกลิ่นไอของน้ำปะทะใบหน้า
พื้นชาดหาดขาวละเอียดเบื้องหน้ามีเงาคนปรากฏอยู่ เสื้อคลุมสีดำยาวแบบจอมเวทย์เต็มตัวทำให้รู้สึกถึงความน่าเกรงขามและทรงอำนาจตัดกับสีผิวขาวซีดและผมยาวน้ำเงิน ชายคนนั้นหันมาเมื่อเครอนเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้ารูปไข่แสนจะหล่อเหลาแบบผู้ใหญ่ นัยน์สีน้ำเงินประสานกับดวงตาสีเขียว

"ครูกำลังรอเธออยู่พอดี"
"ทำไมมีผมคนเดียวหรือครับ แล้วคนอื่นๆไม่อยู่หรอครับ" เขาถามพลางกวาดสายตามองรอบๆตัวราวกับว่าพวกรุ่นพี่จะกระโดดออกมาทำให้เขาตกใจเล่น
"มีเธอคนเดียวเท่านั้นแหละ เครอน" อาจารย์กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา "รุ่นพี่ที่เหลือเค้าเรียนกันที่อื่นและก็เรียนกับอาจารย์อีกคน"
"เหรอครับ"
หมายความว่าเค้าต้องเรียนเป็นการส่วนตัวกับอาจารย์แบบนี้ไปตลอดทั้งปีอะดิ ก็ไม่เลวเหมือนกันจะได้หน้าแตกไม่มากเวลาร่ายเวทย์มั่วซั่วอย่างมากก็แค่โดนดุนิดหน่อย
แต่ว่าสายตาของอาจารย์มันดูคุ้นๆยังไงก็ไม่รู้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะแต่มันนึกไม่ออก รูปหน้าก็เหมือนกัน ทันใดนั้นอาจารย์ที่เขากำลังคิดกล่าวราวกับอ่านใจเขาได้
"อย่าบอกนะว่าจำกันไม่ได้ ไม่กี่ปีความจำเสื่อมแล้วหรือไง"
ใครอะ คุ้นๆแต่นึกไม่ออกซะที แต่แล้วภาพบางอย่างก็วิ่งปราดเข้ามาในหัว ภาพชายหนุ่มผมสั้นผู้เป็นหมอที่ช่วยเขาไว้ ถึงผมจะยาวขึ้นแต่ดวงตายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงเฉียบคมเหมือนเดิม
"พี่เวลล์"
รอยยิ้มคุ้นเคยปรากฏบนใบหน้าของอาจารย์คนรู้จัก ก่อนจะหัวเราะไปพร้อมๆกับลูกศิษย์ ใครจะเชื่อว่าทั้งสองจะได้มาพบกันอีกในฐานะแบบนี้

"เป็นไงมาไงเปลี่ยนอาชีพมาเป็นอาจารย์ไปได้ เป็นหมอไม่ดีหรือไง"
"จะบ้าหรอไง ตอนนั้นฉันต้องไปเป็นหมอจำเป็นเพื่อรักษาอาการนาย ความจริงฉันเป็นอาจารย์มาตั้งนานแล้ว" เวลล์โวยให้แล้วตบบ่าลูกศิษย์
"แล้วนี่ฝีมือถึงขั้นเป็นอาจารย์หรอไง" เครอนแซว
ฝ่ามือที่ใช้ตบบ่าก็เปลี่ยนมาตบหัวทันทีแต่ลูกศิษย์ตัวแสบกระโดดหลบอย่างรวจเร็วพลางหัวเราะเบาๆ อาจารย์ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็อมยิ้มอยู่ในใจ
บทเรียนวันนี้ของการเรียนเวทย์เฉพาะสายคือการ….
….นั่งคุยกันทั้งชั่วโมง….

ทั้งศิษย์อาจารย์ต่างพูดคุยเรื่องราวต่างๆแลกเปลี่ยนกัน หลังจากจากกันนานเกือบปีมันต่างก็มีเรื่องมากมายที่จะเล่าให้กันฟัง ทั้งเรื่องที่โรงเรียน เรื่องเมืองนู้นเมืองนี้รวมทั้งเรื่องของตัวเอง นานกว่าสามชั่วโมงเต็มของการหัวเราะจนท้องไส้ปั่นป่วนการเรื่องฮาๆของอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ โดยไม่รู้เลยว่า…

นัยน์ตาสีม่วงคมกำลังมองดูพวกเขาจากยอดหอคอยกลาง ภาพรอยยิ้มของแฝดผู้น้องทำให้คนแอบดูแอบชมอยู่ในใจ พลางนึกในใจว่า ทำไมยังมีคนยิ้มง่ายอย่างนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยหรือ
"หลานคารอส อานอสฝากจดหมายมาให้" เสียงจากชายแก่ดังขึ้นด้านหลัง
"ขอบคุณครับ ท่านเอ็นโทราส"
เขายื่นมือไปรับจดหมายจากมือของผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมาเปิดดูอย่างรวจเร็วก่อนจะส่งคืน สีหน้าสงบนิ่งอยู่เสมอก็เริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
"งานครั้งนี้ยากมากใช่ไหม" เอ็นโทราสถามแล้วถอนหายใจ "อานอสน้าอานอส"
"ท่านอาไม่ผิดหรอกครับ ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของโครนอสกับเทรนนอสผมก็ต้องทำตาม" ว่าแล้วเจ้าตัวก็มองออกไปยังบานหน้าต่างใหญ่อีกครั้ง "เพื่อคนส่วนรวมแล้วมันก็ต้องเป็นแบบนี้"
"นี่พี่ๆ แล้วไม่คิดจะสอนบ้างเลยหรือไง คิดจะอู้งานอะดิ" เครอนถามขึ้นเมื่อการสนทนาที่ยืดยาวจบลง
"อย่างนายฉันมันไม่ต้องสอนแล้วมั้ง ออกจะเก่…"
เจ้าลูกศิษย์เอามือปิดปากอาจารย์จอมปากมากแทบไม่ทัน แววตางงงวยปรากฏเป็นเชิงถามแต่คำพูดแรกกลับเป็นการโวยว้านแทน
"นายจะปิดปากฉันไปนานไหม เค็มนะเฟ้ย"
"โทษที"
"ฉันไม่เข้าใจนายเลย" เวลล์เอามือเกาหัวเบาๆ "ทำไมต้องทำลับๆล้อๆด้วย"
"โถพี่… ผมไม่อยากทำตัวเด่นนะ"

คนหน้าตาดีตอนนี้ฉายแววสงสัยเป็นที่สุด แต่ยังคงจ้องลูกศิษย์ตัวดีเป็นเชิงบอกให้ผู้ต่อ เครอนถอนหายใจกับอาจารย์ที่เข้าใจอะไรอยาก แล้วอธิบายที่ไม่มีเหตุผลไป

"ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าใช้เวทย์เป็น"
"ทำไมอะ แต่ก่อนนายใช้เวทย์เก่งจะตายไม่ใช่หรอไง"
"ใช่ๆ แต่ตอนนี้ฉันเป็นแค่นักเดินทางธรรมดา เข้าใจไหม ธรรมดา" เครอนเน้น
เวลล์เลิกคิ้วขึ้นกับเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นของคนตรงหน้า แต่สายตาจริงจังทำให้คำพูดจะด่าเข้าให้ก็เปลี่ยนไป เขาต้องยอมแพ้มันจนได้
"โอเคๆ ฉันจะปกปิดให้ก็แล้วกัน"
"แฮะๆ แท้งกิ้วครับอาจารย์"

ตอนที่ 10 ข่าวสารจากแดนไกล

"มีใครเห็นไอ้คารอสมันบ้างไหมนี่"
"ไม่เห็นเลยวะ" โซรามอสตอบสั้นๆพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ "ปล่อยมันเถอะ พวกขยันเรียนก็เงี้ยกินหนังสือแทนข้าว"
"ได้ยินว่าถูกอาจารย์ใหญ่เรียกตัวไปคุยไม่ใช่เหรอ"
คำตอบที่ได้จากเจ้าคนช่างรอบรู้ประจำกลุ่มเล่นเอาเพื่อนทั้งสองชะงักหันหันมามองสบตากัน นัยน์ตาสีเขียวออกอาการเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจนจนน่าสนสัยส่วนคนกล่าวยังคงสบนิ่งไม่รู้สึกรู้สาปล่อยให้คนฟังต้องทำความเข้าใจกันเอง

เครอนตอนนี้หน้าซีดลงจนน่ากลัว หันริมฝีปากสั่นมาทางเพื่อนก่อนจะค่อยๆพูดอะไรพึมพำเล่นเอาคนข้างๆเป็นห่วงแทน
หรือว่ามันกลัวไอ้คารอสจะถูกไล่ออกฟะ

"หรือว่า…หรือว่าเรื่องที่ฉันไปต่อยหน้ามันคราวนั้นฟะ ซวยแล้วเรา"
ทั้งคนจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ก็หลุดมาดสำลักพรวดออกมาอย่างแรงเล่นเอาเพื่อนกระโดดหนีแทบไม่ทันส่วนอีกคนก็ปล่อยก๊ากดังราว

กับลำโพงแตกจนทุกสายตาในห้องอาหารหันมาเป็นตาเดียวอย่างสนใจใคร่รู้รวมถึงสายตาตำหนิของบรรดาอาจารย์ทั้งหลายด้วย

"ยังจะมาหัวเราะอีก" เครอนโวยวายใส่เพื่อนทั้งสอง
"ก็..ฮาๆๆๆ ก็..นายอะ ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
โซรามอสพูดไปขำไปจนน้ำตาร่วงฟังไม่รู้เรื่องต้องให้ล่ามมาแปลกภาษาให้แทน
"แกนะแก นึกว่ากังวลเรื่องไอ้คารอสที่แท้กลัวตัวเองซวย" เวล์เซนถอนหายใจแกล้วทำเป็นกลุ้มแต่ความจริงเขาก็แอบอมยิ้มอยู่ในใจ
"ทำไงดีๆ"
เจ้าตัวแสบยังคงไม่เลิกลา สติแตกพลางโดดไปขอร้องให้เพื่อนช่วยอย่างเอาเป็นเอาตายจนอดขำหัวไม่ได้ พลางตะหนักว่าถ้าไม่มีเครอนกลุ่มเราคนเหงาตายแน่ๆ
"น้าเวล์เซนน้า ช่วยกล่อมไอ้คนตายด้านนั้นหน่อยน้า อย่างน้อยก็เพื่อนกัน"
"โว้ย…ไอ้ประสาท" เวล์เซนโวยเข้าให้แต่ก็พยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ "มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด ไอ้คารอสมันถูกเรียกไปพบเรื่องทางบ้านมันที่โครนอสโว้ย"
สิ้นประโยคหน้าซีดๆของเจ้าตัวก็หายไปมีสีแดงขึ้นมาแทน ไม่ใช่ความอายหรอกแต่ควันจางๆเริ่มออกหูทั้งสองข้างพลางกล่าวอย่างเบาๆ
"ทำไมไม่เรียบบอกแต่แรกฟะ"
"ก็นายเล่นคิดเองแบบนี้ฉันไม่รู้ใจนายซะทุกเรื่องนะเฟ้ย"
"ไอ้เวล์เซน" เสียงเริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด "ตายซะ…….."
ว่าแล้วเจ้าคนรอบรู้ประจำกลุ่มก็ถูกวิ่งไล่เตะไปรอบห้องอาหารพร้อมๆกับเสียงหัวเราะของทุกสายตาไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ทั้งหลายที่นั่งอมยิ้ม บรรยากาศเงียบครึมแบบตอนแรกหายไปราวกับไม่เคยปรากฏ ความกังวลของคนอีกหลายๆคนหรือความเหงาถูกเสียงหัวเราะทำให้สบายใจ ใครจะไปรู้ว่าเด็กหนุ่มกลุ่มนี้จะนำความสุขมามอบให้ผู้คนอื่นๆอีกมากมายแบบนี้
หลังจากวิ่งไล่มันจนเหนื่อยเครอนก็ต้องขอตัวกลับไปพักผ่อน ห้องโถงของหอจอมเวทย์เงียบสงัดเนื่องจากทุกคนไปกินข้าวกันหมด
ถึงภายนอกเครอนจะดูไม่ค่อยเป็นห่วยเจ้าคนที่ไม่อยู่แต่ยังไงซะความเป็นเพื่อนมันก็ตัดไม่ขาดหรอก เพราะตอนนี้ในมือของเขากำขนมปังก้อนใหญ่ไว้แน่นระหว่างที่ก้าวขึ้นบันได
นายนั้นจะอยู่โดยไม่กินอะไรเลยได้ยังไงกัน ไม่รู้หรอกนะว่าจดหมายทางบ้านนายมันจะเป็นข่าวร้ายแรงอะไรแต่การทำแบบนี้มันทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วง อย่างน้อยก็น่าจะโผล่มาให้เห็นหน้ากันบ้างสิ ยิ่งคิดยิ่งโมโหโว้ย ถ้าเจอสงสัยต้องเทศนาสั่งสอนกันยาวแน่กับหมอนี่

"คารอสอยู่หรือเปล่า"
เครอนตะโกนเรียกเป็นเวลาเดียวกับผลักบานประตูเข้าไปอย่างแรนัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ร่างของคารอสนอนแน่นิ่งสงบของบนพื้นห้อง หน้าซีดเผือกตัวเย็นเฉียบจนน่าตกใจแต่ที่น่ากลัวว่านั้นคือ….. รอยกรีดข้อมือของตัวเองเพื่อลงผนึกอาคม เลือกสีแดงไหลรินออกมาไม่หยุดทำเอาเครอนร้องลั่นก่อนจะร่ายมนต์รักษาอาการให้โดยหวังในใจว่า
……ขอให้ทันด้วยเถอะ……

เปลือกตาของคนป่วยค่อยๆเปิดช้าๆก่อนจะรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดที่ข้อมือซ้ายแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความอบอุ่นจากคนที่กุมมือเขาอยู่ข้างเตียง ความอบอุ่นที่เขาแทบไม่เคยรู้สึกมาก่อน เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวหันมาสบก่อนจะยิ้มให้โดยไม่พูดอะไรก่อนจะวางมือเขาลง
"ไง หายก็ดีแล้วเล่นฉันตกใจแทบแย่"
เสียงสดใสแบบเดิมดังขึ้นจากปากของแฝดผู้น้อง ก่อนที่ร่างนั้นจะเดินไปหยิบของบางอย่างมายื่นให้ตรงหน้าคนป่วยเล่นเอานัยน์ตาสีม่วงมองอย่างสงสัย
"กินซะจะได้หายเร็วๆ ฉันกะจะเอามาใหญ่ก้อนใหญ่ๆจะได้อิ่ม ไม่รู้ว่าจะป่วยอะ" เครอนยิ้มพลางหัวเราะอย่างฮาๆกับคนตรงหน้า "กินไหวเปล่า"
"ฉันจะยังไงในเมื่อมือมันใช้ไม่ได้"
เป็นคำถามที่ตรงประเด็นอย่างแรงจนเจ้าของขนมปังถึงกับหัวเราะตนเองที่ไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังจริงสินะมันกินเองไม่ได้นี่หน่าลืมสนิทเลยเรา
"งั้นอันนี้ฉันกินเอง ส่วนนี่…" ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินไปค้นของจากตู้เก็บของจนในที่สุดก็หยิบกล่องขนมรูปร่างน่ากินมาให้ "ฉันยกให้นาย"
เจ้าคนป่วยมองของนั้นอยู่นานจนยอมแพ้กับท่าทางของคนให้รับขนมปารักษ์จันทร์มา สายตาคมๆมองเจ้าตัวแสบตรงหน้าก่อนจะถามคำถามหนึ่งเข้าให้
"นายรู้จักตำนานของขนมนี่ไหม"
"รู้สิ ตอนซื้อคนขายเขาเล่าให้ฟัง ทำไมเหรอ"
"ไม่เสียดายของหรือไง แพงไม่ใช่เหรอ"
คำพูดนั้นเล่นเขาคนฟังหัวเราะเบาๆจนเจ้าคนป่วยส่งสายตาดุเข้าให้แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบของคนตรงหน้าที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะคิดได้แบบนี้
"ถ้าของแพงๆมีค่ามากกว่าเพื่อนแหละก็นะ แต่ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย วัตถุสักวันก็ย่อมสลายไปตามกาลเวลาแต่มิตรภาพนั้นมันไม่มีวันสลายระยะทางก็มิอาจพรากจาก"รอยยิ้มบางๆปรากฏที่มุมปากก่อนจะหันมาสบนัยน์ตาสีม่วง "สำหรับฉันเพื่อนย่อมมาก่อนเสมอ"
คนฟังนัยน์ตาเบิกกว้างกับคำพูดของฝาแฝดผู้น้องที่วันๆเอาแต่เล่นสนุกสนานมามองดูอีกมุมเครอนก็เป็นคนมีหลักการที่น่ายกย่องคนหนึ่ง
ดวงตาสีเขียวหันมาประสานก่อนจะกล่าวต่อซึ่งเป็นคำกล่าวที่ทำให้คนชมเปลี่ยนใจในทันที
"ของกินมันมีไว้กินนายไม่กินยังไงฉันก็กินเพราะฉะนั้นนายรีบๆกินไปเลยก็ที่ฉันจะอดใจไม่ไหวแย่งนายกินนะเฟ้ย" ว่าแล้วเจ้าตัวแสบค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบขนม
…….เพี้ย…….
มือคนตัวโตกว่าตบหลังมือเข้าให้จนต้องกระชากหนีพลางบ่นไม่หยุดปากใส่คนป่วยแต่คารอสก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของเจ้าตัวแสบ
"นายยกให้ฉันแล้วนะ"
"นี่……คิดจะกินคนเดียวหมดเลยหรือไง ระวังอ้วนเป็นหมูไม่รู้ด้วย"
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคนตายด้านแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปเป็นแบบเก่าทำเอานัยน์ตาสีเขียวมองพลางขำไปมา อย่างน้อยมันก็เริ่มหายตายด้านขึ้นมาหน่อยก็แล้วกัน
"คารอส นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า"
คำถามที่เครอนถามขึ้นใหม่เล่นเอาคารอสหันมอง ถึงเขาจะรู้ว่าไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน แต่การเขียนผนึกอาคมชั้นสูงถึงขนาดใช้เลือดสดแบบนี้มันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆธรรมดาแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะระบายให้เพื่อนได้ฟังกันบ้างจะเก็บไว้คนเดียวแบบนี้ได้ไง

"นายคิดจะเก็ยไว้คนเดียวหรือไง คนอื่นๆเค้าเป็นห่วงนะเฟ้ย มีอะไรที่พอบอกได้นายก็ระบายออกมาเถอะ" เป็นครั้งแรกที่คารอสเห็นสายตาแน่วแน่นของคนๆนี้
มันคงจะปกปิดอะไรต่อไปได้อีกไม่นานแล้วสินะ คารอสถอนหายใจ
"ฉันได้รับคำสั่งจากท่านอาและท่านลุงมา" สายตาคมหันมามองคนข้างๆที่รับฟังอยู่ "ให้มาฆ่าคนคนหนึ่งทิ้งซะ"
คำตอบที่ได้เล่นเอาคนฟังตกใจเหลือบไปมองราวกับว่าคารอสกำลังพูดเล่นกับเค้าอยู่แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงโต้ตอบอะไรอีกจากแฝดผู้พี่
"ฆ่าคน…." เครอนทวน
"ใช่" คำตอบนิ่งๆยืนยันคำเดิม
"ทำไมอานายต้องให้นายทำด้วย การฆ่าคนมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ" เครอนกล่าวพลางกระโดดขึ้นไปบนเตียงของคนป่วย "อานายคิดจะยืมมือนายฆ่าคนได้อย่างไรกัน"
"ฉันก็ไม่อยากทำหรอกนะ แต่หน้าที่ย่อมเป็นหน้าที่เครอน" เสียงที่ตอบกลับมานั้นช่างเย็นชานั้น
"เพราะอย่างนี้นายเลยเขียนผนึกอาคมเพื่อติดตามหาคนที่นายต้องฆ่าสินะ" เครอนกำมือแน่น "นายเป็นจอมเวทย์นะไม่ใช่มือสังหาร ทำไมต้องใช้เวทย์ทำร้ายคนอื่นด้วย"
"นักเดินทางอย่างนายไม่เข้าใจหรอก เพื่อคนส่วนรวมแล้วบางทีมันก็จำเป็นต้องทำ"
"แต่นายไม่จำเป็นต้องทำ คิลเลียสมีนักฆ่าฝีมือดีตั้งมากมายทำไมไม่ไปจ้าง ทำไม่ต้องให้นายทำ"
ไม่มีคำพูดจากปากของคนตรงหน้ามีเพียงสายตาที่เย็นชามองมา ก่อนจะตอบสั้นๆ
"คำสั่งย่อมเป็นคำสั่ง ฉันไม่อาจขัดพระประสงค์ของท่านอาได้"
"งั้นกษัตริย์ก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจสินะ"
สองสายตาถลึงมองกันอยู่นานกว่าจะยอมเลิกรา เครอนเดินจากไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองแล้วนำงานขึ้นมาทำโดยไม่สนใจแม้แต่จะมองคนป่วยร่วมห้อง
"ช่างเถอะ ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องงานของนายจะทำอะไรก็ทำไปเพราะยังไงฉันก็อยู่ข้างเพื่อนอยู่แล้ว" เขากล่าวโดยไม่แม้เพียงแต่จะสบตา "นอนไปก่อนเลย ฉันเขียนงานดึก"
เจ้าคนป่วยสนหายใจก่อนจะล้มตัวลงนอนแต่แล้วบรรยากาศเครียดๆก็หายไปเมื่อได้ยินคำพูดทะเล้นแบบประจำของแฝดผู้น้อตัวแสบ
"นอนดีๆด้วย อย่างละเมอเรียกหาแม่เข้าแหละ ฉันกลัวผีนะโว้ย"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หน้า 1-2-3-4-5-6

The Princess Of Darkness
Free Web Hosting